ถ้าย้อนกลับไปในยุคปี 2000 ต้องพูดเลยว่าคงไม่มีใครดังเกินกว่า 3 คนนี้ “แดน-บิ๊ก-บีม D2B” บอยแบนด์ชื่อดังระดับประเทศ ที่ไม่ว่าจะหยิบจับหรือไปโชว์ตัวที่ไหน พูดเลยว่าเขาทั้ง 3 คนคือซุป'ตาร์ จนเกิดเหตุการณ์ของการจากไปของหนึ่งในสมาชิกอย่าง “บิ๊ก ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ” ทำให้บอยแบนด์วงนี้กลายเป็นตำนาน แต่เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ พิสูจน์ได้จากการจัดคอนเสิร์ตทีไร ก็การันตีได้เลยว่าบัตรหมดภายในไม่กี่นาที
แม้การจากการไปของ “บิ๊ก” จะผ่านมาแล้ว 14 ปี แต่ความผูกพันของทั้งสามคน ที่ไม่ใช่แค่พี่แค่น้อง แต่รวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาก็ยังสนิทกัน และในเดือนธันวาคมของทุกปี นอกจากจะเป็นวันเกิดและวันที่บิ๊กจากไปแล้ว ก็ยังเป็นเดือนที่วางอัลบั้มแรกของพวกเขาอีกด้วย “บีม กวี ตันจรารักษ์” ก็ได้เผยความรู้สึกผ่านรายการ “แฉ” ถึงความผูกพันและความมหัศจรรย์ที่ยังสัมผัสได้ว่า “บิ๊ก” ไม่เคยจากไปไหน และยังคงทิ้งพลังงานบางอย่างไว้ให้กับครอบครัวครัว และเขากับ “แดน วรเวช ดานุวงศ์” พร้อมยังเล่าถึงเหตุการณ์ชวนขนลุก จากคนที่ไม่เคยเชื่อ จนทุกวันนี้เชื่อสนิทใจว่ามีอยู่จริง
“จริงๆ ทุกช่วงเดือนธันวาคม จะเป็นวันเกิดของบิ๊ก และวันที่เขาจากไป และก็มีวันที่เราเปิดอัลบั้มครั้งแรก เราก็คิดว่าเดือนนี้มันเป็นเดือนที่มีความสำคัญกับ D2B และพอใกล้ถึงสิ้นปีทีไร เราก็จะนึกถึง ทั้งคุณพ่อคุณแม่ครอบครัวของบิ๊ก เราก็จะพยายามไป และปีนี้ก็พาลูกเราไปเยี่ยมด้วย
ซึ่งผมมีความรู้สึกว่าในบางครั้งบิ๊กยังอยู่ จะเรียกว่าอะไรดี แต่นี่เป็นความคิดส่วนตัวนะ เป็นความเข้าใจส่วนตัวของผมเอง เหมือนเวลาที่เราจากไป เราจะทิ้งพลังงานบางอย่างเอาไว้ในโลกนี้บางส่วน และการที่บิ๊กทิ้งพลังงานส่วนนั้นเอาไว้ แค่พลังงานที่บิ๊กเขาหวงแหนพ่อแม่เขาอยู่ มันก็ยังสถิตอยู่ตรงนั้น ในบางครั้งมันก็มากระทบที่ผมกับที่แดน
อย่างเวลาไปไหว้เขา กับแดนสองคน ก็รู้สึกว่าเหมือนมีสายลมมาโอบเราไว้ หรือมันจะเป็นความรู้สึกไปเองก็ได้ แต่ผมก็ไม่เข้าตรงนี้เหมือนกัน และในบางครั้งเขาก็มาในรูปแบบของพลังงานบางอย่าง ทำให้ไมค์มันหอนขึ้นมา หรือมีครั้งนึงผมขับรถกลับมาจากวัด ซึ่งวันนั้นไปทำบุญให้เขามา และแดนก็มาบอกว่าบิ๊กมาหาเขา บิ๊กมาสื่อว่าเขาต้องมีศาลอยู่หน้าบ้าน
ตอนนั้นผมไม่เชื่อเท่าไหร่ ผมเป็นคนไม่เชื่ออะไร คือผมเชื่อประมาณ 10% แต่แดนเขายัง 50-50 อยู่ ผมก็เลยอธิษฐานต่อหน้ารูปบิ๊กว่าถ้าอยากให้พี่ทำอะไรให้ มาให้เรารู้สึกหน่อยว่าเอ็งต้องการพี่นะ และพอเราขับรถกลับบ้าน ออกจากวัดไปได้สักพักนึง เครื่องเสียงในรถหอน ซึ่งเครื่องเสียงในรถไม่มีทางหอนได้แน่นอน มันดังติ๊ดติ๊ด
ตอนนั้นผมร้องไห้ ผมทำอะไรไม่ถูกเลย แฟนก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมก็พูดออกไปว่าถ้าไม่หยุด พี่จะไม่ช่วยแล้วนะ เสียงนั้นก็เงียบเลย ซึ่งก่อนหน้านั้นแดนเขาเชื่ออยู่แล้ว เขาก็จัดการเตรียมของไว้แล้ว วันตั้งศาลผมก็ไปด้วย พอเจอเหตุการณ์นี้ มันทำเราเชื่อว่ามีพลังงานของบิ๊กบางอย่างยังอยู่รอบๆ ตัวเรา ซึ่งแดนเขาจะเชื่อเพราะเขามีเซ้นส์อะไรบางอย่าง”
