ในที่สุดก็ได้ผู้ชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทั้งลุ้นทั้งเลื่อน จน “LAZ iCON” ไอคอนป๊อป ตัวท็อปเดบิวต์ จาก “เด็กฝึก” ที่กำลังจะกลายเป็น “ศิลปิน” โดยผู้ชนะเลิศทั้ง 5 คน เรียงจากคะแนน ซึ่งใช้คะแนนโหวต 100% เป็นตัวตัดสิน และก็เป็นไปตามคาดว่าตัวเก็งเต็งหนึ่งอย่าง “ต้าห์อู๋ พิทยา แซ่ฉั่ว” ที่แม้จะไม่ได้ขึ้นโชว์ เนื่องจากแพทย์ลงความเห็นว่าร่างกายยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็คว้าอันดับ 1 ไปครองด้วยคะแนน 3,969,473 โหวต
จากนั้นอันดับ 2 “ออฟโรด กันตภณ จินดาทวีผล” คะแนน 3,845,003 โหวต / อันดับ 3 “ไดร์มอนด์ ณรกร ณิชกุลธนโชติ” คะแนนโหวต 3,249,288 โหวต / อันดับ 4 “เจลเลอร์ กฤติมุก จันทร์ชื่น” คะแนน 3,240,571 โหวต ส่วนอันดับที่ 5 “เป็นต่อ จีรภัทร พิมานพรหม” คะแนน 2,248,515 โหวต โดยพวกเขาทั้ง 5 คนจะได้เป็นบอยแบนด์วงแรกของสังกัดช่องวัน 31 และเตรียมจะปล่อยความเซอร์ไพรส์เร็วๆ นี้
ซึ่งเพื่อนๆ ทั้ง 4 คน ก็ได้เปิดใจว่าการที่ “ต้าห์อู๋” ได้อันดับหนึ่งมาครองนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งแต่ละคนยังเปิดใจถึงวินาทีกว่าจะติด 1 ใน 5 ตัวท็อปนั้นมันต้องลุ้นแค่ไหน รวมไปถึงการถูกคาดหวังบนความกดดันที่ทุกคนมองมาที่พวกเขาทั้ง 5 คน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวงการ T-POP เมืองไทยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน? พวกเขาพร้อมจะเอ็กซ์คูลซีฟให้ MGR Online ได้ฟังกันแบบเป็นกันเอง
เจลเลอร์ : “ตอนนั้นที่เขาประกาศคะแนนมาว่า 3 ล้านกว่า ทุกคนตกใจกับคะแนนมาก เพราะไม่นึกว่าจะสูงขนาดนั้น ไม่เคยสูงขนาดนั้นมาก่อน แล้วพอเขาประกาศเป็นชื่อเรา ก็ยังบ้าน่ะ เฮ้ย คำพูดทุกอย่างที่อยากจะพูดออกมามันหายไปหมดเลย”
ออฟโรด : “คือตอนแรกเด็กทุกคนน่าจะไม่คิดว่าถึง 3 ล้าน น่าจะคิดว่าล้านกว่าๆ ไม่คิดว่าจะไปไกลขนาดนั้นได้”
เจลเลอร์ : “ผมก็พูดไม่ออก ได้แต่ขอบคุณครับ ดีใจมาก ตื้นตันมากๆ ครับ ใช้เวลานานมากกว่าจะถึงตรงนี้ ก็ขอบคุณทุกคนครับ”
ไดร์มอนด์ : “สำหรับผมอันดับที่สามก็ลุ้นมากๆ เราก็เตรียมคำพูดที่จะขึ้นไปบนเวทีว่าเราจะพูดขอบคุณทุกคนอย่างโน้นอย่างนี้ แต่พอขึ้นไปบนเวทีแล้วทำไมมันพูดไม่ออก ก็เลยพูดสิ่งที่เราคิดตอนนั้นไปก่อนเลย ดีใจมากครับ ไม่คิดว่าคะแนนมันจะขนาดนั้น”
ออฟโรด : “สำหรับตัวออฟโรดเองโมเมนต์นั้นเราไม่คาดฝันว่าเราจะเดินมาได้ไกลขนาดนี้ จะมีคนที่คอยซัปพอร์ตเรามากมายขนาดนี้ โหวตให้พวกเราคะแนนแตะ 3 ล้านมันเยอะมากๆ นะครับ เขาทุ่มเทให้เรามากขนาดไหน เพราะกว่าจะได้สัก 23 โหวตมันยังต้องใช้เวลาในการที่จะทำกิจกรรมในแอปพลิเคชั่นลาซาด้า แล้วคะแนน 3.8 ล้าน มันเยอะมากจริงๆ ช็อกมาก สิ่งที่คิดในหัวตอนนั้นคือขอบคุณและจะพิสูจน์ตัวเอง ทำสิ่งที่เขาโหวตให้เรามาให้ดีที่สุดแค่นั้นเลยครับ”
เป็นต่อ : “ความรู้สึกตอนนั้นแทบจะไม่คาดหวังแล้ว (หัวเราะ) เพราะว่า 3 คนที่ออกไปยืนก็คือเก่งมากครับ ในหัวตอนนั้นเรียกชื่อใครก็คือเหมาะสม โอเคหมดเลย แต่มันก็ยังแอบมีความลุ้น มีความตื่นเต้นนิดนึง จนที่ออกมาถูกเรียกเมื่อวาน ทุกอย่างมันตื้อไปหมดเลย เห็นภาพว่าทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามาเหมือนซอมบี้ เหมือนฝันอยู่ครับ (หัวเราะ) จริงๆ ไม่คาดหวังเพราะดูจากการ์ดต่างๆ คิดว่าตัวเองคงไม่ถึงระดับนั้นหรอก แต่ยังคงมีหวังอยู่ ก็พยายามบอกตัวเองว่าถ้าไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวัง”
ความรู้สึกหลังจากที่ติด 1 ใน 5
เจลเลอร์ : “ถามว่าทำไมถึงติด 1 ใน 5 สำหรับตัวเจลคิดว่าความพยายาม ความตั้งใจมันส่งผลให้ใครหลายๆ คนได้เห็นว่าจริงๆ เจลทำอะไรได้บ้าง และสามารถส่งออกมาให้เขารู้สึกได้ จนทำให้เขาอยากโหวต อยากสนับสนุนเจล วันนี้ผมเพิ่งเห็นทวิตนึงเคยทวิตว่า ถ้าเจลเลอร์ได้เดย์ น้องจะกินหญ้า แล้วตอนนี้ชาวทวิตเขาก็ไปเตรียมหญ้าไว้แล้ว (หัวเราะ) เจลก็อยากจะบอกว่าอย่าทำร้ายตัวเองอย่างนั้นเลย (หัวเราะ)”
ออฟโรด : “พูดถึงเรื่องบน วันนี้ผมตลกเชสเตอร์อยู่รอบนึง คือเชสเตอร์บนไว้ว่าถ้าสมมติตัวเองได้เดย์ จะไปแก้บนวัด 109 จังหวัด แล้ว 109 จังหวัดมาจากไหน (หัวเราะ)”
ไดร์มอนด์ : “ถามว่ารู้สึกยังไงที่ติด 1 ใน 5 ก็รู้สึกว่าจากที่เราไม่มีฐานแฟนคลับเลย ก็เริ่มมีมากขึ้น รู้สึกเขาเห็นถึงความพยายามของเราที่แสดงออกไป ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ ถ้าไม่มีทุกคนก็ไม่มีไดร์มอนด์จนถึงตอนนี้ครับ ถามว่าคิดไหมว่าจะเป็นม้ามืด ก็เคยคิดอยู่ครับ แต่ไม่กล้าพูดออกไป เดี๋ยวจะหาว่าหลงตัวเอง (หัวเราะ)”
ออฟโรด : “ตอนที่ยังไม่ประกาศ ณ โมเมนต์นั้นมันแบลงก์ไปหมดเลย ใครได้เราก็ดีใจหมด โรดอึ้งว่ามาไกลขนาดนี้ได้ยังไง ตัวโรดไม่ได้มีพื้นฐานหรือความสามารถเท่าคนอื่นขนาดนั้นมาตั้งแต่แรก ก็เลยกลัวว่าถ้าเราได้อันดับเท่านี้มันจะกดดันตัวเอง กลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วความพยายามของโรดได้ส่งให้คนทางบ้านเห็นแล้วว่าโรดสามารถทำได้ ตอนขึ้นไปก็ตั้งใจว่าจะไม่ร้อง เพราะทุกครั้งเวลาขึ้นไปโรดอยากจะร้องไห้ เพราะตื้นตันอยู่ข้างใน ก็เลยสัญญากับทุกคนว่าโรดจะทำให้ดีที่สุด จะเอาความทุ่มเทของทุกคนมาเป็นแรงบันดาลใจในการที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป และทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมครับ เราจะเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม ให้สมกับตำแหน่งที่ได้มา”
เป็นต่อ : “จริงๆ แอบทำใจมาแล้วครับ (หัวเราะ) เหมือนอย่างที่ออฟโรดบอกว่าทุกคนเก่งมาก หนึ่งเลยก็คือเรารู้สึกว่าใครได้ก็โอเคหมด กับสองคือเราก็มีการติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ ก็รู้สึกว่าเพื่อนๆ มีเอ็นเกจเมนต์ที่ดีเลย ก็มีเล็งๆ เอาไว้บ้างว่าใครจะได้ขึ้นไปบ้าง แต่พอนับๆ ดูเกิน 5 (หัวเราะ) งั้นก็ทำใจที่ตัวเองไปก่อนแล้วกัน แต่ก็มีแอบหวังเล็กๆ ครับ”
เผยกลัวใครที่สุด
เจลเลอร์ : “ถามว่ากลัวใครมากที่สุดเหรอครับ จริงๆ เจลกลัวต้าห์อู๋นะ เขาเก่งอยู่แล้ว อีกคนก็คือชีต้า เขามีความเป็นตัวเองสูงมาก เวลาเขาโชว์ เขาจะมีความเป็นธรรมชาติ แล้วมันทำให้โชว์น่าดู ถ้าทำได้อย่างนี้ก็คงดี ซึ่งต่างจากเรา คือเราก็มีเอกลักษณ์เหมือนกัน แต่คนละแบบ อีกอย่างที่กลัวมากคือกลัวตัวเองจะทำไม่ได้ในแต่ละโชว์ครับ”
เป็นต่อ : “สำหรับต่อจริงๆ ไม่ค่อยกลัว (หัวเราะ) หมายถึงจะไม่ค่อยเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ถ้าให้เลือกสักคนนึงก็คงเป็น สมุย หรือ พี่แฟรงค์ อย่างสมุยทุกอย่างเขาเก่งหมด พี่แฟรงค์ก็เพอร์ฟอร์แมนซ์ดี เห็นแล้วรู้สึกว่าถ้าเราอยู่ในโชว์เขา เขาจะเป็นคนที่นำสายตา เราค่อนข้างเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของเขา ก็เลยรู้สึกว่าสองคนนั้นเขาน่ากลัว”
ไดร์มอนด์ : “ส่วนตัวผมกลัวพี่อู๋ที่สุด เพราะเคยร่วมงานกัน พี่เขาร้องเพลงแข็งแรงมาก พอเราได้ไปอยู่กับเขาเรากดดันตัวเอง เลยรู้สึกว่าเราจะได้เข้ารอบไหมเนี่ย (หัวเราะ) แต่พอได้อยู่ด้วยกัน พี่อู๋เป็นคนที่สอนทักษะอะไรต่างๆ ให้น้อง”
ออฟโรด : “โรดไม่กลัวใครเลยครับ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะแข่งกับใคร โรดกลัวตัวโรดเองมากที่สุด โรดกลัวใจตัวเองว่าจะยอมแพ้ จะไม่เอามันแล้ว จะทำไม่ได้ แต่สุดท้ายต้องขอบคุณที่ชนะใจตัวเอง พยายามและสู้กับมัน ทั้งความกดดัน ทั้งความกลัว เพราะไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดกับเรายังไง อาจจะคิดว่าเราไม่เก่ง ได้คะแนนโหวตมาเพราะอะไรหรือเปล่า แต่เราก็ทิ้งมันไปและโฟกัสที่โชว์ คิดแค่นั้นว่าทำให้ดีที่สุดครับ ไม่ติดใจเลยครับที่ต้าห์อู๋ได้ เอาจริงๆ ใจเราทั้ง 35 คนก็ไม่ได้คิดจะแข่งกับใครอยู่แล้ว เราแข่งกับตัวเราเองหมดเลย ใครจะได้ก็ยินดีหมด”
เป็นต่อ : “ใครที่ได้ขึ้นมาตรงนี้เราก็ยินดีด้วยหมดเลยครับ”
ความรู้สึกหากพลาดไม่ติด 1 ใน 5
เจลเลอร์ : “เจลก็คงทำในแนวทางนี้ต่อไป ทำเพลงไปเรื่อยๆ เพราะเจลไม่เคยหยุดกับทางนี้อยู่แล้วครับ ถ้ามีรายการอะไรที่สามารถลงได้อีกเจลก็จะลง อะไรที่สามารถเปิดโอกาสให้ได้เจลก็จะทำ”
เป็นต่อ : “จริงๆ แล้วเรารู้สึกว่ารายการนี้มันเป็นโอกาสที่เปิดโอกาสอื่นๆ ให้เราด้วย ก็ถ้าจบรายการนี้ไปแล้วเราไม่ได้เดบิวต์หรือไม่ได้ทำอะไร อย่างน้อยมีคนเห็นเรามากขึ้น มีคนรู้จักเรามากขึ้น เพราะฉะนั้นทางเดินที่เราจะเดินต่อจากนี้มันมีเยอะมากขึ้นแน่นอน ก็คงจะทำอะไรที่มีโอกาสเข้ามาหลังจากนี้ครับ ถ้าไม่มีจริงๆ ก็คงกลับไปเรียน (หัวเราะ)”
ไดร์มอนด์ : “มอนด์เป็นคนที่แต่งเพลงด้วยและทำเพลงด้วย ก็คงจะกลับบ้านไปทำเพลง ไปเรียนกีต้าร์ ไปเรียนเต้น ทำอะไรที่มันเกี่ยวกับสายนี้ให้ตัวเองมีศักยภาพมากขึ้น และคงทำยูทิวบ์แบบที่แพลนไว้”
ออฟโรด : “ส่วนตัวโรดตอนแรกโรดมาในฐานะนักแสดง โรดมีผลงานซีรีส์ของเอไทม์26 Outday รักได้ไหมนายไม่ยิ้ม กำลังถ่ายอยู่ ก็คงจะทำหน้าที่นี้ต่อไป และไปโฟกัสกับการเรียน เพราะส่วนตัวเป็นคนที่โฟกัสกับการเรียนอยู่แล้ว เอาเรื่องการเรียนและเรื่องงานเป็นอันดับต้นๆ และที่คิดไว้คือเรามาในรายการนี้แล้ว เรามีโอกาสในการซ้อมร้องซ้อมเต้น ผมรู้สึกสนุกกับมัน ชอบในการโชว์ให้ทุกคนได้เห็น ก็จะพัฒนาตัวเองและทำให้เห็นต่อไปครับ”
เปลี่ยนโฉมวงการที-ป๊อป
เจลเลอร์ : “ผมก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนวงการที-ป๊อปยังไง แต่พวกเราจะทำให้เห็นว่าตั้งแต่จบรายการจนถึงวันที่เราจะได้ปล่อยเพลงเดบิวต์ เรามีความพัฒนามากแค่ไหน ไปไกลได้มากแค่ไหน ทำได้มากขนาดไหน อยากให้คนได้เห็นครับ”
เป็นต่อ : “จริงๆ คิดว่าต่างคนน่าจะมีแนวทางหรือมุมมองในแบบบอยแบนด์ หรือมุมมองความเป็นที-ป๊อปต่างกันอยู่ เพราะตอนนี้เราอยู่ในกระบวนการของการที่เราจะต้องมาแชร์ความคิดเห็นกัน และหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป แต่ถ้าผลักดันวงการที-ป๊อปเราคิดว่ามันน่าจะไปได้ดีแน่นอน จากที่ทุกคนเห็นเราตลอดระยะเวลา 3-4 เดือน คิดว่าทุกคนน่าจะได้เห็นศักยภาพและการพัฒนาของพวกเรามาในระดับนึงแล้ว ก็อยากให้ทุกคนมั่นใจเลยว่าการที่เราเข้ามาอยู่ตรงนี้ได้ เราจะเข้ามายกระดับความเป็นที-ป๊อปมากขึ้น ไม่ถอยหลังลงแน่นอน”
ไดร์มอนด์ : “ผมรู้สึกว่าถ้าจะเปลี่ยนน่าจะเป็นวงเราที่ทุกคนจะได้เห็นว่าวงเรามีศักยภาพที่มากขึ้นในแต่ละวัน ตั้งแต่ 3 เดือนที่ผ่านมาทุกคนก็ได้เห็นว่าศักยภาพของเราเพิ่มมากขึ้น และภายในปีนี้ทุกคนก็จะได้เห็นศักยภาพของเราเพิ่มขึ้นไปอีกในวงการที-ป๊อปของประเทศไทยครับ”
ออฟโรด : “ออฟโรดก็อยากจะให้วงของพวกเรามีความยูนีกในตัวของมันเอง ไม่อยากเปลี่ยนใคร ทุกคนมีคาแรกเตอร์ที่ชัดและเป็นตัวเอง อยากให้ความเป็นตัวเองตรงนี้รวมเป็นวงที่ทำให้ทุกคนเห็นว่านี่แหละครับบอยแบนด์ที่เป็นแนวหน้าของประเทศ และจะพัฒนาไปสู่ระดับโลกให้ได้ครับ”
แนะนำแฟนคลับของแต่ละคน
ออฟโรด : “บ้านแฟนคลับของโรดจะเป็น เดอะเวย์ออฟโรด ครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ฝากติดตามด้วยนะครับ”
ไดร์มอนด์ : “ของผมยังไม่ได้มีชื่อด้อมเป็นทางการ ตอนนี้ยังใช้ #คนของมอนด์ อยู่ครับ ก็ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกเลย ตั้งแต่ที่มอนด์ยังไม่ได้มีฐานแฟนคลับมากมาย ก็ขอบคุณทุกคนจริงๆ นะครับที่ส่งมอนด์มาถึงตอนนี้ และมอนด์จะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด และจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่าทุกคนจะไม่ผิดหวังแน่นอนที่ได้เลือกไดร์มอนด์มาอยู่ตรงนี้ครับ”
เป็นต่อ : “สำหรับเป็นต่อก็จะมี #บ้านรักยิ้มของเป็นต่อ นะครับ เป็นคนที่คอยสนับสนุนซัปพอร์ตต่อมาตลอดเลย ก็อยากจะใช้โอกาสตรงนี้ขอบคุณเหล่ารักยิ้มทุกๆ คนเลยนะครับที่น่ารักกับต่อมาตลอด ยังไงก็เดินไปด้วยกันต่อไปนะครับ”
เจลเลอร์ : “สำหรับบ้านเจลก็ใช้แฮชแท็กว่า #ปรี๊ดของเจล เพราะความเป็นเจลก็จะรู้สึกลื่นๆ ลื่นปรี๊ดๆ และพอเริ่มสนิทสนมกับแฟนคลับก็ทำให้เราราบรื่น ให้เราไปสู่ทางของเราได้อย่างราบรื่นครับ ก็ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ช่วยโหวตให้เจลนะครับ และขอบคุณทุกคนเลยที่ยังคอยอยู่กับเจล คอยคุยกันสนุนสนานสร้างความแปลกใหม่ให้เรื่อยๆ ก็ขยันสร้างยิ้มให้เจลมากๆ เลย ขอบคุณมากจริงๆ ครับ เจลก็จะอยู่สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน รอความแปลกของทุกคนต่อไปครับ”
ขอบคุณตัวเองในทุกๆ วันที่ไม่ท้อ และพยายามมาจนถึงวันนี้
เจลเลอร์ : “ผมขอบคุณตัวเองทุกวันครับ ขอบคุณตัวเองในทุกๆ วันด้วยซ้ำ ก่อนที่ผมจะเข้าห้องซ้อมทุกครั้งผมจะรู้สึกขอบคุณที่วันนี้มาซ้อม ขอบคุณที่วันนี้ตื่นมาซ้อมทัน (หัวเราะ) ขอบคุณที่ยังพยุงร่างกายตัวเองมาซ้อมได้ ไม่เคยยอมแพ้อะไรสักอย่างเลย อาจจะมีท้อบ้าง แต่เจอหน้าเพื่อนทุกคนก็อยากซ้อมแล้ว”
เป็นต่อ : “ต่อก็ขอบคุณตัวเองเหมือนกันครับ จริงๆ ก่อนหน้านี้ต่อชอบคุยกับตัวเอง (หัวเราะ) แต่พอเข้ามาในรายการก็ค่อนข้างยุ่ง ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องรายการด้วย มันมีช่วงนึงที่ลืมตัวเองไป แต่มีครูสอนแอ็กติ้งคนนึงที่เขาเตือนสติขึ้นมาในช่วงที่อยู่ในรายการ ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้อีกครั้งว่าอย่าลืมกอดตัวเองเยอะๆ นะ ก็เลยขอบคุณตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าพอเรายิ่งเหนื่อย ยิ่งท้อกับการเรียน การซ้อมอะไรต่างๆ มันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าพอมาวันนี้มันคุ้มค่ามาก”
ไดร์มอนด์ : “ผมก็อยากจะขอบคุณตัวเองที่ไม่เคยที่จะท้อ และขอบคุณตัวเองที่ตั้งใจมาถึงตรงนี้ได้ครับ”
ออฟโรด : “สำหรับตัวโรดก็ขอบคุณที่ตัวเองมีวินัย ตั้งใจซ้อม ไม่หมดไฟและพาตัวเองผ่านทุกอย่างมาได้มาจนถึงวันนี้ และก็อยากจะขอบคุณเพื่อนๆ ทั้ง 34 คนที่มาเติมเต็มความสุขให้กันและกันในตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและน่าจดจำที่สุดในช่วงชีวิตนึงของพวกเราเลยครับ และที่ขอบคุณพี่ต้าห์อู๋ เพราะพี่เขาเป็นส่วนหนึ่งของรายการนี้เหมือนกัน ใครที่ดูรายการนี้เราออนสเตจด้วยกันมาทุกสเตจจริงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ และมันมีความเสียใจที่เราเคยสัญญากันว่าเราจะมาทำไฟนอลสเตจด้วยกัน เราอยากทำมันด้วยกันมากๆ เพราะว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบด้วยกัน
ก็เสียใจที่เขาไม่มีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ทำในสิ่งที่เขารัก ไม่ว่าเขาจะได้เดบิวต์หรือไม่ เขาก็มีความสุขที่สุดที่ได้โชว์บนสเตจ และให้ทุกคนได้เห็น ได้อยู่ในบรรยากาศที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันกับเพื่อนๆ ได้กอดกัน ร้องเพลงกัน ซึ่งตรงนี้มันหายไป มันเหมือนจะมีความสุขแต่มันไม่สุดครับ แต่ถามว่าดีใจที่เขาได้ไหม ก็ดีใจ มันเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้อยู่แล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาทุ่มเทมาก ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมอยากขอบคุณพี่ที่ทำให้ผมมาถึงตรงนี้ได้ ต้องขอบคุณพี่ต้าห์อู๋เหมือนกันครับ
พี่เขาเป็นคนคิดมาก คิดไปหลายสเต็ป คิดไปในอนาคตแล้ว สิ่งที่ผมพูดกับพี่เขาก็คือมันเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่เราทำได้คือยอมรับความจริงว่าเราทำดีที่สุด ก็อยากให้พี่เขาไม่ต้องโทษตัวเอง มันเป็นเอ็กซิเดนต์ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น ก็ทำในส่วนของพี่ให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วสิ่งที่พี่ทุ่มเทมามันได้ส่งผ่านมายังทุกคนอยู่แล้ว ทุกคนรับรู้ได้ในสิ่งที่พี่พยายามและทุ่มเทมาโดยตลอด นั่นคือสิ่งที่พี่จะได้รับจ่กการที่พี่ได้เดบิวต์ครับ ก็เต็มที่แล้วครับ สมควรได้”