xs
xsm
sm
md
lg

พช.เดินหน้าพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ OTOP กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา (Quadrant D) ตอบโจทย์ผู้บริโภค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อวันที่ 4 ม.ค.65 นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานแถลงข่าวประกาศผลสำเร็จการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ OTOP กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา(Quadrant D)ให้มีคุณภาพมาตรฐาน ประเภทอาหารและประเภทเครื่องดื่ม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ค้นหาแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ วิเคราะห์ศักยภาพและจุดอ่อนของผลิตภัณฑ์ หรือบรรจุภัณฑ์/ฉลาก หรือช่องทางการจำหน่ายของผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 791 ผลิตภัณฑ์ โดยมีนายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีฯ , นายกิตติพล เวชกุล ผู้ตรวจราชการ , นางนวลจันทร์ ศรีมงคล ผู้ตรวจราชการ , นายสุธีธ์ มั่งมี เลขานุการกรมฯ , นางสุมาลี ศิริจินดา ผู้อำนวยการกองคลัง , นางทัศนีย์ ชัยคุณแสง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาทุนและองค์การเงินชุมชน , นางสาวเปรมจันทร์ รัตนสุวรรณสิริ ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจสอบภายใน , นายวรงค์ แสงเมือง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน , นางสาวภัทรลภา สุริโย ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน , นางชนัญญา ภู่ระหงษ์ นักทรัพยากรบุคคล สถาบันการพัฒนาชุมชน และ นางสาวพิมพัตร สุทธิประภา ผู้ช่วย ผู้ตรวจราชการกรมฯ พร้อมด้วยผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดร่วมงาน ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 เซ็นทรัลเฟสติวัล อิสต์วิลล์


นายสมคิด กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จำนวน 94,656 กลุ่ม/ราย และมีผลิตภัณฑ์ OTOP จำนวน 211,371 ผลิตภัณฑ์ ในจำนวนนี้แยกเป็นผลิตภัณฑ์ ในกลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา (Quadrant D) จำนวน 164,536 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งกลุ่มนี้มีข้อจำกัดเรื่องคุณภาพมาตรฐาน รูปแบบ และ บรรจุภัณฑ์ ยังไม่สวยงามโดดเด่น ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ผู้ผลิต ผู้ประกอบการยังขาดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดังนั้นกรมฯ จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ OTOP กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา (Quadrant D) ให้มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อพัฒนาทักษะผู้ผลิต ผู้ประกอบการให้มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น พัฒนายกระดับคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น และเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์


อธิบดี พช.กล่าวอีกว่า จากการดำเนินงานโครงการดังกล่าว จึงต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัย สวยงาม และชวนซื้อ เหมาะแก่เป็นของฝากได้ทุกเทศกาล การยืดอายุการเก็บรักษา และความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการได้เปลี่ยนรูปแบบการขายขึ้นสู่ platform on line อาทิ shopee , Lazada , page Facebook และ on line ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการมีความเหมาะและสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งในช่องทางดำเนินงานโครงการ ฯ มีการทดสอบตลาด online จำนวน 15 วัน ซึ่งปรากฏว่าสินค้าที่เข้าร่วมโครงการสามารถขายได้ยอดจำหน่ายกว่า 500,000 บาท ส่วนสินค้าที่มียอดจำหน่ายสูง 5 ลำดับได้แก่ 1. ภาคอีสาน ข้าวฮาง ข้าวกล้อง จ.บุรีรัมย์ ยอดขาย 12,000 บาท 2. ภาคอีสาน ตำรับย่า จ.นครราชสีมา ยอดขาย 10,000 บาท 3. ภาคเหนือ กล้วยตาก จ.พิษณุโลก ยอดขาย 9,500 บาท 4. ภาคกลาง ซันชายน์ กล้วยหอมทองตาก 100% จ.เพชรบุรี ยอดขาย 8,500 บาท และ 5. ภาคใต้ น้ำพริกแม่หญิงเบญจา จ.กระบี่ ยอดขาย 8,000 บาท


และจากกิจกรรมทดสอบตลาด ผลิตภัณฑ์จากโครงการฯ ที่ได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพฯ จำนวน 791 ผลิตภัณฑ์ เพื่อเข้าสู่กิจกรรมทดสอบตลาด จำนวน 6 วันที่ผ่านมา มียอดขายกว่า 520,066 บาท สินค้าที่มีอดจำหน่ายสูง 5 ลำดับได้แก่ 1. ใจดีกรอบแก้ว (ถั่วขนมขบเคี้ยว) จ.นครปฐม ยอดขาย 68,200 บาท 2. ภูเก็จแก้ว (น้ำปลาหวาน) จ.ภูเก็ต ยอดขาย 54,050 บาท 3. ข้าวยำสมุนไพร (ขนมจีนปู) จ.สตูล ยอดขาย 34,500 บาท 4. ครัวอันดามัน อาหารปักษ์ใต้ จ.สตูล ยอดขาย 27,830 บาท และ 5. ร่วมใจพัฒนา (โรตี) จ.สตูล ยอดขาย 26,499 บาท


“กรมการพัฒนาชุมชนจะต่อยอดโครงการโดยการส่งเสริมช่องทางการตลาดออนไลน์กับผู้ผลิตผู้ประกอบการเหล่านี้รวมถึงการนำสินค้าไปจำหน่ายในห้าง Modern Tradeและช่องทางการตลาดอื่นๆโดยผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์จะดำเนินการพัฒนาให้เป็นสินค้า Premiumเพื่อการส่งออกต่อไปจึงขอเชิญชวนทุกท่านช่วยอุดหนุนสินค้าจากผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP นอกจากท่านจะได้เลือกซื้อสินค้าที่ดีมีคุณภาพและมาตรฐานจากทั่วประเทศแล้วท่านยังมีส่วนช่วยกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย”อธิบดีพช.กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น