xs
xsm
sm
md
lg

“โตโน่” เตรียมลุยภารกิจว่ายน้ำข้าม 12 เกาะ ขอบคุณ “ณิชา” ที่อดทน เป็นกำลังใจสำคัญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“โตโน่” เผย ปี 65 เตรียมลุยต่อภารกิจโครงการ “ONE MAN & THE SEA หนึ่งคนว่าย หลายคนช่วย” ว่านน้ำข้าม 12 เกาะให้จบ ส่วนโครงการ “เก็บรักษ์” พร้อมเริ่มต้นใหม่เช่นกัน ขอบคุณ “ณิชา” ที่อดทนและมอบกำลังใจให้เสมอมา ทำให้มีแรงทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม

ผันไปรับหน้าที่นักฟุตบอลทีมชาติให้กับ สโมสร ราชบุรี มิตรผล เอฟซี สำหรับ “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” แต่กลับโดนคำวิจารณ์อย่างหนัก เกิดเป็นประเด็นดราม่า ผู้สื่อข่าวมีโอกาสพูดคุยกับโตโน่จึงถามถึงประสบการณ์การเป็นนักกีฬาฟุตบอลมืออาชีพ เจ้าตัวก็เล่าว่า…

“สนุกดี มีความสุขครับ ในเมื่อเราถ่ายละครไม่ได้ก็ไปหาอะไรทำ ได้เรียนรู้ทักษะอะไรใหม่ๆ มาใช้พัฒนาตนเอง ความตั้งใจแรกคือเราต้องการไปรักษาหุ่นให้อยู่ในสภาพเดิมไว้เพื่อถ่ายละคร เพราะจะต้องมีฉากถอดเสื้อ แต่พอไปอยู่กับเขานานเข้าเลยเซ็นเป็นนักเตะอาชีพเลย พอไดัไปลงลึกชีวิตนักฟุตบอลมืออาชีพก็เหมือนได้ไปรู้จักกับโลกอีกใบนึงที่น่ารักเหมือนกัน”

“ด้วยตัวเราเองก่อนหน้านี้ก็เป็นนักกีฬามาอยู่แล้ว มันเลยไม่ได้หนักอะไรในการปรับตัวเท่าไหร่ เราก็ทุ่มเท รับผิดชอบสูง ไม่ได้ไปทำเล่นๆ เราก็ทำตามข้อตกลงต่างๆ ผมเซ็นแค่ระยะสั้น 6 เดือนเอง ก็ใกล้หมดแล้ว ไม่ได้สร้างกระแสผมไม่เคยทำแบบนั้นอยู่แล้ว ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อเอากระแส ผมไม่ถนัดแล้วผมก็ทำไม่เป็น ทำอะไรทำจริงหมด ตอนนี้พอสถานการณ์ดีขึ้นก็กลับมาเน้นที่การแสดง งานคอนเสิร์ตแล้ว”

ตระหนักถึงการทำหน้าที่คนบันเทิง มอบความสุขให้ผู้คนในสถานการณ์โควิด-19 ที่ทุกอาชีพยากลำบาก ผู้คนเป็นทุกข์ 
“ช่วงนี้ทุกอย่างมันก็ยากไปหมด ในทางกลับกันก็ต้องถามตัวเองว่างานของเรามันคืออะไร ตอนนี้คนเครียด คนทุกข์ใจ วงการบันเทิงมีไว้ทำอะไรถ้าไม่ได้มีไว้ให้คนดูมีความสุข ถ้าเรามัวแต่คิดว่าเราทำไปเราจะไม่ได้เงิน ทำไปแล้วเราจะไม่ได้อะไรเลย หรือว่าได้เงินแค่นิดเดียว แล้วคุณค่าของวงการบันเทิงจะอยู่ที่ตรงไหน ถ้าในเมื่อตอนนี้คนกำลังต้องการรอยยิ้ม ต้องการเสียงหัวเราะ ต้องการความสุข ผมว่ายิ่งเป็นอย่างนี้เรายิ่งต้องทำครับ แต่เรื่องของตัวเลขค่อยว่ากันอีกที เรามีหน้าที่มอบความสุขให้กับคนดู ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี คิดแต่เรื่องเงินกันไปหมด”

“ผมอยากทำงาน อยากนำเสนอเรื่องราวที่ให้อะไรกับสังคมให้อะไรกับเด็กๆ มุมมองทางความรักไหนที่จะให้พลังงานดีๆ กับผู้คน ไม่ว่าคนดูจะได้อะไรกลับไปผมคิดว่ามันดีหมด เป็นหน้าที่ของพวกเรา ของวงการนี้ เรารู้อยู่แล้วว่าโควิด-19 มันกระทบคนทั่วโลก ทุกคนในโลกนี้ได้รับผลกระทบหมด แต่เราก็ยังต้องทำหน้าที่ของเราไง ทำให้คนมีความสุข ถ้าเขากำลังทุกข์อยู่จากชีวิตจริงของเขา ถ้าเขาได้มาอินกับละคร ได้มาสนุก ตื่นเต้นไปกับบางช่วงบางตอนในงานของเรา แค่นี้เราก็ภูมิใจแล้ว เราก็ชื่นใจ”

ปีหน้าเตรียมลุยต่อภารกิจโครงการ “ONE MAN & THE SEA หนึ่งคนว่าย หลายคนช่วย” ให้จบ
“ก็วางแผนไว้ว่าปีหน้าผมจะว่ายน้ำต่อ คราวก่อนว่ายไปแล้วเกือบ 50 กิโล ก็ยังเหลืออีกประมาณ 40 กิโล ก็จะวิ่งต่อจากระยะทางเดิม ตอนนี้เราว่ายจากสุราษฎร์ธานี ไปเกาะพะลวย มันเหลือพะลวยถึงสมุย ซึ่งตรงนี้มันเป็นร่องน้ำลึก มันห่างกันมากระหว่างเกาะ ค่อนข้างจะอันตราย แต่ทะเลมันสำคัญกว่าผม ถ้าเราไม่ช่วยกัน ไม่เห็นถึงความสำคัญของมันตั้งแต่ตอนนี้เราจะไม่เหลืออะไรให้ลูกหลานเราเลยครับ”

ส่วนโครงการ “เก็บรักษ์” ที่ตระเวรเก็บขยะทั่วไทย ทั้งบนบก ชายฝั่ง และในน้ำนั้นก็จะกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง พรอมทั้งนำกีฬาเข้าไปสอดแทรกร่วมกับกิจกรรมด้วย
“ที่หยุดไปเพราะโควิด ปีหน้าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นก็จะเริ่มกลับมาทำ ที่ไปซ้อมฟุตบอลมาเราก็ตั้งใจทำเพื่อเอากีฬาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเวลาเก็บขยะ ต่อไปเวลาไปเก็บขยะตามโรงเรียน ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เราก็จะเอาทีมฟุตบอลชื่อ แข้งข้าวเหนียว ที่มีจะทีมชาติ มีเพื่อนๆ น้องๆ ดาราทุกๆ อาชีพมารวมตัวกันเป็นทีมไปเตะบอลกับเด็กๆ และมอบอุปกรณ์กีฬาให้ด้วย  เราตั้งใจไปฝึกแบบมืออาชีพเพื่อจะถ่ายทอดให้เด็กๆ ได้ถูกวิธี เรารวมตัวกันจากหลายอาชีพเพื่อจะบอกกับน้องๆ ว่า เราคนเดียวทำไม่ได้นะ ทุกคนต้องช่วยกันถ้าอยากจะให้สิ่งแวดล้อมมันดีขึ้น”

สละเงินเงินตัวเอง เพื่อเริ่มต้นการตอบแทนสังคม 
“นั้นเป็นสิ่งที่เราตั้งใจวางแผนเอาไว้ ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทุกคนมาช่วยได้ใจไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรเข้ามาเกี่ยวข้องเลย สิ่งที่เราทำผมยืนยันว่ามันเห็นผล แต่พอมาเจอสถานการณ์โควิด-19 ผมคิดว่าเราก็คงต้องเริ่มกันใหม่ กลับไปสู้กันใหม่อีกครั้ง ผมใช้เงินของผมทำเอง เงินที่หามาจากการทำงานในวงการบันเทิงมาทำตรงนี้มันสบายใจ ถ้ามีคนมาช่วยมันก็คงเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเราต้องรอ แล้วเราไม่สละอะไรเลยมันจะเริ่มทำได้ตอนไหน ถ้าอยากจะให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเราก็ต้องเสียสละต้องช่วยกัน”

“วันหนึ่งเราไม่รู้หรอกว่าเราจะชนะหรือแพ้ เราจะทำให้โลกใบนี้ที่เราอยู่มันดีขึ้นได้ไหม เราไม่รู้เลย และมันยังไม่รู้ในตอนนี้แน่ๆ แต่อย่างน้อย วันข้างหน้าเราก็จะได้ตอบลูกหลานเราได้ว่า เราได้ทำเต็มที่แล้ว ในวันนี้วันที่เสียงของผมมันยังดังพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้บ้างแม้จะเล็กน้อย ผมก็จะทำครับ มันดีกว่าที่ผมไม่ทำอะไรเลย สิ่งที่ผมดีใจและมีความสุขที่สุดคือสิ่งที่ผมทำไปแล้วมีคนมองเห็น และอยากจะมาร่วมทำด้วยกัน ขอบคุณเพื่อนๆ พี่น้องทุกคน พี่เก๋ ชลดา, มาริโอ , ณเดชน์-ญาญ่า , พี่อั้ม พัชราภา และอีกหลายๆ คนที่มาช่วยสนับสนุนผม ทำให้ทุกคนได้รู้ถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมของทะเล วันนั้นเราว่ายไป 5 วันแล้วเจอ พรก.ฉุกเฉิน แต่การว่าย 5 วันนั้น เราได้เงินไปซื้ออุปกรณ์ให้ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ทะเลได้ครบทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน มันคุ้มค่าครับ”

ขอบคุณ “ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์” ที่อดทนและมอบกำลังใจให้เสมอมา ทำให้ตนมีแรงทำสิ่งดีๆเพื่อสังคม
“โอโห้…ณิชาเข้าใจมากๆ ผมไม่มีเวลาเลย เขาก็อดทน ผมรู้สึกขอบคุณเขาที่เข้าใจและอดทนกับคนแบบผม เวลาไปซ้อมไปฝึกทีนึงก็หลายเดือน หรือเวลารับละครรับงานก็ไปเป็นแบบนั้นเป็นตัวละครนั้นเลย ไปทำการบ้านเต็มที่ก็จะหายไป อย่างโควิด-19 ก็ไปอยู่ราชบุรีเลยเพื่อซ้อมฟุตบอล ณิชาเป็นกำลังใจที่สำคัญเสมอมาก ถ้าเราไม่เข้าใจกัน ถ้าเขาไม่เข้าใจ ผมก็คงไม่มีแรงในการที่จะทำอะไรพวกนี้ ถ้าทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน ก็คงจะปวดหัว แต่นี่ณิชาเข้าใจและซัพพอร์ตผมอย่างดี อย่างเต็มที่ เขาให้กำลังใจผมถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่กำลังใจจากเขาก็เป็นสิ่งสำคัญ”

วันนี้มุมมองความรักไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม ยังยึดคติ เวลาและการกระทำจะเป็นเครื่องพิสูจน์
“ไม่เคยเปลี่ยนเลย รักก็คือรัก ผมแค่เป็นคนไม่ชอบพูดแต่ชอบกระทำมากกว่า ผมเป็นคนที่เชื่อในเรื่องของการกระทำ เรื่องของเวลา เวลาและการกระทำจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เดี๋ยวนี้จะพูดว่ารัก พูดว่าคิดถึงง่ายนิดเดียวครับ แค่พิมพ์ส่งไปทีละ 5 คนก็ได้ มันง่ายมากจริงๆ กับการจะบอกรักหรือจีบใครซักคน แต่สำหรับผม การบอกรักของผมจะต้องใช้การกระทำ แต่จะใช้วิธีไหนผมขอไม่บอกนะครับ”

















กำลังโหลดความคิดเห็น