นับเป็นเวลายาวนานกว่า 2 ปีแล้วที่ผู้คนทั่วโลกต้องเผชิญสถานการณ์การระบาดของเชื้อ ไวรัส โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจในหลายด้าน หลายประเทศต้องระดมผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกันหาวิธีรับมือกับไวรัสโควิด-19 อย่างเร่งด่วน ทั้งวิจัยทดลอง คิดค้นหายา แนวทางการรักษา นวัตกรรมใหม่เพื่อช่วยกำจัดเชื้อไวรัสโควิด เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้รอดชีวิต และผ่านพ้น วิกฤตินี้ให้เร็วที่สุด
จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่าในร่างกายคนเรานั้นมีสาร "Nitric Oxide"(ไนตริกออกไซด์) ซึ่งเป็นโมเลกุลก๊าซเล็กๆ มีขนาด 20 นาโนเมตร ที่มีเพียงไนโตรเจนผสมกับออกซิเจน สามารถผลิตได้เองจาก ร่างกายมนุษย์ ในธรรมชาติพบได้ในการระเบิดภูเขาไฟ ช่วงฟ้าแลบฟ้าผ่า ซึ่งจากการทดลองค้นคว้าพบว่า สาร NO มีประโยชน์ทางการแพทย์มาก ในช่วงแรกจึงได้ถูกพัฒนามาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ และได้ศึกษาวิจัยอื่นๆเรื่อยมาจนพบว่า "ไนตริกออกไซด์" เป็นโมเลกุลที่ทำหน้าที่เป็นสารสำคัญในการกระตุ้นระบบปฏิกริยาเคมีใน ร่ายกาย และมีความปลอดภัยต่อเซลล์มนุษย์ มีฤทธิ์ในการฆ่าแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
ต่อมาในปี 1997 นักวิทยาศาสตร์จากบริษัท "SaNOtize Research and Development Corp." นำโดย “ดร.กิลลี่ รีเกฟ” (Dr. Gilly Regev) และ “ดร.คริส มิลเลอร์” (Dr. Chris Miller) ได้เริ่ม ทำการศึกษาวิจัยการทำงานของ "ไนตริกออกไซด์" ในการกำจัดจุลชีพทุกๆชนิด พบว่าก๊าซ "ไนตริกออกไซด์" ที่ถูกสร้างขึ้นในร่างกาย ทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการป้องกันเชื้อโรคแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย จึงได้นำ สมมติฐานนี้ใช้ในการค้นหาปริมาณก๊าซที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อใช้ควบคุมการติดเชื้อบริเวณชั้นผิวหนังโดยไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกายมนุษย์
การค้นพบนี้ได้ถูกตีพิมพ์มากกว่า 40 งานวิจัย และขึ้นทะเบียนลิขสิทธิ์ไว้หลายฉบับ และยังได้ขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรในด้านการพัฒนาการผลิตและการขนส่ง "ไนตริกออกไซด์" ในรูปแบบของเหลว เจล ครีม ที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและจัดการกับเชื้อที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะหลายตัว รวมถึงขยายขีดความสามารถในการ รักษาในโรคที่หลากหลาย รวมทั้งโรคไซนัสอักเสบติดเชื้อ ไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ มาจนถึงไวรัสโควิด-19 และไวรัสกลายพันธุ์ที่กำลังมีการแพร่ระบาดทั่วโลกอยู่ในตอนนี้
ดังนั้นทมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เร่งประสานความร่วมมือในการร่วมทำงานวิจัยและพัฒนาแนวทางการยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยสาร "ไนตริกออกไซด์" ลงนามทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับทางบริษัท SaNOtize Research and Development Corp. บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพชั้นนำ ซึ่งเป็นผู้ศึกษาวิจัยจากห้องปฏิบัติการถึงการศึกษาวิจัยในมนุษย์ (Clinical Control Trials) ทีมนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีนี้ในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน โรคติดเชื้อผิวหนัง ทำการวิจัยการกำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลการวิจัยเชิงประจักษ์ในการจัดการลดปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายมนุษย์อย่างมี นัยสำคัญ ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการทำงานวิจัย (MOU) เพื่อการวิจัยคลินิกในการทดสอบและยืนยันประสิทธิภาพของสารไนตริกออกไซด์ฆ่าเชื้อไวรัสด้วยวิธีการพ่นยาทางโพรงจมูกและลำคอ นับเป็นครั้งแรก ในประเทศไทย โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และบริษัท SaNOtize Research and Development Corp. ไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม มหาวิทยาลัยศรีนคนทรวิโรฒ ประสานมิตร
ในการลงนามทำการทดสอบการใช้ "ไนตริกออกไซด์" ครั้งแรกในประเทศไทยนี้ นับว่าเป็นงานวิจัยครั้งสำคัญที่อาจเป็นทางรอดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน โดยวันดังกล่าวนอกจากจะมีพิธีลงนามแล้วยังได้รับเกียรติจาก ดร.กิลลี่ รีเกฟ (Dr. Gilly Regev) ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ SaNOtize Research and Development Corp. มาบรรยายให้ความรู้ในเรื่อง "ผลการวิจัย Nitric Oxide Nasal Spray กับการรักษาโควิด-19" และยังได้ ดร.คริส มิลเลอร์ (Dr. Chris Miller) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งซึ่งเชี่ยวชาญทางด้าน "Nitric Oxide" มากว่า 25 ปี และมีประสบการณ์ตรงในเปิดสถานประกอบการด้านเภสัชกรรมจากอเมริกา มาบรรยายในหัวข้อ "From Bench to Pandemic, History of nitric oxide and how it can treat viral infections, eradicate Covid-19 .”จากห้องวิจัยสู่การระบาดทั่วโลก ประวัติศาสตร์ไนตริกออกไซด์ การกำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19 ” ให้แก่แพทย์ สื่อมวลชน และประชาชนผู้สนใจที่มาร่วมประชุมวิชาการ และเป็นพยานในพิธีได้ร่วมรับฟังอีกด้วย