xs
xsm
sm
md
lg

“หม่ำ” รับบังคับลูกไม่ได้ เสียดายอาจไม่มีใครรับช่วงต่อทำหนังจากตน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หม่ำ จ๊กมก” เสียดายอาจไม่มีใครรับช่วงต่อทำหนังจากตน บอกลูกชายก็จบทำหนังมาแต่ชอบดูหนังมากกว่าทำหนัง ซึ่งตนคงไปบังคับลูกให้ช่วยสานต่อไม่ได้ ลั่นเสี่ยงฉายส้ม ปลา น้อย ดีกว่าให้กลายเป็นหนังค้างปี แม้ยากจะหวังเรื่องรายได้ ฝันอยากเป็นดารา เป็นผู้กำกับหนังมาตั้งแต่เด็ก มีวันนี้ได้เพราะวิชาครูพักลักจำ

เข้าฉายไปแล้วสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของค่าย บั้งไฟ ฟิล์ม ในเรื่อง “ส้ม ปลา น้อย” ที่เป็นหนังภาคต่อจากเรื่อง “ส่มภัคเสี่ยน” ที่เคยกวาดรายได้มาแล้วถึง 200 ล้าน โดยเรื่องนี้ “เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา” หรือ “หม่ำ จ๊กมก” รับหน้าที่ทั้งกำกับและแสดงเอง แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ก็ทำให้หม่ำรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อยกับรายได้หนัง แต่ก็ทำใจยอมรับความเสี่ยงเพราะถ้าไม่ลงโรงฉายก็จะกลายเป็นหนังค้างปี

“เป็นอีกเรื่องนึงที่สนุกฮา ๆ โดยมีโตโน่ (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) มารับบทพระเอกต่อเนื่องจากเรื่องที่แล้ว ที่เอ็ม บุษราคัม ลูกสาวเป็นผู้กำกับ เรื่องนี้ผมเป็นผู้กำกับร่วมกับคุณจืด เราถ่ายทำกันมา 1 ปีนึงแล้ว ติดช่วงโควิด-19 ด้วย ก็จะยุ่งหน่อย ต้องคัดกรองคนด้วย เป็นเรื่องที่ยากอยู่ ต้องสวอป อสม.ต้องมาดูสถานที่ ช่วงนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว ทุกอย่างโอเค ก็ต้องวัดใจที่คนฉีดวัคซีนครบหรือยัง ตอนนี้คนก็กล้าออกมาเดินห้างใช้ชีวิต เพราะฉีดวัคซีนกันหมดแล้ว”

ทำใจยอมรับว่าทำหนังในช่วงนี้คาดหวังเรื่องของรายได้ยาก
จริงๆ ช่วงนี้คงจะคาดหวังยาก เพราะคนยังไม่กล้าเที่ยวไม่กล้าใช้เงินกันด้วย เหมือนเราต้องวัดใจกันว่าเขาอยากจะมาสนุกกับหนังของเรากันหรือเปล่าแค่นั้นเอง เราเองก็ต้องทำใจยอมรับความเสี่ยงด้วย เหมือนซื้อลอตเตอรี่ ไม่รู้ว่าจะถูกหรือไม่ถูกรางวัล ก็ได้คุยกับเจ้าของหนังเรื่องอื่นที่ฉายมาก่อนหน้านี้ก็เป็นบางเรื่องทำรายได้ แต่บางเรื่องก็ไม่ทำรายได้ ผมว่าแล้วแต่หน้าตาของหนังด้วยแหละ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ถ้าได้ก็โอเค นายทุนจะได้มีกำลังใจทำเรื่องต่อไป

2 ปีที่ผ่านมาวงการหนังค่อนข้างซบเซามากๆ อย่าว่าแต่หนังไทยเลย หนังต่างประเทศก็แย่ คนไม่กล้าออกไปไหนมาไหน ตัวเราเองยังกลัวเลย ตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงสถานการณ์ก็ดีขึ้นมาหน่อย เพราะถ้าปล่อยเวลาให้นานกว่านี้หน่อยก็จะกลายเป็นหนังค้างปีแล้ว ผมว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมแล้ว ส้มปลาน้อยเข้าฉาย 30 ธันวาคมนี้ ตรงกับปีใหม่ด้วย ตั้งใจให้เป็นของขวัญปีใหม่คนไทยด้วย”

ไม่มีตันทำหนังโชว์เสน่ห์วิถีชีวิตคนอีสานมาตลอด 18 ปี
“แม้เราเป็นคนอีสาน ทำหนังอีสานมา 17-18 ปี แต่จะทำหนังอะไรก็ต้องให้คนดูได้ทั้งหมด มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะคนอีสานเข้าใจกันง่าย ไม่ซับซ้อน ตั้งแต่เรื่องแรกแหยมยโสธร 1 รวมๆ แล้วผมทำหนังมาประมาณ 17-18 ปีได้ ผมว่าเรื่องราวของคนอีสานสามารถเล่าได้อีกเยอะ ไม่มีทางตันแน่นอน ตอนนี้มีคนเล่าเรื่องเกี่ยวกับพญานาคแล้วเราก็เลยไม่อยากไปเล่าซ้ำ(หัวเราะ) อย่างที่บอกว่าวิถีชีวิตของคนอีสานทุกจังหวัดมีความใกล้เคียงกันหมด เราทำหนังด้วยความรัก ความชอบของเราด้วย ก็ทำไปได้เรื่อยๆ”

เสียดายไม่มีใครรับช่วงต่อทำหนังจากตน เล่าชีวิตวัยเด็กฝันอยากเป็นดารา เป็นผู้กำกับหนังมาโดยตลอด ใช้วิชาครูพักลักจำเรียนรู้จากประสบการณ์จนมีวันนี้
“ต่อให้คนที่เรียนจบภาพยนตร์มา ถ้าคนไม่ชอบก็คงจะยาก คนเราความคิดต่างกัน อาจจะจบที่ผม ถามว่าเสียดายไหม ก็มีบ้าง เพราะไม่มีใครทำต่อจากเรา แต่ของแบบนี้บังคับกันไม่ได้ ลูกชายก็จบทำหนังมาเหมือนกัน เขาอาจจะชอบดูหนัง แต่ไม่ชอบทำหนัง ทำหนังบางทีเครียดนะ ต้องตื่นตี 5 ถึงกอง 6 โมงเช้า แต่ผมเป็นคนชอบดูหนัง ชอบตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะบ้านอยู่ข้างโรงหนัง ก็ดูหนังมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ดูไปเรื่อยทั้งหนังฝรั่ง หนังจีน หนังอินเดีย ตอนเด็ก ๆ เคยคิดว่าเราต้องเป็นดาราให้ได้ ต้องเป็นผู้กำกับให้ได้ ซึ่งก็เป็นไปได้ จากที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้มาเป็นจริงได้ เพื่อน ๆ ที่ได้ยินตอนเป็นวัยรุ่น ก็บอกว่า เออ มันพูดจริงว่ะ

ซึ่งผมก็เริ่มจากการเป็นตลก เพราะเราเป็นคนชอบพูด ชอบเล่น จนได้มาเล่นหนัง เราก็ไม่ได้เล่นเฉยๆ นะ แต่จำด้วยว่าเขาถ่ายกล้องโน้นกล้องนี้ จำแสงไฟ ดูดอลลี่ ดูบทดูอะไร อาศัยครูพักลักจำ ก็เริ่มซึมซับมาเรื่อย ๆ จนได้มาทำหนังเรื่องแรก คือ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ตามด้วย แหยมยโสธรแต่ละเรื่องใช้ฟีลลิ่งล้วนๆ”

ภูมิใจในตัวเองที่มายืนในจุดนี้ได้ ฝากถึงรุ่นหลัง ทำอะไรขอให้รักให้จริง และไปให้สุด
“ก็ภูมิใจนะ เรื่องแรกเราอาจจะงง ๆ แต่ 2-3 เรื่องก็เริ่มรู้ เพราะเราเล่นหนังมาก่อนอยู่แล้ว เราจะได้เปรียบตรงที่เรามีประสบการณ์ เพราะผู้กำกับเขาไม่เคยเล่นหนัง เราก็จะรู้ว่าเราต้องแอ็กติ้งยังไง บางคนเขาเรียนมาก็จะรู้แค่ทฤษฎี สำหรับผมเคล็ดลับที่ทำให้อยู่ในวงการนี้ได้นาน ก็คือ รักให้จริง ชอบให้จริง รักให้สุดๆ ชอบให้สุดๆ อย่าฉาบฉวย และเป็นตัวเราเอง ถ้าชอบโฆษณาก็ทำหนังโฆษณาให้แจ่ม ชอบเป็นผู้ประกาศข่าวก็ทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวให้สุด อย่าแค่ทำตามคนอื่น อยากแสดงหนังต้องเป็นดารา เข้าใจบท ทำงานเป๊ะ อยากทำอะไรเราต้องรักให้จริง ถ้ารักไม่จริงอย่าทำเสียเวลาครับ”



















กำลังโหลดความคิดเห็น