xs
xsm
sm
md
lg

“พรหมลิขิต-มัดหัวใจยัยซุปตาร์” กับการกำกับของ “นาย สรัสวดี” จะปัง หรือ จะแป้ก! กับแรงกดดันและความคาดหวังของทุกคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชื่อเลยว่าผังปี 65 ละครฟอร์มยักษ์ของช่อง 3 ที่พร้อมจะออกมาท้าชนฝั่งคู่แข่งต้องมี 2 เรื่องนี้ “พรหมลิขิต” และ “มัดหัวใจยัยซุปตาร์” เพราะได้พระนางระดับแม่เหล็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรกที่ได้คู่ขวัญที่สานต่อความดังมาจาก “บุพเพสันนิวาส” อย่าง “โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” และ “เบลล่า ราณี แคมเปน” กับภาคต่อที่ทุกคนรอติดตาม ส่วนเรื่องหลังก็เป็นการกลับมาคืนจออีกครั้งของ “เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” และพระเอกน้องใหม่ป้ายแดงแฟนคลับนับล้าน “กลัฟ คณาวุฒิ” บอกเลยว่าเป็น 2 เรื่อง 2 รสที่ถ้าได้ออนแอร์ ทั้งเรตติ้งและความนิยมปังปุริเย่แน่นอน

ซึ่งความกดดันและความคาดหวังเหล่านี้ คนที่แบกรับหน้าที่อยู่ตอนนี้ คงหนีไม่พ้น “นาย สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร” ผู้กำกับมากฝีกมือที่เปลี่ยนภาพของละครช่อง 3 สู่ความเป็นละครยุคใหม่ที่มีกลิ่นอายความเป็นซีรีส์และเกาหลีเข้ามา ซึ่งก็ได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านละครเรื่อง “ตราบาปสีชมพู” และ ”“พราวมุก” มาแล้ว

และการกลับมาอีกครั้งของผู้กำกับคนนี้ที่ต้องแบกโปรเจกต์ยักษ์ระดับชาติ ความหวังของช่องไว้ในมือสองมือนี้ เรียกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอก็ได้เล่าให้ฟังว่ามันเป็นความยากที่น่าท้าทายและน่าลองไม่ใช่เล่น!

“มัดหัวใจยัยซุปตาร์” เคมีพระนาง “เจนี่-กลัฟ” ดีมากจนไร้ความกดดัน! แย้มฉากเลิฟซีนสวยงามตามมาตรฐานช่อง 3

“ตอนแรกที่รับกำกับละครเรื่องนี้ (มัดหัวใจยัยซุปตาร์) ไม่รู้ว่าพระเอก นางเอกเป็นใคร พี่ไก่ติดต่อมาบอกว่าพล็อตเรื่องนางเอกเป็นซุปตาร์ แล้วพระเอกเป็นช่างแต่งหน้า และเป็นเด็กในบ้าน พอมารู้ว่านางเอกเป็นเจนี่ เราก็อ้าว เจนี่กลับมาเล่นละครเรื่องแรกหลังจากที่หายไปนาย โอ้โห...เราได้ตัวแม่ขนาดนั้นและพอ พระเอกเป็นกลัฟ มันเป็นความกดดัน ทั้งเรื่องแฟนคลับ หรือแฟนช่อง 3 แฟนคลับเจนี่ด้วย แต่ทำงานกับพี่ไก่ เราสบายใจ อย่างคือพี่ไก่ให้อิสระในการทำงานมาก เราเอาเรื่อง เอามุกไปขาย พี่ไก่ก็ต่อยอดไปอีก ทำให้จากบทที่เป็นซีนปกติ พอพี่ไก่มาต่อยอด ทำให้มันว้าว สไตล์พี่ไก่ จะเป็นอลังการงานสร้าง แต่พอพี่ไก่มาจับละครวัยรุ่น เรื่องความอลังการก็ยังมีอยู่ในเรื่องนี้ มันมีอะไรที่น่าสนใจมาก ละครเรื่องนี้ก็จะมีสไตล์ของนาย บวกกับสไตล์ของพี่ไก่ มันทำให้เป็นอีกแบบ เรายังมีกลิ่นของเกาหลีอยู่ เรื่องนี้พี่ไก่ต้องการให้มีหลายแบบ มันมีผู้จัดไม่กี่คนหรอกค่ะ ที่ยอมลงทุนหนักๆอย่างนี้ เรารู้สึกว่าดีจัง

ซึ่งยอมรับว่ากดดันมาก แต่พอมาทำเวิร์กช้อป รู้สึกว่าสองคนนี้มีเคมีดีทีเดียว เจนี่เขามาพร้อมทุกอย่าง เขาทำการบ้านมาแน่นมาก และพอมาเจอกลัฟที่ทำการบ้านมาหนักพอกัน พอมาเจอทั้งคู่ เคมีดีมาก ดีจนเรารู้สีกว่าดีจัง แล้วเจนี่ก็ดูเด็กมาก สวยใสมาก ซึ่งวันแรกที่เขามาเจอกัน เราเห็นทางของคู่นี้ มันมีความน่ารักตรงที่เจนี่ช่วยน้อง มีความกลัฟที่อ้อนเจนี่ เคมีมันใช่เลย

ซึ่งมันไม่ใช่รักต่างวัย แต่มันเป็นเรื่องรักต่างฐานะ เพราะว่ากลัฟเป็นเด็กที่คุณแม่ของเจนี่เลี้ยงมา แล้วเด็กคนนี้ก็จะหลงรักเจนี่มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งช่องไม่ได้ตั้งโจทย์อะไรเลย เขาขอให้สนุก ทำงานได้เต็มที่ ไม่กดดันอะไรทั้งสิ้น ช่องกับพี่ไก่ ค่อนข้างปล่อยให้เราทำงานอิสระ ทำให้เราไม่ต้องมาห่วงว่าเป็นละครที่เจนี่กลับมาเล่นเรื่องแรกนะ กลัฟมาเล่นเรื่องแรกของช่อง 3

ในส่วนของเลิฟซีน จะเยอะกว่าพราวมุก แต่ก็ต้องบอกก่อนว่ามันเป็นละครของช่อง 3 เลิฟซีนมันต้องอยู่บนความสวยงาม มันจะดุเดือด เหมือนในโลกปัจจุบันไม่ได้ มันมีความสวยงาม และด้วยสไตล์ของนายเป็นแบบสวยงาม มันจะเป็นละครผสมซีรีส์ มันจะเป็นชีวิตจริงๆ มากขึ้น”

“พรหมลิขิต” ภาคต่อ “บุพเพสันนิวาส” เปิดโต๊ะประชุมล้างอาถรรพ์ภาค 2 “โป๊ป-เบลล่า” เอาอยู่!

“ตอนแรกจริงๆ ที่ทางช่องติดต่อมาให้ทำพรหมลิขิต ถามว่าเครียดไหม คือเครียดมาก กดดันมาก เก็บไปคิดอยู่หลายคืน อีกอย่างเราเองก็เป็นแฟนคลับของบุพเพฯ อยู่แล้ว ดู 3-4 รอบ เราชอบ มันมีความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นฉากหรือว่าบท ต้องชมว่าพี่ใหม่ (ภวัต พนังคศิริ) ทำไว้ได้ดีมาก และพอช่องบอกให้นายมาทำพรหมลิขิต บอกเลยว่ากดดันมากแบบเครียดเลย และได้เข้าไปคุยกับพี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธ์) ความกดดันมันก็ลดลง ณ วันที่พี่หน่องบอกว่าเรามาช่วยกันนะ เรามาทำกันในสิ่งที่มันสวยงามของบุพเพฯ อยู่แล้ว นายจะเอาความดีงาม ความสวยงามของบุพเพฯ เอามาถ่ายทอดต่อในพรหมลิขิตและจะพัฒนาต่อจากนั้น ให้มันเพิ่มขึ้นไปอีก และด้วยที่บุพเพฯ มันคือสมัยพระนารายณ์ แต่พรหมลิขิตคือพระเจ้าท้ายสระ เรื่องการเมือง ประวัติศาสตร์มันก็จะเปลี่ยนอยู่แล้ว มันจะเปลี่ยนด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว

และคือต้องบอกก่อนเลยว่าที่ถามมาว่าภาค 2 มักจะไม่ประสบความสำเร็จ คือถูกเลย เพราะภาคสองส่วนใหญ่จะมีอาถรรพ์ ความไม่ประสบความสำเร็จมีอยู่สูง แต่นายมองว่าทั้งตัวนาย ทีมงาน นักแสดงทุกคนตั้งใจทำเต็มที่ และฝากอ้อนแฟนๆ ทุกคนว่าให้เปิดใจดูพรหมลิขิตในแบบที่พวกเราทุกคนนำเสนอ มันมีความสวยงามอยู่ มาถ่ายทอดลงในพรหมลิขิตและพัฒนา ต่อยอดไป นายตั้งใจทำมากๆ

โดยความยาก คือมันยากทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ เรื่องนี้มันต้องมีความจริงอยู่ มันยังต้องมีการอ้างอิงประวัติศาสตร์จริงๆ ที่มันเกิดขึ้น แต่นายโชคดีตรงที่บทสนุกมาก บทที่อาจารย์แดง (ศัลยา สุขะนิวัตติ์) เขียนมา และเริ่มมาจากนวนิยายจากคุณรอมแพงก่อน และพอ อ.แดง เขียนสนุกมาก จากรอยต่อของบุพเพฯ มาพรหมลิตได้ดีมาก มันทำให้เราโอเคไปเปราะหนึ่งแล้ว และพอมี อ.กบ, อ.วิโรจน์ มาช่วยลงรายละเอียด พร้อมทีมงานที่เคยทำบุพเพฯ มาถ่ายทอดลงในพรหมลิตเกือบหมด 

และมีอยู่วันหนึ่งพี่หน่องได้เชิญ อ.แดงมา และได้เราก็ได้คุยกับคุณรอมแพงแล้ว ก็มีการคุยกันว่าคิดเห็นยังไง กับบทตรงนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าพรหมลิขิตไม่ใช่เขียนต่อจากบุพเพฯ หลังจากบุพเพประสบความสำเร็จนะ แต่ถูกวางเอาไว้ว่าจะเป็นภาคต่ออยู่แล้ว มันเป็นสิ่งที่เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว หลายอย่างมันถูกวางไว้ในพรหมลิขิต ซึ่งถูกคิดไว้แล้ว เขาเขียนทุกอย่างไว้ละเอียดมาก ตอบทุกอย่างว่าทำไมบุพเพฯ แล้วต้องมาถึงพรหมลิขิต ส่วน อ.แดง คือพูดตรงๆ ว่าอ่านไป 10 ตอนแรกคือวางบทไม่ลง มันสนุกมาก เห็นภาพมาก ทำให้คนทำงานต่อไม่ได้ยาก อ.แดง เขาก็ให้กำลังใจ สู้ๆ เพราะนายคิดว่าถ้าบทประพันธ์มันดี บทโทรทัศน์มันได้ มันก็มีใจไปกว่าครึ่งแล้ว

และพี่โป๊ปคือสามารถคีฟคาแรกเตอร์พ่อเรืองกับพ่อฤทธิ์ได้แตกต่างกัน อันนี้ชมพี่โป๊ปได้เลย เนื่องจากเราเปิดกล้องไปแล้ว พี่โป๊ปทำการบ้านเก่งมากๆ แยกคาแรกเตอร์ 3 คาแรคเตอร์ออกมาได้ชัดเจนมากๆ นายอยู่หน้ามอนิเตอร์ เราถึงกับทึ่งในสิ่งที่เขาแสดง และเขาคีฟคาแรคเตอร์เอาไว้ได้ดี ตั้งแต่เดินเข้าฉาก เขาแยกได้ชัดเจน เขาไม่ได้เล่นแค่แอ็กติ้ง แต่เขาเล่นอินเนอร์ คือมาพร้อมหมดทุกอย่างเลย เราดูแค่มอนิเตอร์ เรารู้เลยว่านี่คือลูก นี่พ่อ ส่วนเรื่องอายุ ที่แยกระหว่างพ่อกับลูก ก็ต้องเพิ่มเติมเข้าไปในเรื่องการแต่งกาย สีหน้า แต่สำคัญสุดคืออินเนอร์ข้างใน แต่ในเรื่องคือฝาแฝดไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา จะมีพ่อฤทธิ์ที่เด่นกว่า เพราะพ่อเรืองจะถูกไปอยู่ที่เมืองพิษณุโลก

อีกอย่างมันคงไม่มีอะไรกดดันไปมากกว่านี้แล้ว เพราะมันกดดันตั้งแต่รับไม้ต่อจากบุพเพฯ แล้ว นายว่าเราทำเต็มที่ เราตั้งใจจริง นายเชื่อว่าคนดู คืออยากให้ทุกคนเปิดใจให้นายหน่อย (ยิ้ม) เพราะคอมเมดี้ก็จะมีเหมือนบุพเพฯ ผินกับแย้มก็จะตามมา เล่นได้น่ารักมาก แต่นายมองว่ามันเป็นความกดดันที่สนุก และโชคดีตรงที่ว่าทั้ง พรหมลิขิตและมัดหัวใจยัยซุปตาร์มันคนละยุคกัน เราเลยทำงานง่ายมาก”















กำลังโหลดความคิดเห็น