รักครั้งนี้ทำ “แตงโม” หายจากโรคซึมเศร้า ขอบคุณ “เบิร์ด” ที่ทำให้พ้นจากโลกมืดมน ทำให้เห็นคุณค่าของตัวเอง อยู่กันมา 2 ปีลงตัวมากไม่ทะเลาะกัน แม่อยากให้ยกพานบอกกล่าว
ผ่านเรื่องราวความรักมามากมายสำหรับ “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” รักครั้งใหม่กับ “เบิร์ด” หนุ่มนอกวงการ แตงโมบอกว่า ลงตัวมาก อยู่ด้วยกันมา 2 ปีไม่ทะเลาะกัน ขอบคุณฝ่ายชายดูแลดีมาก ทำให้อาการโรคซึมเศร้าดีขึ้นถึง 90 เปอร์เซ็นต์ รู้สึกเห็นคุณค่าของตัวเอง
“ความรักก็โอเคค่ะ ถือว่าแฮปปี้ดีค่ะ ก็ไม่ได้มีเรื่องระหองระแหงอะไรกัน เหมือนช่วงเด็กๆ เราอาจจะลองผิดลองถูก แล้วอาจจะมีเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจกัน แต่จากประสบการณ์แล้ พอมาถึงคุณเบิร์ด โมเองก็เป็นคนที่เหนื่อยกับการที่จะต้องทะเลาะเบาะแวงอะไรกัน คุณเบิร์ดเองก็เหมือนกัน ค่อนข้างที่จะไม่ไหวแล้วกับชีวิตคู่ที่จะต้องมานั่งเถียงกัน ก็เลยกลายเป็นความลงตัวที่เราค่อนข้างที่จะรักษาสถานะที่มันพูดคุยกันได้ แสดงความคิดเห็นกันได้ โดยไม่ต้องมีปากมีเสียงกัน หรือมีคำพูดให้ชอกช้ำน้ำใจกัน”
ฝ่ายชายดูแลดีมาก ทำให้อาการโรคซึมเศร้าดีขึ้นมาก เห็นคุณค่าในตัวเอง ขอบคุณที่ทำให้หลุดออกจากโลกที่มืดมน
“ดูแลมากเลยนะคะ พูดไปก็เดี๋ยวหาว่าไปอวดชาวบ้านเขาหรือเปล่า แต่ถ้าให้พูดตามเนื้อผ้าจริงๆ คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาเป็นเวลานาน แล้วทุกคนได้เห็นว่า โมในวันนั้นกับโมในวันนี้ มันต่างกันเลย ก็ต้องยกเครดิตให้คุณเบิร์ดค่ะ”
“ในเรื่องของโรคซึมเศร้า มันต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ อย่าง คือคุณเบิร์ดเขาก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจในปัจจัยข้อนั้นๆ เช่น คนที่ไม่สบายเนี่ย จะไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วก็มีความรู้สึกว่า ไม่อยากที่จะลุกขึ้นมาทำอะไร ไม่อยากสู้ต่อ แล้วก็โทษตัวเอง เบื้องต้นมันจะเป็นประมาณนี้ พอคุณเบิร์ดมาก็สามารถที่จะทำให้จิตใจของเรา รู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองได้มากขึ้น”
“โดยไม่ใช่จากคำบอกเล่า ที่เขาเตือนเราอย่างเดียว แต่เขายกตัวอย่างให้เราเห็นว่า ในสิ่งที่เราทำแต่ละอย่าง มันดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ ทำไมถึงมองข้ามตัวเองไปแบบนั้น ทำไมเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่หดหู่อับเฉา เหมือนในชีวิตนี้ไม่ได้ทำอะไรมาเลย นั่งมองถ้วยรางวัลเต็มบ้าน แต่ไม่รู้สึกอะไรเลย อาการตรงนี้โมก็จะรู้สึกว่า โมเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น”
“แล้วโมคิดว่ามันเป็นบุญคุณอย่างหนึ่งค่ะ ที่ทำให้เราหลุดจากโลกที่มันมืดมนได้ เพราะฉะนั้นโมเลยโฟกัสว่า ทุกวันนี้โมจะพยายามทำยังไงก็ได้ให้เบิร์ดสบายใจ จะเป็นคนที่สนับสนุนให้เบิร์ดมีอนาคตที่ดี เพื่อเป็นการขอบคุณเขา แล้วก็ต้องขอโทษเบิร์ดในบางวัน ที่โมแอบงอแงบ้างก็มี”
อาการซึมเศร้าของเราตอนนี้ดีขึ้น 90 เปอร์เซ็นต์
“ณ เวลานี้นะคะ โมให้ 90 เปอร์เซ็นต์เลย อีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นความกลัวของโมเองที่มันยังไม่เกิดขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์นั้นก็คือว่า แล้วถ้าโมเจอเรื่องหนักๆ อีก โมจะกลับไปอยู่ในภาวะเดิมไหม อันนี้คือคิดขึ้นเองนะคะ แต่นอกนั้นทางด้านจิตใจ แล้วก็เกี่ยวกับการมั่นใจ ทำงานในวงการต่อได้ถือว่าดียอดเยี่ยมเลยค่ะ แต่อาจจะมีทานยาบ้างนะคะ เพื่อลดความเครียด เพราะโมเป็นคนคิดเยอะ คิดหลายทบซ้ำซ้อน อันนี้ยังต้องใช้ยาคลายเครียดนิดหนึ่ง ให้โมคิดน้อยลงหน่อย”
มองอนาคตร่วมกันคือไม่อยากมีลูก
“จริงๆ แล้วด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ โมมีความรู้ว่า การมองอนาคตเพื่อจะไปถึงงานแต่งงานเนี่ย ส่วนหนึ่งถ้าจำเป็นที่จะต้องทำ คือเราจะทำเพื่อหน้าที่ของคนไทย ของลูกผู้หญิงที่คุณแม่เราก็ยังอยู่ แล้วก็ครอบครัวของคุณเบิร์ดด้วย ที่บางครั้งอาจจะต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย แต่ถ้าถามว่าจะต้องมาจัดงานใหญ่โตอะไรไหม โมไม่แน่ค่ะ แล้วเท่าที่คุยกัน คือไม่อยากมีลูกค่ะ เรื่องแต่งงานเนี่ยคือยังไม่พร้อมจริงๆ เลย”
อยู่กับคนนี้แล้วรู้สึกปลอดภัย
“คือโมอยู่กับเบิร์ดแล้วโมปลอดภัย ผู้หญิงไม่ต้องการอะไรมากมาย เท่ากับความปลอดภัยหรอกค่ะ แล้วก็ความยอมรับในตัวตน ซึ่งโมอยู่ตรงนี้แล้ว โมคิดว่าเราต่างตอบโจทย์ซึ่งกันและกันค่ะ มันก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีในอนาคตค่ะ ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งเราจะต้องเลิกกัน มันอาจจะเป็นใครคนใดคนหนึ่งหมดรัก หรือว่าต้องการให้อีกฝ่ายไปเจอคนที่ดีกว่ามากกว่าค่ะ”
แม่อยากให้ยกพานบอกกล่าว
“คุณแม่เราก็มีความอยากให้ยกพานมาบอกกล่าวกันนิดหนึ่ง แต่ว่าด้วยความที่โมก็บอกกล่าวคุณแม่ว่า โมยังไม่ได้พร้อมขนาดนั้น โมอยู่กับเบิร์ดมาแค่เกือบ 2 ปี หลายๆ สิ่งตอนนี้ โมก็ต้องโฟกัสที่อีสเตอร์ด้วย ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเป็นหลัก ก็เลยเอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ”
“เขาเป็นคนแรกที่รักแล้วก็อยากจะพัฒนาอีสเตอร์ให้ไปในทางที่ดี อย่างโมคบคนมาเนี่ย เราก็จะสังเกตได้นะคะ ว่าบางคนรักและเป็นห่วงเรา แต่ในส่วนของลูกเราเขาไม่ได้เต็มที่ แต่คุณเบิร์ดเป็นคนแรกที่โมเจอแล้วรู้สึกว่า เขาเป็นเพื่อนกับลูกเราได้ เขาไปไหนมาไหนด้วยกันได้ ไปต่างจังหวัดกับเราได้เลย แล้วก็ดูแลเทคแคร์ มีความคิดใจเขาใจเรากับเด็ก ขั้นพื้นฐานผ่านทุกอย่าง โมเคยนั่งคิดเล่นๆ ถ้าสมมติว่าโมมีสามีเป็นเบิร์ด แล้วมีลูกออกมา มีเบิร์ดเป็นพ่อคอยสอน มีบุคลิกแบบเบิร์ด โมโอเคมาก เพราะเขาเป็นคนที่ถ่อมตัวมากๆ”