ชื่นหมื่น “ดา - เดนนิส” จูงมือเข้าพิธีหมั้น ให้สัญญาจะดูแลกันไปจนแก่ แพลนจัดงานแต่งต้นปีหน้า แต่เปิดอู่ปั๊มลูกทันทีก่อนหมดปีเสือ ฝ่ายชายเผยอยากมี 6 คน แบบแฝด 3 คู่ อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ เล็งใช้วิธีธรรมชาติถึงเดทมีนา ถ้าไม่มาก็จะใช้วิธีวิทยาศาสตร์ เตรียมบินจดทะเบียนสมรสที่แอลเอ
หลังคบหาดูใจกันมา 1 ปีเต็ม ล่าสุดวันนี้ (23 ธ.ค.) นักร้องสาวเสียงดี “ดา เอ็นโดรฟิน” ธนิดา ธรรมวิมลและแร๊ปเปอร์หนุ่ม “เดนนิส ไทยคูน” ก็ได้จูงมือกันเข้าพิธีหมั้นเรียบร้อยแล้ว โดยมีการจัดพิธียกน้ำชาแบบจีน ไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ณ ร้าน Mother May 1
ซึ่งงานนี้บ่าวสาว ก็ได้โชว์ร้องเพลงคู่ พร้อมเผยความรู้สึกกับสื่อมวลชน หลังได้สวมแหวนหมั้นเปลี่ยนสถานะ จากเพื่อนกัน 12 ปี สู่การคบหาดูใจแบบคนรัก จนในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่เลื่อนขั้นเป็นสามีภรรยากันอย่างเต็มตัวแล้ว
ดา : “ตอนแรกก็สงสัย ว่าทำคนเขาร้องไห้กันในงานแต่ง มันเป็นโมเมนต์ที่บางทีเราขอพรจากพ่อแม่ หรือขอพรจากผู้ใหญ่ มันเหมือนชีวิตมันเปลี่ยนไปเลย”
เดนนิส : “ได้ยินคำอวยพรจากแม่จากยาย แบบโดนเลยนะเมื้อกี้ (หัวเราะ)”
ดา : “ใช่ ไปทั้งคู่ ร้องเลย มันออกมาเองค่ะ มันเหมือนว่าตั้งแต่เด็กจนโต ตัวดาเองก็ไม่คิดหรอก ว่าเราจะแต่งงานกับเพื่อนที่เราเคยรู้จักกัน เดินทางกันมาเป็น 10 กว่าปี กว่าจะมีโมเมนต์อย่างนี้”
พิธีตอนเช้าเรียบง่ายตามที่ตั้งใจ ได้เพื่อนๆ พี่ๆ มาช่วยทำออแกไนซ์ให้
ดา : “ง่ายๆ มากเลย ออแกไนซ์ก็เป็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กันด้วย แล้วก็มีพี่ๆ ที่เป็นออแกไนซ์เรื่องความสวยงามของสถานที่ช่วยด้วย แล้วพ่อแม่พี่น้อง เราเอามาใช้หมดเลยค่ะ เพราะจากสถานการณ์โควิดอย่างนี้ เราก็ใช้เป็นแฟมิลี่เนอะ ส่วนใหญ่ คือจริงๆ แล้วเนี่ย แม่เดนิสจะต้องกลับแอลเอเดือนมกราคมค่ะ ก็เลยคิดว่าเขาจะมาทำธุระให้เสร็จเลย”
เป็นการเจอกันครั้งแรกของสองครอบครัว น้ำตาไหลคุณพ่อคุณแม่อวยพรให้
ดา : “ให้ผ่อนหนักเป็นเบา ถ้าคนร้อนหนึ่งร้อนคนหนึ่งจะต้องให้อภัย คนเราอยู่กันได้นานๆ ต้องให้อภัยกันเยอะๆ (แล้วแม่เดนิสบอกว่าอะไรบ้าง?)
เดนนิส : “ไม่รู้ คำแรกก็ร้องไห้เลย (หัวเราะ) จำไม่ได้แล้ว”
ดา : “หูดับอะ ช็อก คือเพลงด้วยอะไรด้วย”
เดนนิส : “ใช่ เพลงด้วยอะไรด้วย มันแบบว้าว ไม่คิดว่าจะมีโมเมนต์นี้”
ดา : “ตอนก่อนสวมแหวน ดาก็ไปสะกิดเขานิดหนึ่ง ว่า You Ready? อันนี้ Now and Forever แล้วนะ พอสะกิด แล้วเจอแม่อวยพรไปเท่านั้นแหละ ปรี่แตกเลยค่ะ”
รู้จักกันครั้งแรก 10 ปีที่แล้ว ยังติดเที่ยวอยู่ทั้งคู่ มาตอนนี้ลงเอยพร้อมสร้างครอบครัว อยากเป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกสัก 6 คน
เดนนิส : “วันแรกที่รู้จักเลย โอ้โห ช่วงนั้น 10 ปีก่อน (หัวเราะ)”
ดา : “มันจะเป็นกรึ่มๆ หลังตี 1 อะไรอย่างนี้ค่ะ มันจะเป็นโมเมนต์นั้น ย้อนไปก็จะอายุประมาณ 23 -24 เองค่ะ กำลังเปรี้ยว เที่ยวกันแบบสุดๆ เลย แล้วตอนนั้นมันไม่มีคำว่าครอบครัวเข้ามาในหัวหรอกค่ะ ตอนที่เราเป็นวัยรุ่น มันมีแต่คำว่าตัวเอง มีแต่คำว่าฉันจะทำให้อนาคตฉันดียังไง อยากเป็นนักร้อง อยากเป็นแร๊ปเปอร์ อยากทำงานยังไง ตามใจตัวเองซะเยอะ เป็นวัยรุ่น
แล้วพอตอนโตมันมีเรื่องราว มีครอบครัว คุณยายดาก็แก่มากแล้ว คือ 84 ปีนี้แล้วค่ะ เราก็คุยกัน อยากให้เขาได้จับเหลนเนอะ ได้จับเบบี๋ เพราะมันเหมือนเป็นพรจากยาย พ่อแม่เราเขาได้จับลูกของเรา เขาเลี้ยงเรามาได้ ถ้าได้มือของเขามาจับ มันเหมือนเป็นพรค่ะ ก็อยากให้เขาได้เจอ คุณแม่เดนิสก็ด้วย”
เดนนิส : “คุณแม่ผมด้วย อยากให้เขาเห็นหลาน ก็คือจะมีเลยครับ”
ดา : “ใช่ค่ะ ก็คือปล่อยธรรมชาติเลย แล้วเราก็อยากมีครอบครัวใหญ่ๆ”
เดนนิส : “คิดว่าประมาณ 6 คนมั้ง (หัวเราะ) ทวิน 3 ครั้งแบบนี้
ดา : “อ๋อ คือดาไม่รู้ ดาก็โอเคเข้าใจแล้ว ว่าทำไมบางครอบครัวถึงอยากทำทวิน (ลูกแฝด) เพราะว่าพอเรามีน้องตอนเราอายุเยอะ เช่น 35 36 หรือ 40 ก็ต้องเพิ่งคุณหมอบ้าง จะได้เหนื่อยทีเดียว ตอนนี้เข้าใจแล้ว ว่าทำไมบางคนเขาถึงต้องทำทวินทีเดียว เพราะท้องตอน 35 แล้วถ้าอยากมีลูก 3 คน มันก็คงจะต้องทำทวินรอบหนึ่ง หรือลองแบบธรรมชาติปล่อยดูไหม
ก็อยากลองเหมือนกัน เพราะเราก็เพิ่งเจอหลานเดนิส เป็นทวิน เขาก็น่ารักทั้งคู่ เป็นเด็กผู้หญิง ก็คิดว่าอย่างต่ำน่าจะ 3 พยามาอยู่ค่ะ แฝดสาม 3 คู่ (หัวเราะ) เขามีเหรอคะ นี่คนหรือวัว (หัวเราะ) ก็ถ้าร่างกายคนเราไหว ดาไม่แน่ใจ ว่าเขาสามารถทำทวินกับทวินได้ไหม 2 คนแรก กับ 2 คนหลัง
ก็คุยกับป้าเดนนิสค่ะ เพราะเขาทำทวินเหมือนกัน ก็อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง ผู้หญิงต้องดูแลสุขภาพยังไง หลังจากทำแล้ว น้องต้องโตในแล็บนะ ใช้เวลาเท่านี้ๆ (แสดงว่าจะมุ่งไปทางวิทยาศาสตร์เลย?) ก็ให้เวลาธรรมชาติกันถึงช่วงเดือนมีนาคมค่ะ เพราะถ้าเกิดว่าเขามาช่วงมีนาคม เขาก็อาจจะได้เป็นปีเสือเหมือนแม่ เพราะเดนิสเป็นปีวัว”
รอธรรมชาติถึงมีนาคม ถ้ายังไม่มาก็ทำเลย เพราะอยากให้เกิดทันปีเสือ บอก “เดนนิส” เวอร์ชั่นนี้ ดีจนอยากมีลูกเยอะ
ดา : “ก็คือจะทำมีนาคมเลย ยังไงก็จะให้ทัน 9 เดือน ที่จะคลอดในช่วงปีเสือ (เราเห็นด้วยกับเขาไหม ที่เขาอยากมี 6 คน?) 6 เลยเหรอ ร่างกายเราจะเป็นยังไง ตอนนั้นเราก็ไม่รู้เนาะ แต่ว่าคือดาคิดว่า ช่วงที่เราไหว แล้วเรารู้สึกว่า แต่ก่อนนี้ถ้าเราไม่มีเขา คือไม่ได้รู้จักเดนนิสในเวอร์ชั่นนี้ บางทีเรื่องมีลูกเยอะๆ เราอาจจะไม่คิด แต่ถ้าเกิดพ่อดีอะ เรารู้ว่าเขาดูแลครอบครัวเราได้ เขาดูแลแม่ ดูแลครอบครัวดี จนเรารู้สึกว่า ถ้าเขามีลูก เขาจะดูแลลูกเราดีมาก ทำอาหารเอย ดูแลครอบครัว ออแกไนซ์ชีวิตทุกอย่าง ถ้าเขาไม่เป็นแบบนี้ ดาก็ไม่คิดเรื่องมีลูกเยอะ”
“เดนนิส” ไม่มีปัญหา หากต้องมีหน้าที่เลี้ยงลูก
เดนนิส : “ไม่มีปัญหาครับ อยาก”
ดา : “เขาอยากค่ะ (เราก็ตามใจเขา?) ใช่ค่ะ อยากมีครอบครัวใหญ่”
แอบงงๆ จากเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้มาแต่งงานกันแล้ว
เดนนิส : “งง (ยิ้ม)”
ดา : “เขาจะมาอยู่เมืองไทยแค่ 3 เดือนค่ะตอนแรก”
เดนิส : “ตอนนี้เป็นปีหนึ่งแล้วครับ (หัวเราะ)”
10 ปีที่รู้จักกันมา โตขึ้นมาก และความคิดเปลี่ยน ใช้ชีวิตเต็มที่มาหมดแล้ว ถึงเวลามีครอบครัว
เดนนิส : “เราโตขึ้น 10 ปีเราเปลี่ยนกันเยอะ ความคิดทุกอย่างเปลี่ยนหมดเลย เมื่อก่อนเรายังเด็กอยู่ อยากเที่ยว อยากสนุก ชอบเที่ยวกัน ตอนนี้อยากมีแฟมิลี่แล้ว อยากเป็นแฟมิลี่แมน”
ดา : “เหมือนแบบเที่ยวเร็ว เลิกเร็ว ประมาณนั้นอะ ใช้ชีวิตเต็มที่มาหมดแล้ว แล้วโลกอีกใบของดาคืออยู่กับร็อกสตาร์มาตลอด ทั้งเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ สังคม แล้วอีกฝั่งหนึ่งก็คือฮิปฮอปแบบอันเดอร์กราวน์หนักไปเลย คือเราเห็นชีวิตแบบนั้น แล้วเราใช้ชีวิตแบบเต็มที่ ตี 5 ปาร์ตี้เสร็จก็คือไปทำงานต่อได้ คือมันเป็นแบบนั้น
จนมันรู้สึกว่า แล้วมันจะยังไงต่อวะ ถ้าเกิดว่าเราเจอคนดีๆ เราเปลี่ยนชีวิตตัวเอง แล้วเราต้องยอดให้มันกลายเป็นครอบครัวที่สวยงาม มันน่าจะดีกว่า แล้วเราก็รู้สึกว่า เรารักชีวิตเรา แล้วเราอยากมอบชีวิตของเขาสองคนให้กับลูกๆ อีก เลยเข้าใจเลยว่า พอพ่อแม่มองเข้ามาที่ลูก แล้วเขารู้สึกว่านั่นคือมินิเขา แล้วเขาอยากให้ความรัก ความสุขบนโลกนี้ ส่งให้ลูกต่อ”
แพลนทำงานเพลงถึงมกราคม ก่อนมีลูก และจะไปจับธุรกิจ ออแกไนซ์ที่แอลเอ
ดา : “งานเพลง ดาคิดว่าน่าจะจบที่เดือนมกราคมค่ะ พอดีจะมีเพลงเดือนมกราคม นี่วันหมั้นก็ขอเลื่อนส่งเพลง เขาก็เริ่มตามแล้ว (ยิ้ม)”
เดนนิส : “ผมกับดาเปิดค่ายใหม่ ชื่อ Bars Entertainment ครับ”
ดา : “ถ้าเป็นธุรกิจในเมืองไทย ก็จะเป็น Music Label หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่เราพอมีความรู้ และต่อยอดได้ ส่วนที่แอลเอ เราก็คิดอยากทำออแกไนซ์ เป็นคอนเสิร์ตออแกไนซ์ ให้สำหรับคนที่ USA เหมือนจะเป็น hold production house หาคอนเสิร์ตไปลง ก็ครึ่งๆ ชีวิตน่าจะแบ่งกันอยู่ที่แอลเอกับเมืองไทย”
ร้องเพลงเศร้ามาเกือบตลอด วันนี้ได้เป็นคนที่สมหวังบ้างแล้ว
ดา : “ดาว่าดาก็เป็นตัวแทนให้ใครที่ไม่สมหวังได้บ้าง เราร้องมาจากประสบการณ์ของเพื่อนด้วย ชีวิตวัยรุ่นด้วย วันนี้ก็ร้องสองใจในงานไม่ได้นะคะ ต้องเลือกๆ (หัวเราะ) ส่วนเพลงเพื่อนสนิท ร้องได้ๆ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ควรจะเริ่มต้น ส่วนเพลงของเดนนิสที่ชวนดาไปร้องก็เป็นต้นเหตุกลับมาคุยกัน”
ประทับใจ “ดา” ดูแลคุณแม่และคุณยาย คิดว่าคนนี้โอเค รักเลย
เดนนิส : “ตอนผมเมืองไทยไทย เราเห็นเขานิสัยเป็นยังไง ดูแลคุณยาย ดูแลแม่ เห็นเขาเล่นกับลุกเพื่อนๆเรา ก็รู้เลยว่าเด็กรักเขามาก ผมเลยแบบโอเคคนนี้แน่นอน รักเลย”
ดา : “เห็นภาพเขาตอนอายุ 70 80 90 ปีไปด้วยกัน เขาดูแลครอบครัวยังไง เขาก็จะดูแลเราแบบนั้น ซึ่งบ้านเดนิสเขาค่อนข้างจะดูแลเทคแคร์ทุกคนเลย และเป็นครอบครัวใหญ่ และเขามีความเป็นหัวหน้าครอบครัวสูง ดาเคยพูดกับตัวเองว่าถ้าเกิดว่าแฟนที่เราจะคบ ถ้าเกิดเขารักครอบครัวเราไม่เท่าที่เรารักและดูแลได้ ก็อย่าเพิ่งเริ่มกับใครเลย อันนี้ก่อนที่จะเจอกับเดนนิสนะคะ แล้วก็เจอเขาที่ตั้งมาตรฐานครอบครัวไว้สูงและเขาพร้อมที่จะมีครอบครัว”
เป็นเพื่อนกันมา 12 ปี ก่อนเป็นแฟน 1 ปี แล้วแต่งเลย เพราะไม่อยากใช้เวลา 3-4 ปีอีกแล้ว
ดา : “มันก็เลยเร็ว ถ้าเขาอยู่ในเลเวลที่พร้อมมันจะไปเร็วมาก แต่ถ้าเขาไม่พร้อมเราก็อาจจะเดตกัน 2-3 เดือน แล้วถ้ามันไม่เวิร์คก็คือจบ ดาจะไม่ใช้เวลา 3-4 ปีอีกแล้ว มันเร็วมากเลยนะคะ แล้วอายุมันผ่านไป 35 ลองคบหาดูใจ 2 ปี บวกอีก 2 ปี เราตื่นมาอีกวันหนึ่งก็จะ 40 แล้ว คือถ้าใช่ 3 เดือนก็ไปต่อได้ ถ้าไม่ก็คงไม่นานขนาดนี้ ถามว่าเราคบกันนานแค่ไหนแล้ว ถ้าเป็นเพื่อนกัน 12 ปี ถ้าเป็นแฟนก็ 1 ปี คุยกันเริ่มช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว”
เดนนิส : “ช่วงนั้นผมอยู่แอลเอ เราคุยกันเรื่องเพลง เรื่องธุรกิจ ผมอยู่ที่แอลเอ เขาอยู่ที่นี่ ก็คุยกันว่ามาทำงานกันไหม คุยกันทุกวัน ผมก็อยู่ที่แอลเอกับที่ไทยครึ่งๆ”
ดา : “ตอนแรกไม่มีเรื่องความรักเกิดขึ้นเลย แค่เราแลกความรู้กัน พอดาไม่มีค่ายแล้ว ก็อยากสตาร์ทอัพธุรกิจ ก็เลยปรึกษาเขา ก็เลยคุยกันมาตลอด”
มีสินสอดที่ไทยแล้ว แต่ยังมีที่แอลเออีก วันนี้เป็นพิธียกน้ำชาในครอบครัว ส่วนปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ถ้าไม่มีโอมิครอน ก็เจอสิ้นเดือนมีนาคม
ดา : “จริงๆ เขาบอกว่าอยู่เมืองไทยแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวมีที่แอลเออีก (ยิ้ม) จริงๆ คุณแม่ก็อยากให้ได้เจอพี่ๆ เพื่อนของคุณแม่ที่แอลเอ ตอนนี้ก็อยากจะบอกว่า สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ศิลปินดาราหลายๆ ท่าน ที่ไม่ได้มา จริงๆ พิธีเป็นพิธีผู้ใหญ่ที่พ่อแม่เราได้เจอกัน เป็นพิธียกน้ำชาแบบจีนของบ้านเดนิส ส่วนเพื่อนถ้าโอมิครอนไม่มา เดือนมีนาเจอกัน ปาร์ตี้กัน ก็วางไว้ประมาณสิ้นเดือนมีนาคม (มีน้องมาร่วมยินดี?) เนอะ ดูไทม์มิ่งก่อน”
ชีวิตเหนื่อยมาเยอะ จนเจอ “เดนนิส” ที่เข้ามาเติมเต็ม
ดา : “ดาคิดว่าคนเรา สุดท้ายชีวิตตอนวัยรุ่น มันก็คือตื่นเต้น มันไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงคำว่าคู่ชีวิต มันไม่ในหัวหรอก แต่ว่าพอโตขึ้นพอเรารู้สึกว่า ชีวิตมันเหนื่อยมาเยอะ เราทำงานกันมาตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบัน แค่ต้องการใครที่กลับบ้านมาแล้วนั่งกินข้าว ดูทีวี ช่วยกันดูบ้าน ช่วยกันดูแลครอบครัวของเราแค่นั้นเอง และเราเห็นทุกอย่างในตัวเดนนิส ว่าเขาพร้อมที่จะอยู่ในเลเวลที่จะพร้อมดูแลทุกคนเหมือนเรา ถ้าอายุ 35 แล้วคนนี้มาเต็มขนาดนี้ ก็ใช่แล้วแหละ (ยิ้ม) เขาเยอะกว่าดาอีกนะเรื่องการดูแล”
เพื่อนและครอบครัว “เดนนิส” ที่แอลเอ ตื่นเต้นอยากเจอ “ดา” มาก
เดนนิส : “ที่แอลเอทุกคนตื่นเต้นมาก อยากเจอดามาก เพื่อน ครอบครัวที่โน่นด้วย”
อยากบอก “ดา” ว่ารักคุณเสมอและตลอดไป
เดนนิส : “ผมรักคุณเสมอและตลอดไป (ยิ้ม)”
คำมั่นสัญญาคือจะดูแลกันและกันไปจนแก่ เป็น Best Friend ที่ดีที่สุด
ดา : “ดูแลกันและกันค่ะ ชีวิตเหนื่อยมาเยอะแล้ว ดาเชื่อว่าเป็นหลายๆ คู่ หลายๆ คนที่ลงเอยแต่งงานกัน ถ้าได้โบนัสคือเราได้เพื่อนที่ดีมากๆ ไม่ใช่แค่สามีภรรยานะ คือคนนั้นต้องเป็นเบสเฟรนด์ ไม่ว่าจะปวดหัว ตัวร้อน โน่น นี่ นั่น คนนี้ต้องเป็น Best friend ของเรา เพราะฉะนั้นแล้วคำว่าสามี-ภรรยาของดา มันคือคำว่า Best friend ที่ดีที่สุด นั่นคือที่สำคัญที่เราจะอยู่จนแก่กันได้”
รอบินไปจดทะเบียนสมรสที่แอลเอ ในช่วงเดือนเมษา
ดา : “น่าจะก่อนบินไปโน่น ก่อนบินยังมีเวลา นามสกุลยังไม่รู้ เขาเคยพูดว่า ธนิดา เตโชภาส ก็เพราะนะ (ยิ้ม) น่าจะบินไปแอลเอช่วงเดือนเมษายน”
