“เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ขอความเห็นใจจาก “เก้า เกริกพล” ท้องอยู่ไม่อยากเครียด อยากจบปัญหา ยอมจ่าย 1 ล้าน ถ้า 3 ล้านคงไม่ไหว เผยพึ่งซื้อบ้านเงินสดรับขวัญลูกไป 14-15 ล้านบาท ด้านสามีลาออกจากตำรวจมาช่วยงาน
พึ่งจะซื้อบ้านด้วยเงินสดไป 15 ล้านบาท ล่าสุด “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” หรือ เจนนี่ รัชนก สุวรรณเกตุ ได้เดินทางมาที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พร้อมกับสามี “ยิว ฉัตรมงคล สมแก้ว” และทีมทนายความ ที่ศาลนัดไกล่เกลี่ยคดีที่ “เก้า เกริกพล เพชรรัตน์” ยื่นฟ้องในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ในเพลง เลิกคุยทั้งอำเภอ เพื่อเธอคนเดียว ซึ่งวันนี้หนุ่มเก้าส่งตัวแทนมา เหตุเพราะติดภารกิจ
ซึ่งหลังจากที่การไกล่เกลี่ยนัดนี้ยังไม่ลงตัว สาว เจนนี่ จึงได้ออกมาเปิดเผยว่า ต้องรอการไกล่เกลี่ยอีกครั้งช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่ท้ายที่สุดแล้วตนก็อยากให้จบกันด้วยดีทั้งสองฝ่าย
“ก็ตื่นเต้นค่ะ เพราะว่ามาที่นี่เป็นครั้งแรก และก็จะมีการนัดกันในครั้งหน้าช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ เพราะว่าวันนี้น้องน่าจะติดภารกิจเลยมาไม่ได้ และทำเรื่องนัดไกล่เกลี่ยกันค่ะ ถ้าสมมติว่าไกล่เกลี่ยไม่ลงตัวหรือว่ายังไงอาจจะต้องนัดสืบพยานกันอีกทีนึง คือตอนนี้พอเราท้อง เราอยากจบด้วยดีที่สุดนะคะ เราก็มีคิดในใจแล้วว่า เราจะไกล่เกลี่ยออกมายังไงให้เราทั้งคู่จบกันด้วยดี แล้วก็จะได้ต่างคนต่างทำงาน หนูก็จะได้อยู่กับลูกไม่ต้องเครียดมาก เพราะเอาจริงๆ มาศาลมันก็แอบเครียดนะ เราก็ไม่อยากมีคดี"
"ที่จะมีคนกลางมาคุยให้นอกรอบเหรอคะ บางทีหนูก็คอนเฟิร์มไม่ได้นะคะ ท่านผู้ใหญ่ที่เขาบอกจะช่วยคุยจะไปในทิศทางไหน เพราะว่าเราไม่ได้ยินกับหูไม่ได้เห็นกับตา จริงๆ อยากเจอน้องมากกว่า เพราะว่าการคุยตรงมันน่าจะง่ายกว่าสำหรับเราสองคน”
บอกจ่าย 3 ล้านไม่ไหว ขอจ่าย 1 ล้านตามที่เคยพูดไป
“ถ้า 3 ล้าน หนูมองว่าอาจจะยังเยอะไปค่ะ อาจจะต้องขอลดลงมาให้มันเป็นเรทที่พอดีสำหรับทุกฝ่าย เพราะว่าจริงๆ แล้วตัวน้องลิลลี่ที่ร้องหลักก็ไม่ได้ถึง 3 ล้านเหมือนกัน อาจจะต้องขอความเห็นใจตรงนี้ว่าทำยังไงให้เราต่างคนต่างพอดีซึ่งกันและกัน และให้จบด้วยดีค่ะ ก็มีตัวเลขในใจค่ะ ก็หลักล้านเหมือนกัน (1 ล้านตามที่เคยบอกก่อนหน้านี้มั้ย) ก็ประมาณนั้นค่ะ ก็เดี๋ยวรอดูวันไกล่เกลี่ยว่าทางน้องจะออกมาแบบไหน"
ไม่ลบเอ็มวีเพราะสปอนเซอร์ไม่ให้ลบ
"เรื่องลบเอ็มวีจริงๆ ทางเจนนี่เองไม่ติดนะ เพราะเราไม่ได้อยากมีปัญหา แต่เนื่องจากในเพลงมีสปอนเซอร์ 3 ตัว ซึ่งเราโทรหาสปอนเซอร์แล้ว แต่ทางสปอนเซอร์เขาไม่ยอม เพราะมันก็ไม่ได้มีสัญญาว่าเราต้องมาลบเพลงทีหลัง เพราะว่าในเพลงจะมีสินค้า 3 ตัวถ้าใครดูเอ็มวีย่อยๆ ก็จะเห็นอยู่ มันไม่ได้แจ้งกับทางสปอนเซอร์ว่าเดี๋ยวจะต้องลบนะในอนาคต เพราะตอนนั้นเราก็มือใหม่เนอะ ทำอะไรก็ไม่มีสัญญาอยู่แล้ว"
"วันนี้ที่ได้คุยกับทางตัวแทนของน้องก็บอกว่า เดี๋ยวรอวันไกล่เกลี่ยอีกทีนึงค่ะ ก็ต้องมาลุ้นอีกทีนึง ก็ต้องขอความเห็นใจนิดนึง เพราะอยากให้เราจบทั้งคู่ และอยากให้พอดีกับทั้งคู่ที่สุด เพราะที่ผ่านมามันก็นานมาแล้วด้วย และพอมันมีลูก เราก็อยากให้ตัวเองสดใสขึ้น สบายใจขึ้น ไม่ต้องมาขึ้นศาล ไม่ต้องมีปัญหากับใคร”
ยอมรับตัวเองเบาลงเยอะ เพราะแต่งงานมีลูกแล้ว ถ้าตนผิดก็พร้อมยอมรับและแก้ไข
“มันหลายอย่างค่ะ ก็เห็นว่าแทบไม่ได้พักกันเลยสำหรับปีที่ผ่านมา (หัวเราะ) เหมือนเราก็เบาลง บวกกับแต่งงานมีลูก เราก็ควรที่จะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวให้มากกว่าเดิม และบวกกับเราก็ฟังคนรอบข้างเตือน อะไรที่เราผิดจริง เราไม่ดี เราก็ฟังและปรับปรุงตัวค่ะ ก.พ.ปีหน้าก็ขอให้จบค่ะ สาธุ (หัวเราะ) ก็ต้องอยู่ที่ฝั่งน้องด้วยค่ะ ต้องขอความเห็นใจ"
"คือตั้งแต่แต่งงาน มีลูก เราก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ด้วยความที่เจออะไรมาเยอะมาก และตอนนั้นเราก็ยอมรับว่าเข้ามาใหม่ๆ ณ จุดนี้มันก็ยากสำหรับการปรับตัว แต่ตอนนี้หนูก็เริ่มรู้แล้วว่าเราควรจะวางตัวยังไง ควรจะทำยังไงในการสร้างผลงานต่อไป ทำสัญญาแบบไหน พูดคุยกับสื่อยังไง ก็ดีใจที่แฟนๆ ก็ยังคอยอยู่ข้างๆ ตลอด อันนี้เป็นจุดๆ นึงที่เรารู้สึกดีใจที่ทุกๆ คนยังอยากที่จะมาสมัครค่ายเพลงของเรานะคะ ซึ่งเรื่องค่ายเพลงยังยืนยันที่จะทำต่อไปนะคะ แต่ถ้าจะถามว่ามันจะมีเรื่องผิดพลาดอีกมั้ย กลัวมั้ย เราตอบไม่ได้ แต่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งค่ายเพลงจะกลับมาปีหน้าค่ะ กลับมาเต็มรูปแบบ เพราะว่าตอนนี้ตึกบริษัทก็ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ ที่นครศรีธรรมราช”
บอกเพิ่งซื้อบ้านเงินสด 14-15 ล้านเป็นของขวัญให้ลูกสาว
“ตอนนี้ 4 เดือนค่ะ เป็นผู้หญิง เพิ่งซื้อบ้านเป็นของขวัญให้เขาด้วย เพราะตอนเด็กๆ หนูรู้สึกว่า การเกิดมาแล้วได้รับความลำบากมันเหนื่อย สงสารตัวเราตอนนั้น ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราให้เขาพร้อมมากที่สุด และที่เหลือเราค่อยสอนเขาให้เป็นคนดี ให้โตขึ้นในสังคมที่ดี ก็น่าจะดี"
"คืออันนี้ซื้อไว้ให้ลูกก็จริง แต่พวกเราก็ยังคงต้องมาพักผ่อน ก็ขอยืมก่อน(หัวเราะ) เหมือนที่ผ่านมาเล่นคอนเสิร์ต มาถ่ายรายการก็จะเปิดโรงแรมคืนนึงเป็น 10 ห้อง คืนนึงก็เป็นหมื่น ซึ่งถ้าเดือนนึงมา 15 วันมันก็หลักแสน ก็คิดมาตั้งนานแล้ว แต่เรารอเรื่องความพร้อมเรื่องของเงินเพราะอยากซื้อสด ไม่อยากผ่อน ไม่อยากเป็นหนี้ให้เป็นภาระ ก็ 14-15 ล้านค่ะ จริงๆ หนูไม่อยากให้มองว่าเป็นเงินใคร เพราะว่าตอนนี้หนูกับยิวเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน ยิวทำงานก็ฝากไว้ที่หนูหมด (หันไปมองยิว)”
เผยชีวิตครอบครัวสุดแฮปปี้ แม้จะยังมีดราม่า แต่ไม่ขอสนใจแล้ว
“ถ้าเป็นชีวิตครอบครัวน่าจะสมบูรณ์ค่ะ เหมือนพอมีลูกไม่ว่าจะเป็นลิลลี่หรือคุณแม่ก็มีความสุขมากขึ้น แฮปปี้มากขึ้น แล้วเราก็เลิกโฟกัสโลกโซเชียลมากขึ้น เพื่อที่จะมาโฟกัสว่าวันนี้ต้องกินของบำรุงนะ วันนี้ต้องห้ามนอนดึกนะ ต้องคำนึงถึงลูกมากขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่หนูเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเราจะนิ่งขึ้น และใส่ใจเขาตั้งแต่เขายังอยู่ในท้องได้ขนาดนี้"
"ตัวหนูพยายามที่จะไม่ค่อยอ่านคอมเม้นท์ เรายังต้องอยู่กับไลฟ์สด ต้องอยู่กับโซเชียลไปเรื่อยๆ ตั้งรับให้ได้ก็คือเราต้องนิ่งให้มากที่สุด ถ้าสมมติว่าผิดจริงก็แก้ไข ถ้าไม่ผิดก็อยู่เฉยๆ เพราะอธิบายไปบางทีคนที่เขาไม่ได้เป็นเอฟซี หรือไม่ได้ชอบเราตั้งแต่ข่าวที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้ชอบอยู่แล้ว”
เผยตอนนี้ “ยิว” ลาออกจากราชการตำรวจ มาช่วยธุรกิจ “เจนนี่”
ยิว : “ถามว่าตอนนี้ยังเป็นตำรวจอยู่มั้ย อันนี้ก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ ตอนนี้ก็ช่วยๆ ครอบครัว ตอนนี้ลาออกจากราชการแล้ว ตั้งแต่มีลูกก็มาอยู่กับลูกครับ ตอนนี้ก็ช่วยกันหาเงิน”
เจนนี่ : “คือตอนนี้หนูก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิมจนโดนดุ (หัวเราะ) เป็นคนติดนิสัยชอบทำงานค่ะ แล้วก็อยากสร้างทุกอย่างให้ลูกเราโตขึ้นมาในสภาวะที่พร้อมที่สุด แต่ก็โดนดุบ้างว่าเบาลงหน่อย ก็เบาลง แต่ยังรับงานเหมือนเดิมนะคะ (หัวเราะ)”
ยิว : “พอเรามีลูกจุดโฟกัสของเราทุกอย่างก็ต้องอยู่ที่ลูกแล้วครับ มันไม่ใช่แค่เราสองคนแล้ว คือเราต้องดูแลลูกให้ดีที่สุดครับ ก็ช่วยๆ กันรับงานครับ แลกเปลี่ยนความคิดกันครับ ส่วนเรื่องดราม่าเงินที่ซื้อบ้าน เรื่องแบบนี้มันเรื่องปกติอยู่แล้วนะที่ว่าใครก็คิดได้ มันอยู่ที่ว่าเราสร้างกันยังไงมากกว่า คือผมก็คนธรรมดานะ และอย่างที่บอกว่าเราโฟกัสไปที่ลูก โฟกัสที่การดูแลลูก ความสุขของลูกครับ ก็ดูแลเรื่องอาหารการกินให้เขา แล้วเจนนี่เขาเป็นคนที่ชอบทำงานมากจนเวลาพักผ่อนน้อย ผมก็พยายามเตือนครับ แต่ก็ดื้อครับ (หัวเราะ)”
เจนนี่ : “ตอนนี้ก็อาจจะรับงานที่กรุงเทพฯ ได้เยอะขึ้น เพราะพอเรามีบ้านเราก็ไม่ต้องเหนื่อยกับการหาโรงแรม การหาที่พัก เราต้องเดินทางเก็บกระเป๋าวันต่อวันมันเหนื่อย และต่อไปอนาคตที่วางไว้ก็คือน้องลิลลี่กำลังจะเรียนจบม.6 ถ้าเขาอยากเรียนที่กรุงเทพฯ เราก็มีที่พักให้น้องเลย แต่ค่ายอยู่ที่โน่นก็ไปๆ มาๆ จะวางแผนเรื่องเวลาให้ดีที่สุด กำหนดคลอดคือต้นเดือนมิถุนายนค่ะ แต่หนูยังไม่ตัดสินใจว่าจะคลอดเองหรือจะผ่า อาจจะต้องรอดูอีกทีนึงค่ะ ก็คิดว่าอาจจะทำงานไปถึงสัก 8 เดือน (หันไปมองยิว) เพราะว่าคุณแม่หนูยังเป็นแดนเซอร์จนหนูจะคลอดเลย เราเลือดคุณแม่ นักสู้(ยิ้ม)”