“ป๊อก-มาร์กี้” เผยเรื่องสุดช็อก มรสุมชีวิตครั้งใหญ่ในชีวิต ป๊อกตรวจพบเนื้องอกในสมองขนาดเท่าลูกเทนนิส เลือดออกในสมอง หมอเผยเป็นอาการคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปี แต่โชคดีที่สุด กลายเป็นเนื้องอกที่พบในเด็ก แทบไม่พบในเมืองไทย ซึ้งแล้วอะไรมีค่าที่สุดในชีวิต
เพิ่งมีภาพที่ “ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” นอนอยู่ในรพ. โดยมี “มาร์กี้ ราศรี จิราธิวัฒน์” และลูกๆ เฝ้าอยู่ไม่ห่าง จนเป็นที่มาของคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ล่าสุด ป๊อกและมาร์กี้ ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว ในรายการ ป๊อกกี้ on the run ss4 EP50 หลังจากที่หนุ่มป๊อกมีอาการปวดหัว คล้ายความดัน เป็นอยู่นานจนไม่ไหวต้องไปตรวจหาสาเหตุที่รพ. เมื่อผลออกมาทำเอาตกใจกันทั้งบ้าน ซึ่งผลการตรวจพบก้อนเนื้อในสมอง!
ป๊อกยอมรับว่าครั้งแรกที่รู้ช็อกมาก ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตนเร็วขนาดนี้ เพิ่งอายุ 35 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มีอาการปวดหัว พยายามหาคำตอบมาเกือบ 6 เดือนได้ ไปหาหมอมาหลายที่ก็หาคำตอบไม่ได้ มีอาการหูอื้อทั้งสองข้าง ก็คิดว่าเราเครียดไปหรือเปล่า เรานอนไม่พอหรือเปล่า หรือน้ำในหูไม่เท่ากัน ก็ไปหาหมอหู ตา คอ จมูก ตรวจทุกอย่าง หมอบอกว่าทุกอย่างปกติ
อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกหูอื้อเป็นทุกๆ 3-4 วัน ต่อมาเป็นเกือบทุกวัน แล้วปวดพร้อมท้ายทอยบวม ที่พีกสุดคือเหมือนมีคนบีบขมับสองข้างเข้าหากัน ปวดพร้อมกันหมด เป็นวันละ 4-5 รอบ ที่หนักคือปวดมากจนต้องหลับตา ต้องหาที่จับหาเสา หามาร์กี้ หากำแพงเพื่อให้เราปลอดภัย คิดว่าวิกฤตเลย ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบนี้ ครั้งสุดท้ายเลยตัดสินใจโทรหาคุณพ่อ ถามว่ามีหมอเกี่ยวกับสมองหรือประสาทไหม
ก่อนหน้านี้ไปเจอพี่ฟองเบียร์ เขาแนะนำให้ไปหาหมอที่เกี่ยวกับเส้นเลือดในสมอง เพราะบางคนอาจมีสภาวะเส้นเลือดในสมองตีบได้ พ่อเลยนัดให้และเล่าอาการให้หมอฟัง อยากทำ MRI อยากรู้สักทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ก็ไปทำ MRI ปกติ ไม่ได้วิตก แล้วพอผมออกมาจากรพ. หมอก็โทร.มาหา ก็รู้เลยว่าไม่ดีแน่ๆ หมอบอกว่าสะดวกกลับมาไหม มาฟังผลด้วยกัน ซึ่งก็ตกใจมาก เพราะสิ่งที่ไม่คาดคิดเลยเกิดขึ้นกับเราจริงๆ นั่นคือเจอก้อนเนื้องอกในสมอง
ที่ตกใจกว่านั้น หมอบอกว่าถ้าเป็นคุณหมอจะไม่รออะไรแล้ว ทำได้วันนี้ก็ทำวันนี้ ทำได้พรุ่งนี้ก็ทำพรุ่งนี้ ต้องผ่าเปิดกะโหลกออก เพราะหมอกะว่าไซส์เท่าลูกปิงปอง ผมก็แบลงก์ เคยมีประสบการณ์ไม่ดี มีคนในครอบครัวผ่าตัดเกี่ยวกับหัว สมอง แล้วไม่ได้ฟื้นกลับมา
เป็นประสบการณ์ที่กลัวมาก ถ้าโชคไม่ดี ผ่าแล้วไม่ฟื้นกลับมาจะทำยังไง ไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจเลย สิ่งหนึ่งที่ลอยขึ้นมาทันทีคือหน้าลูกและครอบครัว วันนั้นบอกหมอว่าไม่รู้จะพูดอะไร น้ำตาก็ไหลเอง หันไปทางมาร์กี้ เขาก็ไหลเหมือนกัน แค่อยากมีเวลาให้มาร์กี้มากกว่านี้ ถ้าดวงไม่ดีหรือไม่ฟื้นกลับมา ไม่มีชีวิตอีกแล้ว เขาจะทำยังไง ไม่ได้เตรียมตัวเรื่องนี้สักนิดเดียว นี่ก็เป็นการบอกเราต้องเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตแล้ว ก็เลยคิดว่า ณ ตอนนั้นอยากได้โอกาสอีกสักครั้งเพื่อให้ได้อยู่กับครอบครัว รู้แล้วว่าที่ทำมาทั้งหมด ไม่มีอะไรมีค่าเลย ถ้าไม่มีชีวิตอยู่กับพวกเขา สิ่งเดียวที่ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนไปผ่าตัด คือถ้ามีโอกาสอีกสักหนึ่งครั้ง รู้แล้วว่าต้องให้ค่าอะไรคือมีชีวิตอยู่กับครอบครัวให้ได้มากที่สุด โดยไม่ต้องมองสิ่งอื่นแล้ว
การผ่าตัดครั้งนี้ค่อนข้างซีเรียสมาก ผ่าตัดสมองที่ค่อนข้างใหญ่ หมอบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหลายอย่าง จากประสบการณ์ที่เขาเห็น เขาคิดตรงกันว่าไม่ดี แต่ไม่กล้าพูดออกมา ต้องรอผลที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ณ ตอนนั้นการผ่าตัดและเห็นของจริง กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่เท่าลูกปิงปองอย่างที่คิดกันไว้ แต่ไซส์จริงคือเกือบเท่าลูกเทนนิส ตอนผ่าตัดสมองเลือดออกด้วย อาจเป็นเหตุที่ทำให้ปวดมากเป็นพิเศษ หลังผ่าสายตาหมอทุกคน สีหน้าดูเศร้า ระหว่างนั้นออกมาจากห้องผ่าตัดก็ยังเบลอ สิ่งหนึ่งที่รพ.มาถาม คือคุณหมอต้องการเซ็ตแฟมิลีมีตติ้งด่วน ซึ่งมันเป็นอะไรไม่ค่อยดี ต้องเป็นอะไรที่ค่อนข้างซีเรียส สุดท้ายแล้วสิ่งที่รู้จากนั้น วันอาทิตย์เขาบอกว่าให้แคนเซิล แต่คิดในแง่ดี คือไม่มีอะไรต้องวอรี่แล้วเลยแคนเซิลกันไปก่อน
วันจันทร์ตอนเช้า หมอที่ผ่าก็มาทำแผลทุกอย่าง และเล่าให้ฟัง 100 เปอร์เซ็นต์ หมอบอกว่าไม่รู้ว่าป๊อกโชคดีขนาดนี้ได้ยังไง ตอนนี้หวยไม่ต้องซื้อแล้ว จากการผ่าตัดทั้งหมด หวยมาออกที่นี่ให้หมดแล้ว ทุกอย่างที่คิดว่าป๊อกจะเป็น หรือหมอสันนิษฐานว่าผมจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปี หมอบอกว่าโชคดีมากไม่ใช่เนื้อร้าย เราก็ถามว่าก่อนหน้านี้หน้าหมอเครียดมาก เกิดอะไรขึ้น หมอบอกว่าจากดูฟิล์ม MRI เห็นชิ้นเนื้อของจริง และเห็นเลือดออกด้วย มันเป็นอาการของคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งมีอายุได้ไม่เกิน 2 ปีนะ เขาเลยเครียด เพราะมันรักษาไม่ได้ด้วย ไม่รู้จะพูดกับคุณปู่ยังไง
แต่พอผลออกมาไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เขาก็แปลกใจเหมือนกันว่าเป็นได้ยังไง ทุกอย่างไปในทิศทางนั้นแล้ว เขาบอกเป็นเนื้องอกที่มักพบในเด็ก 7-8 ขวบ เคสผู้ใหญ่เจอเนื้องอกชนิดนี้น้อยมาก แทบไม่มีเลยในเมืองไทย เขาบอกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ เป็นเนื้องอกชนิดที่ปลอดภัย อันตรายน้อยสุด เอาออกไปแล้วไม่ต้องทำการรักษาอะไรต่อ ไม่ต้องคีโม ไม่ต้องกินยา สามารถรักษาตัวเองได้
เหตุผลหลักที่ออกมาเล่า ไม่เคยนึกถึงเหตุการณ์นี้ว่าจะมาเกิดขึ้น ทำให้มองเห็นหลายอย่างที่ไม่เคยมองเห็น เลยตัดสินใจว่าถ้าได้เอามาเล่าให้ฟัง อาจเป็นประโยชน์ได้บ้าง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมายิ่งกว่ามรสุมครั้งใหญ่ในชีวิต แต่ถือว่าจบแล้ว หลังจากนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ