ORANGE THE WORLD เป็นแคมเปญภายใต้ UN WOMEN มีเป้าหมายเพื่อรณรงค์ให้ตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงทุกรูปแบบต่อผู้หญิงและกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) ทั่วโลก พร้อมเสริมสร้างพลังใจเพื่อให้ผู้ผ่านพ้นสามารถลุกขึ้นมายืนหยัดและปกป้องตัวเอง โดยแคมเปญจะเริ่มขับเคลื่อนอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลกในวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงสากล คือวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี ไปจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสิทธิมนุษยชน ระยะเวลารวม 16 วัน โดยองค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ หรือ UN WOMEN (ยูเอ็นวีเมน) โดยประกาศความร่วมมือกับ SCENARIO (ซีเนริโอ) ร่วมด้วย TIP RAINBOW โดย ทิพยประกันภัย, ข้าวแสนดี และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ผนึกกำลังร่วมเป็นภาคีเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ รณรงค์ต่อต้านและยุติความรุนแรงในทุกรูปแบบต่อผู้หญิง และกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) เป็นเจ้าภาพร่วมจัดงาน “ORANGE THE DAY” เพื่อประกาศจุดยืนร่วมกันอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยแบรนด์แอมบาสเดอร์ซูเปอร์สตาร์ของไทย คริสติน่า อากีล่าร์, ลูกเกด เมทินี, ทาทา ยัง, แจ๊สซี่ ชูว์เทอร์ และ รัศมีแข (VTR) ร่วมพูดคุยถึงมุมมองของความรุนแรง ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง พร้อมแชร์ประสบการณ์และส่งสัญญาณเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวพร้อมกันทั่วโลก ในวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงสากล และ วันยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ณ บริเวณ ลานเอเทรียม 2 สยามเซ็นเตอร์ เมื่อวันก่อน
ไปฟังความรู้สึกของ 5 แบรนด์แอมบาสเดอร์ที่พูดถึงแคมเปญ “ORANGE THE WORLD” ในประเทศไทย
คริสติน่า อากีล่าร์ กล่าวว่า “ติ๊นา คิดว่ามันโบราณมากเลย ผู้หญิงห้ามมีปากเสียง ทุกวันนี้มันไม่ใช่แล้ว โลกมันไม่ควรมีความรุนแรง มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากและเป็นเรื่องที่หดหู่มากที่เราจะต้องมานั่งฟังข่าว ดูทีวี แล้วเจอแต่เรื่อง พ่อฆ่าแม่ อันนี้ทำร้ายผู้หญิง ผู้หญิงคือเพศแม่คุณนะ จริงๆ แล้วเป็นเพศที่คุณควรจะให้เกียรติมากกว่าที่คุณจะมาทำร้าย ทั้งนี้ทั้งนั้น ติ๊นาว่ามันอยู่ที่การปลูกฝังและก็การศึกษามากกว่า ติ๊นาคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูด ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองอย่ารอให้คนมาเห็นถึงความลำบากของคุณ อย่ารอให้คนมาเห็นถึงความน่าเวทนาของคุณ เพราะฉะนั้นทุกอย่าง ติ๊นาถึงบอกว่า... ชีวิตเรา เราต้องเป็นคนกำหนดเอง ทุกคนมีสามารถอยู่ในตัวเอง มันอยู่ที่ว่าคุณจะเอาออกมาหรือเปล่า ไม่มีใครสมควรที่จะถูกกดขี่ ไม่มีใครสมควรที่จะถูกมองว่าอ่อนแอ ทุกคนคือมนุษย์หมด มีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาส และก็สิ่งดีๆ เท่าเทียมกันหมด โลกมันยังไม่เปลี่ยนไป 100 เปอร์เซ็นต์ ติ๊นามีความหวัง และติ๊นาก็เชื่อว่า ในอนาคตข้างหน้า มันจะไม่เป็นอย่างนี้ ควรจะเป็นอะไรที่... ต้องพอแล้ว ต้องหยุดแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีความสุข และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ดี และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกปลอดภัยค่ะ”
ลูกเกด เมทินี กล่าวว่า “เกดรู้สึกดีใจมากๆ ที่เกดมีโอกาสได้เป็นคนหนึ่งที่ ผู้หญิง แล้วก็กลุ่ม LGBTQ นะคะ ให้ความนับถือ สามารถที่จะมีเสียง ว่าช่วยให้กำลังใจคน ช่วยให้กำลังใจเด็กๆ รู้สึกดีใจมากๆ ในเรื่องของการโดนความรุนแรง ตอนที่เกดได้ตำแหน่งในปี 1992 เกดเครียดมากเลย เพราะว่า... ถูกสอนมาว่า ผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงไทย จะไม่พูด บางทีเราต้องไปอยู่ในสถานการณ์ที่เจอผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายแล้วก็ เดี๋ยวมือมาละ เดี๋ยวโอบ เดี๋ยวจับ เดี๋ยวลูบแขนเรา เราก็แบบ เราไม่ชอบนะ แต่มัน... มันเหมือนกับว่า เราถูกสอนมาว่าคุณห้ามพูดนะ นี่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้เลยนะ เกดจำได้ว่าเป็นเวลา 1 ปีที่เกดร้องไห้เกือบทุกวันเลย เพราะว่าเกดมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ใช่ตัวเกด แต่ในที่สุด พอเกดหมดตำแหน่งแล้ว เกดก็จำเป็นต้องแสดงออกมา ถ้าคุณไม่ชอบ ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณอยู่ คุณต้องพูดเลย ทำไม? เกดก็ไม่เข้าใจว่า... คนไทย เรารู้ว่า ผัวเมียข้างบ้านเขาตีกัน เขาทะเลาะกัน สามีซ้อมเมีย ทำไมคุณไม่เรียกตำรวจ... อ๋อ! มันเป็นเรื่องของผัวเมีย หรือ แม่คนหนึ่งรู้ว่า ลูกกำลังโดนคนในครอบครัวด้วยการลวนลามลูก คุณจะไม่ปกป้องลูกคุณเหรอ? คุณต้องยืนหยัด คุณต้องออกมาพูดมันไม่ได้ เพราะนี่คือชีวิต นี่คือคน เกดคิดว่าสิ่งแรกนะคะ สำหรับสาวๆ ต้องเห็นคุณค่าในตัวเอง เกดเห็นคุณค่าในตัวเกดเองมากๆ เพราะว่าเกดก็มาจากครอบครัวที่แตกแยก แล้วเกด ก็เคยเห็นภาพที่ คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกัน แล้วคุณพ่อก็ลงไม้ลงมือ แล้วเกดจำได้ว่า เกดยืนร้องไห้แล้วสัญญากับตัวเองว่า “ฉันจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นกับตัวเอง” เกดจะไม่มีวันที่จะยอมให้ใครมาซ้อมเกดแบบนั้น เพราะฉะนั้น วันนี้ ถ้าผู้หญิงคนไหนต้องการกำลังใจ รู้สึกแย่ ทักเข้ามาเลย เกดตอบ เกดช่วยให้กำลังใจ เพราะอะไร? เพราะว่า… เกดรู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร?”
ทาทา ยัง กล่าวว่า “จริงๆ บูลลี่เพิ่งมาเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วเองนะ บางทีการบูลลี่ บางทีเราก็ทำไปโดยที่ไม่รู้ตัว ทาโดนมาเยอะมาก โดนมาตลอดชีวิต เรื่องการงานก็โดน เรื่องน้ำหนักก็โดน เลิกกับแฟนก็โดน แต่ทาแสดงออกนะ ถ้าเกิดว่าแบบ... มากเกินที่เรารับไม่ได้หรืออะไรอย่างนี้ เพราะว่าเรามีสิทธิ์ เรามีเสียง ที่เราสามารถทำตรงนี้ได้ “ชีวิตของเรา” ทาคิดว่าบางคนโดนแล้วห้ามพูดด้วย คือทั้งโดนทั้งร่างกายและก็โดนห้ามพูดออกมาดังๆ ว่า... ฉันโดนทำร้ายเพราะว่าโดนกดเอาไว้ คืออย่างแรกเลย คือ คนเราไม่ควรจะแตะต้องร่างกายของคนอื่นโดยการที่ทำให้เค้าเจ็บ ถ้าทำครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะทำได้อีก คือ คุณพ่อคุณแม่จะพูดกับทาเสมอว่า ถ้าเกิดผู้ชายคนไหนมาแตะตัวทา จำไว้ว่าพ่อกับแม่ยังไม่เคยทำกับลูกเลย แล้วจะยอมให้เขามาทำกับเราได้อย่างไร? ฉะนั้นเราต้องไม่ยอม ทาจะมีกฎอยู่อย่างหนึ่งเลย คือ ทาจะไม่ทำกับคนอื่น เรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่อยากจะเจอกับตัวเราเอง คือคุณพ่อจะสอนไว้ตลอดว่า... “ส่องกระจก หากเห็นอะไรที่เราไม่ชอบ อย่าปล่อยให้เป็นอย่างนั้น” คนที่โดนทำร้าย อยากให้คิดเสมอว่าคุณมีค่า คุณมีเสียง เราไม่ควรจะอนุญาตให้มันเกิดขึ้นอีก แล้วการที่เราได้พูดออกมาครั้งหนึ่ง ทำให้มันเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับคนอื่น ว่าเราไม่ควรจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ ไม่เราจะเป็นผู้หญิงหรือเพศใดก็ตาม กับการใช้ความรุนแรง แล้วก็ถ้ายิ่งถูกเข้าไปอีก ผู้หญิงก็ไม่ควรจะต้องทำผู้ชายด้วยเช่นเดียวกัน เพราะว่าเราเท่าเทียมกัน”
แจ๊สซี่ ชูว์เทอร์ กล่าวว่า “หนูคิดว่าการที่เป็นคนที่คนรู้จัก พวกเขาคิดว่าทุกอย่างคงสวยงาม แต่มันไม่จริงเลย โดยเฉพาะผู้หญิง “ผู้หญิงมักถูกตัดสินเสมอ” หนูก็เคยโดนบูลลี่ จะหน้าตาเป็นอย่างไรก็โดน ทำอะไรก็ผิดมีอยู่ช่วงหนึ่ง และตอนนั้นหนูใส่ใจกับคำพูดคนอื่นมาก จนหนูแบบ... เหมือนจะเป็นเหยื่อแล้ว หนูก็ไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ที่จะบอกว่า... ตอนนี้โอเคแล้ว หนูก้าวผ่านทุกอย่าง มันยังไม่ใช่ มันยังอยู่ในช่วงของการเดินทาง เพราะตอนนี้หนูก็ยังไม่โอเค ในโครงการนี้ จะพูดแบบตรงๆ ว่า แบบ ต้องเปลี่ยน แสดงออกมา ถึงบางครั้งมันจะยาก การเปลี่ยนแปลงย่อมใช้เวลา ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเรื่องอะไรก็ตาม แต่อยากจะให้กำลังใจและความมั่นใจของคนที่...หนูไม่ควรพูดว่าเป็นเหยื่อ แต่เป็นผู้รอดชีวิตจากการถูกเหยียดหยามในทุกรูปแบบ อยากเป็นแบบแรงผลักดันให้แบบ... ไม่เป็นไรนะ แล้วสังคมก็จะยอมรับคุณ ไม่ได้แปลว่าคุณโดนบูลลี่มาก่อน หรือโดนทำร้ายมาก่อน แล้วคุณพูดไม่ได้เพราะคุณจะยิ่งโดนรังแก “ยิ่งเงียบ ยิ่งถูกรังแก” และหนูอยากบอกว่า... ขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ความอ่อนแอ หนูว่าเวลาที่คุณขอความช่วยเหลือแปลว่าคุณแข็งแกร่ง เพราะคุณรู้ว่า คุณมีปัญหา คุณต้องการความช่วยเหลือ อย่างน้อยเราแข็งแกร่งพอที่จะรู้ว่ามีปัญหา และต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นอยากพูดว่า... เวลาเราพูด หรือ คิดว่าเคยโดนกระทำมาก่อน หรือโดนทำร้ายมาในอดีต พวกเขาคิดว่าชีวิตจบสิ้นแล้ว คือเจอ 1-2 หรือ 3 ปัญหา เลยคิดว่ามันไม่มีแสงสว่างในคืนที่มืดมิดแล้วหนูอยากจะบอกพวกเขาว่า สิ่งดีๆ กำลังจะมาถึง... อย่ายอมแพ้ มันยังไม่ใช่จุดจบ จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม หรือจนกว่าคุณจะอยู่ในจุดที่ดีกว่าเดิม เผชิญหน้ากับปัญหา จงอย่ากลัว”
รัศมีแข กล่าวว่า “เอาจริงๆ แขมองว่า... คนที่โดนทำร้ายร่างกาย หรือ ว่าโดนบูลลี่ ถ้ายกตัวอย่าง อย่างแข แขนั่งตอบคำถามมาเยอะแล้ว แต่ถามว่าวันหนึ่ง ถ้าเราถามกลับคนที่กระทำพวกนั้นว่า... “ทำไมถึงทำแบบนั้น?” ส่วนตัวแขโดนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตั้งแต่โตมาอยู่เมืองไทย แขโดนแบบโหดมากเลย โหดแบบเข็มขัดตีหัว หัวเป็นหนอง สารพัด แต่ด้วยความที่เราเป็นเด็ก ณ ตอนนั้น ชีวิตมันแย่ หนีออกไปแล้วไปไหน แขเป็นคนที่โตที่สวีเดน ไปอยู่สวีเดนตั้งแต่ 9 ขวบ เพราะฉะนั้นที่นู้น เราจะมีความรู้สึกว่า การใช้สิทธิตัวเอง สิทธิ์ในสังคม มันก็ค่อนข้างสูง จนกระทั่งแขมาอยู่เมืองไทย แขตกใจ มันเป็นเรื่องยากที่จะอยู่ในสังคมทุกวันนี้ โดยเฉพาะมันมีโซเชียลเข้ามาด้วย คนภายนอกสามารถแตะต้องตัวเราได้ถึงเร็ว เหมือนคนมาทักแข “ดำ” ... แขขาวไม่ได้ พ่อแขเป็นแอฟริกา แขลง 10 Fight 10 ทุกคนมอง กระเทยชกมวย แขเป็นแชมป์ แขชนะ จริงๆ แล้วมันเหนื่อยนะ กับการที่คนเราจะต้องพิสูจน์อะไรตัวเองขนาดนั้น เพื่อให้อยู่บนโลกใบนี้ แล้วเรื่องนี้แขว่า ไม่ใช่เฉพาะ LGBTQ+ แขว่ามันทุกคน จริงๆ แขว่าทุกคนมีสิทธิ์ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ ตามแบบที่ตัวเองต้องการ จะบอกว่าพอเถอะ การที่ถูกกระทำแบบนี้ มันไม่โอเคเลยนะ มันทำร้ายจิตใจของเราตรงนี้มาก ตัวคุณเองก็คงไม่ชอบหรอก ให้ใครคนอื่นมาบั่นทอนจิตใจ หรือพูดจาไม่ดีใส่ ถ้าเราเองต้องการให้คนอื่นปฏิบัติต่อตัวเราดีขนาดไหน? แล้วคนอื่น... ไม่ต้องการมันเหรอ? คนอื่นไม่ใช่มนุษย์เหรอ”
สามารถติดตามรายละเอียดแคมเปญ “ORANGE THE WORLD” ได้ทาง
Facebook & YouTube: Scenario & Rachadalai
#OrangeTheWorld #respectme