“แพท” เผยวันพ่อปีนี้ไม่ต้องเขียนจดหมาย ไม่ต้องบอกรักกันผ่านกรงเหล็กอีกแล้ว เป็นโมเมนต์ที่ตนและพ่อเฝ้ารอมานาน ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อ ขอบคุณที่ไม่เคยทอดทิ้งลูกคนนี้แม้จะเคยทำให้พ่อผิดหวัง พร้อมย้อนวินาทีเสียน้ำตาในวันพ้นโทษ
หลังจากต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำหลายปี ทำให้ทุก “วันพ่อ” ของหนุ่ม “แพท พาวเวอร์แพท” วรยศ บุญทองนุ่ม ทำได้แค่เขียนจดหมาย หรือไม่ก็บอกรักคุณพ่อผ่านกรงเหล็กมาตลอด 16 ปี 8 เดือน ในที่สุดสิ่งที่แพทเฝ้ารอมานานก็เป็นจริง หลังเจ้าตัวได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่
ปีนี้จึงเป็นวันพ่อปีแรกที่แพทได้อยู่กับคุณพ่อ “นิวัฒน์ บุญทองนุ่ม”เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เหมือนฝันที่เป็นจริงของทั้งพ่อและแพท เจ้าตัวเผย สิ่งที่พ่อภูมิใจในตัวตนมากที่สุดคือการไม่หลงกับความมายาต่างๆ และทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น รู้ซึ้งทุกอย่างแล้ว และจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก วันนี้ (4 ธันวาคม) เป็นวันครบรอบ 11 เดือนเต็มที่แพทพ้นโทษออกมา เมื่อนึกย้อนไปวันที่ 4 มกราคม 2564 วันแรกที่ได้รับอิสรภาพ เจ้าตัวก็บอกว่า ยังจำความรู้สึกวันนั้นได้อย่างชัดเจน
“รู้สึกมีความสุข และรู้สึกว่าภาพที่เราคิดไว้ในความฝันมันเกิดขึ้นจริงอยู่ตรงหน้า ตรงนั้นเป็นความอบอุ่นใจว่าเรามีครอบครัวที่น่ารักและที่ดีรอเรา และระยะทางจากนี้ไปก็คงจะไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ก็กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว และยังไม่ได้มีใครจากไปไหน ก็พูดตรงๆ ครับ จากที่แต่ละคนก็กังวล คุณพ่อคุณแม่ก็มีโรคประจำตัวทั้งคู่ และไม่รู้ว่าจะรอเราได้นานขนาดไหน พอเราเห็นภาพตรงหน้าก็สบายใจครับ”
“วันนั้นคุณพ่อบอกกับผมว่าหมดทุกข์หมดโศกแล้วนะ กลับไปอยู่ด้วยกัน ต่อจากนี้ก็จะมีแต่ชีวิตที่ดีขึ้นแล้วประมาณนี้ครับ เป็นพรจากคุณพ่อคุณแม่ก็ประเสริฐที่สุดแล้วแหละ”
ปกติแพทเป็นคนเข้มแข็งมาก ไม่ค่อยร้องไห้กับเรื่องอะไรง่ายๆ แต่ตอนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่หน้าเรือนจำกลางบางขวาง ช่วงที่พูดถึงคุณพ่อคุณแม่แพทถึงกับมีอาการเสียงสั่น น้ำตาคลอ ซึ่งเจ้าตัวเผยเหตุผลที่เสียน้ำตาว่า…
“เหมือนฝันที่เป็นจริง เรามีความกังวลในใจติดอยู่มาเรื่อยๆ ว่าท่านจะรอเราไหวมั้ย เพราะระยะเวลาก็ยาวนานเหลือเกิน แล้วแต่ละครั้งที่ท่านมาเยี่ยมก็ดูแก่ขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องยอมรับตรงนี้ พอภาพตรงหน้าเห็นท่านยังอยู่ มันก็เป็นความสุข เป็นความปลื้มใจด้วยกับชีวิตใหม่ กับครอบครัวที่ได้อยู่พร้อมหน้าด้วยกันครับ”
เฝ้ารอวันนี้มานาน ไม่ต้องเขียนจดหมายบอกรักกันอีกแล้ว
“เป็นวันพ่อปีแรกที่ได้อยู่ด้วยกัน เป็นสิ่งที่เราเฝ้ารอมานานครับ และคุณพ่อก็คงจะเฝ้ารอมานานเช่นกัน จริงๆ แล้วตอนที่อยู่ข้างใน ในโอกาสวันพ่อเราก็เขียนจดหมายบอกรักกัน และรู้สึกขอบคุณคุณพ่อมาตลอดในการที่ดูแลเราเป็นอย่างดีมาตลอด แม้ในช่วงชีวิตที่เรายากลำบาก ก็มีคุณพ่อนี่แหละครับที่คอยแวะเวียนไปดูแลเรา ไปเยี่ยมเรา ไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเรา”
“ผมสนิทกับคุณพ่อมากโดยเฉพาะช่วงที่เราใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ เป็นเพราะคุณพ่อนี่แหละครับที่ส่งมอบกำลังใจมาให้เรา จนเราประคับประคองชีวิตจนตลอดรอดฝั่ง จนเราออกมาได้ทุกวันนี้ครับ”
วันพ่อปีนี้ต่างจากวันพ่อในทุกปีที่ผ่านมา
“ต่างแน่นอนครับ เพราะเราได้รับอิสรภาพ ได้ออกมาทำอะไรตั้งมากมาย ได้อยู่ใกล้ๆ คุณพ่อ ได้ใกล้ชิด ผมพาคุณพ่อไปกินข้าวเรื่อยๆ อยู่แล้ว ได้กอดกัน ได้สัมผัสกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเราต่างฝ่ายก็รู้ถึงความรักและความห่วงใยที่มีให้ซึ่งกันและกันเสมอมาอยู่แล้วแหละ แต่พอเราได้ออกมาก็สามารถที่จะทำอะไรได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น”
ตอนอยู่ข้างในสิ่งที่พ่อย้ำเตือนแพทเสมอก็คือ อย่าลดคุณค่าของตัวเองลง ซึ่งประโยคนี้สร้างพลังให้กับแพทมากมาย
“ท่านมองเห็นศักยภาพในตัวเรา มองเห็นคุณค่าในตัวเราว่าเราสามารถที่จะทำอะไรได้มากมาย สามารถที่จะสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง ให้กับครอบครัว ให้กับคนอื่นได้อีกเยอะแยะ แม้จะใช้ชีวิตอยู่ข้างในนั้น แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักโทษ ณ ตอนนั้น แต่คุณค่าของมนุษย์ ความหมายของชีวิตก็ต้องรักษาไว้ให้ได้ ก็ยังต้องมีและใช้ชีวิตมุ่งหน้าต่อไปในเส้นทางที่มันถูกต้อง ตรงนี้ก็เหมือนกับเป็นกำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้เราใช้ชีวิตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ”
แต่อีกความหมายคือทำให้เห็นว่า ต่อให้เราทำผิดแค่ไหน เราก็ยังเป็นลูกของพ่อและแม่เสมอ ไม่มีวันทอดทิ้ง
“เป็นเรื่องปกติของคุณพ่อคุณแม่ทุกคนอยู่แล้ว ท่านก็รักเราและเข้าใจถึงความผิดพลาดของเราว่ามันเกิดจากสิ่งไหนอะไรยังไงบ้าง แล้วก็เชื่อว่าทุกคนมีโอกาสที่จะกระทำผิด แล้วบุคคลที่ไม่เคยทอดทิ้ง ที่เข้าใจและก็ยังคงรักและให้อภัยก็คือคุณพ่อคุณแม่ ตรงนี้ลูกๆ ทุกคนก็ควรที่จะตระหนักไว้ให้ดี เพราะสุดท้ายแล้วพอเราลำบาก พอเรามีปัญหา คนที่เข้ามาประคับประคองเรา ให้กำลังใจเรา คอยปลอบโยนเราก็มีแต่ครอบครัวเรา และคุณพ่อคุณแม่ครับ”
ตลอดเกือบ 17 ปีที่อยู่ในเรือนจำ คุณพ่อไปเยี่ยมไม่เคยขาด ทุกครั้งที่เห็นพ่อจะรู้สึกอบอุ่นใจและรู้สึกปลอดภัย
“พอพ่อเดินมาในแต่ละครั้งที่มาเยี่ยมเราก็รู้สึกอบอุ่น รู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่าเรามีที่พึ่งทั้งเรื่องของการใช้ชีวิต ทั้งเรื่องของทางใจและความรู้สึก คือเราได้เห็นเพื่อนๆ ในเรือนจำหลายคนที่เขาอาจจะไม่ได้มีโอกาสที่จะมีคุณพ่อมาเยี่ยมเหมือนเรา เนื่องด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม”
“ตรงนี้เราก็ถือว่าเราโชคดีและมีโอกาสมากกว่าเขาครับ เพราะฉะนั้นเราก็ควรที่จะเห็นถึงความสำคัญของความรัก เห็นถึงความสำคัญของความห่วงใยและความหวังดีของคุณพ่อให้มากๆ เพราะถือว่าเราได้รับโอกาสนี้แล้ว โอกาสที่ยังสามารถที่จะทำดีต่อท่านได้ ก็ต้องรักษาไว้ให้ดีครับ”
เวลาที่คุณพ่อและคุณแม่ไปเยี่ยม พอทั้งสองท่านกลับ แพทจะแอบมองตามหลังทุกครั้ง
“คุณพ่อก็เหมือนกันครับ เราก็มองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายเพระท่านก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ เราโตขึ้น ท่านก็แก่ขึ้นไปเรื่อยๆ แน่นอนครับคนเราก็คงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ ย่อมมีวันนึงที่ต้องลาจากกัน เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราได้เห็นภาพนั้น เราก็มีความรู้สึกว่า ถ้าวันนึงเรามีโอกาส เราก็อยากจะทำหน้าที่ลูกให้ดี ออกไปเมื่อไหร่ก็จะใช้ชีวิตแล้วก็ดูแลท่านตามที่กำลังความสามารถเรามีอยู่ ก็เป็นสิ่งที่ตั้งใจอยู่แล้วครับ”
สิ่งที่พ่อเห็นมาตลอด 16 ปี 8 เดือน ก็คือแพทไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือทำอะไรให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจเลย
“จริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้เสแสร้งหรือปกปิดนะ เราก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แหละ เราก็พยายามเข้มแข็งด้วยตัวเองอยู่แล้ว แล้วเราก็เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่แหละ เขาเห็นเราตกอยู่ในสภาพนี้เขาก็เป็นห่วงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะทำอะไรให้ท่านหนักใจเพิ่มขึ้นไปอีกเราจะไม่ทำ แล้วเราก็พยายามเข้มแข็งได้ด้วยตัวเองไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำให้เขาสบายใจ เพราะเราเชื่อว่าสุดท้ายแล้วความจริงมันต้องเปิดเผยออกมา ไม่สามารถปกปิดได้”
“และสิ่งต่างๆ มันก็เป็นผลดีกับตัวเราเอง ถ้าเราเข้มแข็งได้ เราลุกขึ้นมาจากช่วงวันเวลาที่มันเลวร้ายได้และกลับมายืนขึ้นได้ แน่นอนอันดับแรกเลยเราก็ภูมิใจ ครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ก็ภูมิใจ สิ่งนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งดีๆ ที่เราสามารถที่จะทดแทนคุณของคุณพ่อคุณแม่ได้ด้วยความภูมิใจในลูกของตัวเองครับ”
“อีกอย่างนึงผมไม่อยากให้ท่านเป็นห่วงด้วย และมันก็ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงด้วยแหละ ทั้ง 2 อย่างเลย ในจุดนั้นเราก็ยอมรับความเป็นจริงแล้วแหละว่าเราจะต้องชดใช้ ในพาร์ตของการชดใช้ ในส่วนของชีวิตที่ต้องดำเนินต่อมันก็ต้องทำต่อไป แม้จะเหนื่อยจะยากลำบากมันก็ต้องทำเพราะเราก็ยังมีลมหายใจ แล้วความหวัง ความฝันของเรามันก็ยังมีอยู่ แล้วท่านก็รอคอย ท่านก็คาดหวังกับเรา เราก็ต้องทำให้มันดี จากความผิดพลาดในอดีตมันร้ายแรง มันรุนแรงอย่างมากมายแล้ว เราก็ควรที่จะกลับมาให้มันดีกว่าเดิมให้ได้ครับ”
ทุกครั้งที่พ่อไปเยี่ยม แพทจะถามเรื่องโลกภายนอกว่าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว เพื่อเตรียมตัวรอวันที่ตนเองจะได้รับอิสรภาพ กลับมาใช้ชีวิตนอกรั้วลวดหนาม
“ส่วนมากก็ถามสารทุกข์สุขดิบท่านว่าเป็นยังไงบ้าง เรื่องความเป็นอยู่ เรื่องอาหารการกิน ถามเรื่องญาติๆ และที่ถามส่วนใหญ่ก็จะถามเรื่องของสภาพแวดล้อมภายนอกเป็นยังไง เพราะตอนนั้นเราก็เหมือนอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมมาเป็นสิบๆ ปี เราก็อยากจะรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกว่าเป็นยังไงบ้าง เพื่อที่เราจะได้นึกภาพออกบ้างเวลาที่เราออกมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติแล้ว จะได้มีพื้นฐานความรู้ความคิดหรือว่าภาพอะไรบ้าง ในการที่จะออกมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ”
“ซึ่งพอเราออกมาอยู่กับโลกจริงๆ แล้ว สิ่งที่เราได้รับรู้มามันส่วนเสี้ยวมากเลย แล้วบางอย่างที่เราคิด ที่เราวาดภาพไว้จากคำบอกเล่าว่าถนนเป็นอย่างนี้ เส้นทางเป็นอย่างนั้น พอมาเจอจริงๆ มันคนละความรู้สึกเลย คนละภาพ คนละโมเมนต์เลยครับ”
จิตใจต้องเข้มแข็งระดับสิบ เมื่อคุณพ่อล้มป่วย ในขณะที่แพทยังรับโทษอยู่ในเรือนจำ ห่วง กังวล แต่ทำอะไรไม่ได้ จนต้องใช้ธรรมะดับความทุกข์ในใจ
“ตอนนั้นก็เป็นห่วงท่าน อยากให้ท่านหายเร็วๆ และมีความกังวลเป็นปกติอยู่แล้วแหละ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างพอมันเกิดขึ้น แล้วเราอยู่ในสถานะที่เราไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เราก็ต้องใช้หลักการของทางพุทธมาช่วยดับความกังวลที่มีอยู่ในใจของเรา สุดท้ายแล้วแต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตน ภาวนาให้ท่านหายเร็วๆ แต่สุดท้ายถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ต้องเป็นไป ก็ทำให้ใจสบายขึ้น ณ จุดที่เราไม่สามารถที่จะไปช่วยเหลืออะไรท่านได้ ณ ตอนนั้น”
“ก็จำเป็นที่จะต้องใช้พุทธศาสนาเข้ามาช่วยครับ (ความรู้สึกมันทรมานใจแค่ไหน เราเป็นห่วงอยากออกไปดูแล แต่ก็ทำไม่ได้?) มันเป็นเรื่องที่เราต้องมองความเป็นจริงมากกว่า ว่าเราอยู่ในสถานะไหน ตอนนั้นพ่อก็มีคนที่ดูแลอยู่ครับ เราก็คาดหวังว่าคนที่ดูแลคุณพ่ออยู่จะทำเต็มที่ แล้วเราก็คอยให้กำลังใจเขาอยู่ตรงนั้นครับ อยากให้ท่านหายไวๆ”
ในวันที่คุณพ่อป่วย สอนให้แพทรู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต การทำผิดทำให้เราสูญเสียทุกอย่าง วันนี้ได้รู้แล้วว่าความรักของพ่อแม่คือรักที่แท้จริง
“มันสอนทำให้เรารู้คุณค่าของช่วงชีวิตที่ยังเหลืออยู่ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับท่าน และทำให้มองเห็นว่าชีวิตคนเรามันก็ไม่ได้ยืนยาว แล้วการที่จะมาเสียเวลากับเรื่องที่มันผิดพลาดไปนานๆ มันไม่คุ้มค่าเลย ความสูญเสียต่างๆ มันตามมาเยอะแยะมากมาย แล้วก็เรื่องของความรักความห่วงใยของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ซึ่งเป็นรักที่แท้จริง และไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ตรงนี้ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยครับ”
คุณพ่อป่วยหลายเดือนไม่สามารถไปเยี่ยมแพทได้ แต่เพราะความรักของคนเป็นพ่อมีอานุภาพยิ่งใหญ่ ทำให้พ่อมีกำลังใจที่จะรีบหาย และกลับไปเยี่ยมแพทให้ได้เหมือนเดิม
“คุณพ่อป่วยหลายเดือนอยู่นะครับ (ตอนนั้นคุณพ่อบอกว่าพยายามดูแลตัวเอง เพื่อให้ตัวเองแข็งแรงกลับมารอแพท?) ใช่ครับ ท่านก็เป็นห่วงเราเพราะเราใช้ชีวิตอยู่ข้างใน แล้วท่านเป็นอีกหลักนึงที่คอยมาเยี่ยมเยียนและพูดคุยดูแลเรา ในเมื่อสภาพร่างกายของท่านมีความเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ท่านก็ย่อมมีความกังวล กลัวว่าจะไม่สามารถมาดูแลเราได้ กลัวว่าถ้าท่านไม่อยู่แล้วใครจะมาดูแลเราในขณะที่เรายังใช้ชีวิตอยู่ข้างในนั้น ด้วยความเป็นห่วง ท่านก็พยายามที่จะกลับมาให้ได้ปกติครับ”
พ่อกลัวมาตลอดว่าจะรอแพทไม่ไหว บอกตนได้รับพลังเข้มแข็งมาจากคุณพ่อ
“คุณพ่อพูดตลอดครับ เวลามาเยี่ยมก็จะพูดตลอด ไม่ใช่แค่คุณพ่อนะครับ คุณปู่คุณย่าก็พูด คุณพ่อก็จะพูดว่า ไม่รู้ว่าจะอยู่รอได้อีกนานขนาดไหน ชีวิตไม่รู้จะยืนยาวอีกกี่ปี ท่านก็พยายามเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ ท่านก็ไม่ได้ประมาท ในเรื่องของการเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เราก็เข้าใจตรงนี้เช่นกันไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นครับ (คุณพ่อถึงขั้นทำพินัยกรรมไว้เลย?) ใช่ครับ ท่านก็เตรียมพร้อมให้เราแหละ เผื่อท่านเป็นอะไรไปก็จะได้มีความพร้อมทางด้านต่างๆ รอไว้ให้เราด้วยครับ”
“ท่านเป็นคนเข้มแข็งอยู่แล้วครับ ผมก็ได้รับพลังเข้มแข็งมาจากคุณพ่อด้วยในการมองโลกหรือการใช้ชีวิต ในการดำเนินชีวิตต่างๆ ท่านเป็นคนเข้มแข็งที่น่ายกย่องมากครับ”
หลายปีมานี้ต้องบอกรักกันผ่านกรงเหล็ก แต่ตอนนี้ได้นอนกอด ได้หอมแก้ม ได้อยู่ด้วยกันแล้ว
“เป็นความสุขที่สุดแล้วกับอิสรภาพ การได้อยู่ใกล้ชิดครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ ได้ดูแลท่าน ก็ผลัดกันบ้าง ท่านดูแลเรามานานแล้ว เราก็ดูแลท่านบ้าง ถือว่าเป็นสิ่งที่คู่ควรแล้วกับการกระทำต่างๆ ที่เราพยายามตลอดมา ทุกวันนี้ก็รู้สึกมีความสุขมากครับ (ตอนนี้พ่อเป็นห่วงอะไรแพทมากที่สุด?) ท่านไม่ห่วงแล้วครับ ตอนนี้ท่านสบายแล้ว ปล่อยแล้ว เขามั่นใจในตัวเรา ไม่ได้ห่วงอะไรครับ”
“เราเติบโตขึ้นแล้ว เราเข้าใจชีวิต เข้าใจโลกอะไรต่างๆ อย่างถ่องแท้แล้ว ทุกวันนี้ก็พยายามประคับประคองให้ความรัก ให้ความคิดถึง ให้ความห่วงใยซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ ในขณะที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันครับ”
เป็นแพทเวอร์ชั่นใหม่ที่ดีกว่าเดิม พร้อมเผยสิ่งที่ทำให้คุณพ่อภูมิใจในตัวแพทมากที่สุด
“น่าจะหลายเรื่อง เราก็ทำมาตลอดอยู่แล้วแหละ หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นเรื่องของการที่เราไม่ไปยึดติดกับลาภยศสรรเสริญ แล้วก็พยายามช่วยเหลือคนที่เขาลำบาก ทำบุญ เรื่องของการบวชเรียนด้วย แล้วก็เรื่องของการหยิบยื่นโอกาสให้กับคนที่เขาต้องการ และไม่หลงกับความมายาต่างๆ หรือว่าความชื่นชอบชื่นชมของคนที่เข้ามาต่างๆ ท่านน่าจะภูมิใจตรงนี้ครับ”
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณพ่อย้ำกับแพทมาตลอดเลย?
“ใช่ ย้ำตลอด จริงๆ แล้วเราก็มองเห็นความจริงมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่เราใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำแล้ว เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ช่วงวัยรุ่นเราก็เคยผ่านมาแล้ว แล้วเราก็เคยชื่นชมมัน หลงมันมาแล้ว แล้วผลลัพธ์สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น มันจะไม่เกิดขึ้นอีกเพราะเราก็เรียนรู้มันแล้วด้วยตัวเองด้วยครับ”
ความสุขของของแพทที่ได้ทำอะไรเพื่อคุณพ่อ ก็คือการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
“ผมว่าท่านอยากเห็นเราใช้ชีวิตและทำงานอย่างมีคุณค่า มีประโยชน์กับตัวเองและมีประโยชน์กับสังคม กับคนหมู่มากด้วยครับ และยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากและเชื่อว่าท่านก็อยากจะเห็นสิ่งนั้น”
ผ่านชีวิตมาแล้ว 41 ปี แพทภูมิใจที่ได้เป็นลูกพ่อ รักพ่อมากที่สุด
“วันพ่อปีนี้จะพาคุณพ่อไปทานข้าวครับ นี่ก็คงพิเศษมากแล้วเพราะท่านก็คงไม่ต้องการข้าวของอะไรมากหรอก ท่านต้องการเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน พูดคุยกันมากกว่า พาไปทานสิ่งที่ท่านอยากทาน ก็ให้ท่านเลือกเมนูเลย เดี๋ยวพาไปกินครับ ท่านชอบทานหลายอย่าง พวกอาหารเวียดนามท่านก็ชอบครับ”
“ภูมิใจที่ได้เป็นลูกพ่อครับ ทุกคำสอนทุกความเป็นห่วงต่างๆ ผมจะนำมาปรับใช้และดำเนินชีวิตในเส้นทางที่ถูกต้อง สร้างประโยชน์ให้กับตัวเองและสังคมต่อไปเรื่อยๆ รักพ่อมากครับ (ยิ้ม)”
