“ติณ ติณณภัทร์” พี่เลี้ยง “แอนชิลี” เผยสาเหตุแหกกฎนางงาม จากเอวบางเป็นเอวหนาเพราะมีปมเรื่องความอ้วน! ใครอยากบูลลี่ก็ไม่แคร์ มั่นใจจะพาหุ่นอวบไปคว้ามิสยูนิเวิร์สมาให้คนไทยชื่นใจ
แม้จะเป็นตัวเต็งนอนมาตั้งแต่รอบแรกของการประกวดเพราะมีออร่าที่ทั้งสวยและฉลาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 ตกเป็นเป้าโดนวิจารณ์เรื่องรูปร่างไม่น้อย เพราะเป็นปกติที่แฟนนางงามจะคาดหวังว่าคนที่ได้ตำแหน่งต้องสวยพิมพ์นิยมหัวจรดเท้าต้องหุ่นดี เอวเอส เพอร์เฟกต์สมมงฯตรงกันข้ามกับแอนชิลีที่เอวหนาเมื่อเทียบกับนางงามคนอื่นๆ หุ่นจัดไปในทางอวบ
แต่กลับทำให้แอนคว้ามงกุฎมาครอง เพราะเจ้าตัวไม่แคร์ที่จะแตกต่าง ไม่จำเป็นต้องหุ่นเหมือนนางงามคนอื่นและผลักดันคำว่า Real Size Beauty ให้เป็นที่รู้จัก ให้สาวๆ ทุกคนรักในรูปร่างของตัวเอง ทุกคนสวยในแบบของตัวเองได้แม้จะแตกต่าง งานนี้ได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราว มันว้าวโดนใจคนที่ไม่เพอร์เฟกต์สร้างกำลังใจกับสาวๆ มีความมั่นใจในรูปร่างของตนเอง พร้อมแสดงความมั่นใจสุดๆ ว่าจะไปคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สมาให้คนไทยได้อย่างแน่นอน ซึ่ง “ติณ ติณณภัทร์ สุทธาภาศ” พี่เลี้ยงผู้ผลักดันแอนชิลีเข้าประกวดนางงาม ได้เผยถึงความมั่นของแอนที่ทำเอาตนอึ้ง พร้อมบอกเจอกันวันแรกยังรู้สึกเลยว่า ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไงมาท้าทายต่ออคติของสังคม
“ครั้งแรกที่เจอแอนติณมีความรู้สึกว่าเขามีอะไรบางอย่างที่พร้อมที่จะเปลือย เปลือยในที่นี้หมายถึงว่าไม่แอ๊บ ไม่เฟค ไม่ประดิษฐ์ ไม่มีกรอบ เขาพร้อมที่จะเปิดเผย พร้อมที่จะแสดงออกอย่างจริงใจ เห็นแววตาในความจริงใจของเขา”
“คำถามแรกที่ถามแอนคือทำไมถึงอยากมาประกวด เขาบอกว่าเมื่อก่อนแม่อยากให้ประกวด แล้วเขาก็คิดมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่ แต่จริงๆแล้วภายใต้จิตสำนึกของเขา เขาเองต่างหากที่อยากประกวด แต่เขาไม่กล้าเพราะเขาโดนคนพูดมาตลอดว่า สวยแต่อ้วนๆ”
“วันที่ติณไปเจอเขาครั้งแรก ติณก็บอกว่า ยูไปลดน้ำหนัก 10 กิโลฯ ซึ่งติณไม่รู้มาก่อนว่า น้องมีปมเรื่องนี้ แต่ที่ติณพูดเพราะต้องการทดสอบน้อง เพราะก่อนมาเจอน้อง ติณคุยกับพี่มี่มาแล้ว พี่มี่ได้บอกแล้วว่าน้องจะมาด้วยบิวตี้สแตนดาร์ดใหม่ ฉันจะไม่สวยตามสแตนดาร์ดเดิมแล้ว และน้องไม่ได้เป็นนางแบบหุ่นดี เอวเอส หุ่นพิมพ์นิยม ไม่ใช่เป็นนางงาม แต่น้องมาจากสายกีฬา ติณรู้ข้อมูลเบื้องต้นของน้องมาแค่นั้น แต่ไม่เคยรู้ว่าเขาเคยโดนสั่งให้ลดน้ำหนัก”
“ติณก็บอกน้องว่าลดได้มั้ย 10 กิโลฯ แล้วพี่จะเทรนหนู น้องก็บอกว่า ไม่ลด ติณก็เลยถามเขาว่าทำไมถึงไม่ลด เขาก็บอกว่า ถ้าพี่บอกให้หนูลดน้ำหนักเพื่อที่จะไปประกวดหรือทำตามเป้าหมายอะไรบางอย่าง หนูขอไม่ทำ แต่ถ้าพี่บอกให้หนูออกกำลังกายให้สุขภาพดี ให้แข็งแรง หนูจะเชื่อพี่แล้วหนูจะทำ ติณก็เลยตอบไปว่า ถ้าหนูไม่ลด งั้นพี่ไม่ทำ ติณพูดแบบนี้เลย”
“พูดเสร็จติณก็ลุกออกไปเลยแล้วน้องก็ร้องไห้โฮเลย แต่อันนี้เป็นการทดสอบน้องนะครับ เพราะติณอยากรู้ว่าเขามีไอเดียกับเรื่องนี้ยังไง เขารู้ตัวมั้ยว่าถ้าเขาจะมาทางนี้เขาต้องเผชิญกับอะไรบ้าง นี่คือตัวอย่างนึงที่หนูจะต้องโดนแน่นอนในสังคม หนูจะต้องโดนอีกเป็นร้อย เป็นพันคน ทั้งในกลุ่มที่เป็นแฟนนางงาม หรือในกลุ่มของคนที่เสพ commercial แบบเดิมๆ อยู่”
“พอลุกออกไปติณก็กลับเข้ามาคุยกับน้องใหม่ ถามเขาอีกรอบว่าหนูอยากประกวดเพราะอะไร ติณก็ถามย้ำเขาเรื่อยๆ หนูจะลดมั้ยๆๆ เขาก็บอก ไม่ลดๆ เขาก็ยืนยันว่ายังไงก็ไม่ลดอยู่ดี ติณก็เลยบอกเขาว่า หนูเจอบูลลี่แน่ เจอคนอคติแน่ เพราะนี่คือสังคมไทยที่อยู่ภายใต้พิมพ์นิยมมาตั้งแต่ยุคสมัยไหนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นละครทีวีหรือภาพยนตร์ หรือไม่ว่าจะเป็นอะไร สื่อมันเป็น commercial ที่เป็นกรอบให้สังคมไปหมดแล้วว่า นางเอกจะต้องแบบนี้ นางร้ายจะต้องแบบนี้ ผู้หญิงที่เป็นนางแบบจะต้องแบบนี้ จะใส่เสื้อผ้าต้องไซส์นี้ถึงจะสวย จะต้องเป็นแบบนี้ถึงจะสวย น้องก็บอกว่าหนูจะสู้ นี่แหละคือวัตถุประสงค์ที่หนูต้องมาเพื่อเป็นตัวแทนจะบอกทุกคนว่า ทุกคนจงภูมิใจ หนูเป็นตัวแทนเพื่อทุกคนแล้ว หนูจะบอกกับเด็กรุ่นใหม่ๆ ว่า ทุกคนจะต้องภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองแตกต่างได้แล้ว”
แอนชิลี สุดมั่นกล้าดียังไง มาท้าทายอคติของสังคม!
“วันที่เจอกันครั้งแรกคุยกันจบที่น้องไม่ลดแน่นอน อันนั้นเป็นสิ่งที่ติณตัดสินใจว่า โอเคมาฟอร์มทีมกัน(ยิ้ม) ยูมุ่งมั่นมากเลย ติณคิดในใจนะ กล้าดียังไงมาท้าทายต่ออคติของสังคมขนาดนี้ คิดได้ยังไงอ่ะติณไม่ได้วิจารณ์นะครับแต่นางงามแต่ละคนจะมีทางของตัวเอง บางคนก็คิดว่าฉันต้องพยายามจะเป็นพิมพ์นิยมให้กับแฟนนางงามได้ชื่นใจ ได้พึงพอใจจะได้เป็นที่รัก”
“ทุกคนแคร์อยู่แล้วเพราะคิดว่ารูปลักษณ์สุดท้าย พอคำว่า นางงาม ก็จะต้องสวย จะต้องหุ่นดี เพราะไม่อย่างนั้นจะมาประกวดนางงามทำไม ก็ไปประกวดโต้วาทีสิ ติณก็คิดในใจว่า เธอกล้าดียังไงมาท้าทายสังคมมาท้าทายอำนาจมืดของแฟนนางงามขนาดนี้ กล้าดียังไง (หัวเราะ) เห็นความมุ่งมั่นของเขามาก เขากล้าต่อสู้มากๆ เขาท้าทายเรามากเลย ก็เลยคิดว่าถ้าเป้าหมายยูชัดขนาดนี้ก็อ่ะลองดู”
ประกวดทั้งที่อ้วนๆ นี่แหละ และต้องมงเท่านั้น ไม่งั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนมาตรฐานความงามของนางงามได้
“เอาจริงๆ มีนิดนึง ใจก็หวิวเหมือนกัน ดูนางงามมา10กว่าปี เรารู้ว่าแฟนนางงามต้องการอะไร ก็คิดว่ายากแล้ว ตายแล้วกูตายแล้ว(ยิ้ม) แต่เราก็มานั่งคิดเหมือนกันว่า เราก็เป็นหนึ่งคนที่อยู่ภายใต้บิวตี้สแตนดาร์ดของสังคมเหมือนกัน เราไม่ได้เป็นคนที่สอนน้อง แต่น้องเป็นคนสอนเรา ให้เรากลับมานั่งคิดว่า เฮ้ย…เราเองรึเปล่าที่เป็นอีกคนนึงที่หลงติดอยู่กับกรอบเหมือนกัน เราก็ยังไม่หลุดเหมือนกัน แต่ความมุ่งมั่นของน้องมันแรงกล้ามาก มันทรงพลังมาก”
“อันนี้คือความแข็งแรงของเป้าหมายของน้อง ของสิ่งที่น้องตั้งใจทำจริงๆ อันนี้คือคอลแรกที่เขาตั้งใจเดินมาเวทีนี้ เพราะเขาบอกว่าสิ่งที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จได้มีแค่อย่างเดียว คือเขาต้องมงฯ เพราะถ้าเขาไม่มงฯ นั่นแปลว่าเขาไม่สามารถจุดประกายสังคมได้จริงๆ กับคำว่าบิวตี้สแตนดาร์ดในสังคมไทยว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือเขาต้องมงฯ (เพื่อพิสูจน์ตรงนี้?) ใช่”
“ในใจเราตอนนั้นก็ต้องมงฯ เท่านั้น เพราะถ้าเรายังเขว หรือเรายังไม่มั่นใจในตัวน้อง ไม่มั่นใจในทีม ไม่มั่นใจในตัวเราเอง เราก็จะไม่ทำตั้งแต่วันนั้น มันไม่ใช่แค่เราทำน้องคนนี้แล้วเราจะได้ผลประโยชน์อะไร แต่สิ่งที่เราได้มันมากกว่านั้นคือมันเป็นภาคใหญ่ที่มันใหญ่กว่าตัวเอง ถ้าเราเปลี่ยนตรงนี้ได้มันคือภาคของสังคมไปแล้ว”
เผยมุมน่ารักของ “แอนชิลี” ตัวจริงเหมือนเด็กกิริยามารยาทเป็นเด็กไทยแท้
“พอมาเจอกันอีกครั้งหลังจากนั้นเขาเป็นเด็กมากเลย เขามีความสดใสมาก มีมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมาก(ลากเสียงยาว) กิริยามารยาทที่เป็นเด็กไทย แม้วิธีการคิดของเขา การวิเคราะห์ การใช้ชีวิต หรือการประมวลผลของเขาจะเป็นเด็กฝรั่ง แต่กิริยาของเขาเป็นเด็กไทยเลย เขาพร้อมที่จะเปิดรับตลอดเวลา”
สิ่งที่ตนเทรน “แอนชิลี” เป็นพิเศษก็คือคีย์เวิร์ดการตอบคำถาม
“อันที่เป็นซิกเนเจอร์ของกองประกวดมากที่สุดก็คือคีย์เวิร์ด ในรอบคีย์เวิร์ดออดิชั่น เพราะรอบนี้เป็นรอบแรกที่จะวัดกึ๋นของนางงามแต่ละคน นอกเหนือจากความสวยหรือโปรไฟล์ด้านต่างๆ ซึ่งอันนี้สามารถวัดผลสัมฤทธิ์ได้ชัดเจนและเห็น ณ ขณะนั้นเลยว่า ยูเจ๋งจริงมั้ย หรือว่ายูก็แค่สวย เราก็เลยให้ความสำคัญกับคีย์เวิร์ด ติณก็ช่วยน้องดูเรื่องนี้ ส่วนพาร์ตของการเดินจะเป็นอีกคนนึงที่มาช่วยเทรนน้องครับ”
“ติณก็จะช่วยดูให้ว่าคำไหนน่าจะเป็นประเด็นน่าสนใจในสังคมไทย น่าจะหยิบยกมาพูดถึง ก็จะแบ่งพาร์ตเป็นหมวดกันไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม ศาสนา การเมือง เกี่ยวกับเหตุการณ์ ณ ปัจจุบันที่เป็นข่าว ก็ให้น้องฝึกตอบในระยะ 30 วินาที เพื่อให้ชินกับการตอบคำถามในสถานการณ์จริง ในขณะเดียวกันติณก็ได้มุมมองจากน้องจากคำเหล่านั้นเยอะเหมือนกัน”
“แล้ววิธีของติณคือไกด์คำนั้นให้กับน้องว่า น่าจะเป็นประเด็นที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่ไปบอกว่า ยูต้องตอบแบบนี้ๆ ไม่ใช่ แล้ววิธีการตอบ ติณจะมีช้อยส์ให้สำหรับการเป็นโครงสร้างของวิธีการตอบ เช่น คำนำ เนื้อเรื่อง สรุป หรือยกสรุปมาก่อนแล้วค่อยอธิบาย ติณก็จะมีรูปแบบของติณ แค่กำหนดว่าทั้งหมดมี 3 รูปแบบนะ ที่เหลือยูนำเสนอในสิ่งที่ยูอยากจะพูดและสบายใจที่สุด ที่เหลือมันเป็นกระบวนการคิด การประมวลผลของเขาหมดเลย มันเป็นทัศนคติของเขาหมดเลย”
ท่ามกลาง การเมืองที่แตกแยก นางงามอย่าง แอนชิลีไม่เลือกอยู่ฝั่งไหน
“สิ่งที่แอนสอนติณยกตัวอย่างเช่น เรื่องการเมือง จนติณกลับมานั่งคิดว่าบางทีทัศนคติเราอาจจะแคบไปนิดนึงนะ อย่างที่เราเห็นว่าสังคมไทยเราถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย มี 2 พรรค 2 พวก มีการต่อต้านกัน มีการรวมตัวมีม็อบ เราก็จะมีฝั่งของเราที่เราเลือก แต่น้องบอกว่าภายใต้สถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นแบบนี้น้องไม่เลือกฝั่ง ติณก็ถามเขาว่าทำไมไม่เลือก เพราะการที่ยูทำตัวเป็นกลางนั่น หมายความว่ายูเห็นดีต่อด้านที่กำลังมีปัญหาเหรอ หรือยูพยายามจะทำตัวเองให้รอด เอาตัวรอด ไม่เลือกว่ายูอยู่ฝ่ายไหน”
“แต่มุมมองที่แอนให้ติณก็คือ หนูไม่ได้มองว่าฝ่ายไหนผิดหรือถูก แต่ละฝ่ายมีเป้าหมายของตัวเองที่ต้องการ
ในขณะเดียวกันพอมันเกิดปัญหาขึ้นมา มันทำให้เป้าหมายที่แท้จริง การสื่อสารที่ต้องการจริงๆ ของแต่ละฝ่ายมันหายไปเพราะว่าทุกคนเอาความรุนแรงมาใช้ เอาเรื่องของอารมณ์มาใช้ เพราะฉะนั้นจุดประสงค์จริงๆ ที่แต่ละฝ่ายต้องการมันหายไปหมดเลย กลายเป็นว่าเราเลยไม่รู้จริงๆ ว่าแต่ละฝ่ายต้องการอะไรกันแน่”
“ทำให้ติณคิดว่าเออ…ก็จริงเนอะอีกฝ่ายนึงที่เราไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายนั้น ในฐานะมนุษย์ด้วยกันเขาก็ย่อมมีเป้าหมาย มีความเข้าใจในแบบของเขา เราเองหรือเปล่าที่ไม่พยายามเข้าใจเขา แต่เราต้องการให้เขามาเข้าใจเรา นี่สิมันคือสิ่งที่สำคัญที่เราต้องมานั่งพูดคุยกันมากกว่า ไม่ใช่การใช้ความรุนแรง หรือเรื่องของการใช้อารมณ์ แอนจะมีมุมมองอะไรที่มันกว้างขึ้น ที่มันเป็นมุมมองที่น่าสนใจมากเลย ติณได้เรียนรู้จากเขามาเยอะมาก เด็กคนนี้เจ๋งจัง เขาทำให้ติณว้าวตลอด เขามีอะไรให้ว้าวตลอด”
พร้อมเผยจุดอ่อนของ “แอนชิลี” ที่ทำเอา “ติณ” ปวดเฮด
“มันจะเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียที่อยู่ด้วยกัน(หัวเราะ) ติณแยกไม่ออกว่ามันเป็นข้อดีหรือข้อเสียนะ มันเป็นข้อดีแต่ก็เป็นข้อเสียที่ทำลายตัวเองด้วย คือเขาเป็นคนเห็นใจคนอื่นมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น ทุกวันก่อนนอนเราจะโทร.คุยกัน อัปเดตว่าวันนี้กิจกรรมเป็นยังไงบ้าง มีอะไรไม่สบายใจตรงไหนมั้ย”
“เขาก็จะบอกว่าวันนี้หนูรู้สึกเห็นใจเพื่อนจัง มันไม่แฟร์เกมเลย ทำไมหลายๆ ครั้งทุกคนต้องหันมาให้ความสนใจหนู อยากถ่ายรูปกับหนู ทำไมฝั่งทีมจะต้องให้หนูเป็นตัวแทนในการขึ้นรับรางวัลสปอนเซอร์แทนเพื่อนๆ ทำไมสปอนเซอร์ชอบเลือกหนูไปทำกิจกรรมบางอย่างที่เพียงไม่กี่คนได้รับเลือก หนูรู้สึกว่ามันไม่แฟร์เกมสำหรับคนอื่นๆ เลย ทำไมเขาไม่ให้โอกาสคนอื่นๆ
ในการทำกิจกรรมบ้าง”
“ติณรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์มันจะเป็นเพื่อนกัน รักใคร่กลมเกลียวกันยังไงก็ตาม แต่เมื่อมันอยู่ในเกมการแข่งขัน นี่ก็คือคู่ต่อสู้ของคุณ ติณก็พยายามเตือนสติเขากับการเป็นนักกีฬาของเขา คือเมื่อคุณลงไปอยู่ในสนามแข่งขันคุณจะคิดแบบนี้ไม่ได้ว่ามันไม่แฟร์เกมสำหรับคนอื่น เพราะนี่คือการแข่งขัน เพราะเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่หนูคิดว่ามันไม่แฟร์เกม งั้นหนูก็ยืนเฉยๆ ในแมตช์วอลเลย์บอลสิ แล้วให้คนอื่นตบลูกวอลเลย์บอลอัดหน้าหนูซะ”
“เขาก็บอกว่าไม่เอา หนูไม่ยอม ก็บอกเขาว่าไม่อยากให้มองว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเพื่อนเลย แต่มันอยู่ในเกมแล้ว มันก็ต้องเล่น ต้องมองเป็นความภาคภูมิใจในตัวเองมากกว่า ที่ทีมงานหรือสปอนเซอร์เขาเห็นศักยภาพของเรา เราจงภูมิใจมากกว่าที่จะไปสงสารคนอื่น
เผย “แอนชิลี” มีปมเรื่องความอ้วน “ตอนเขาอายุ 13 ปี เขาถูกที่แคสติ้งสั่งให้ไปลดน้ำหนัก 10 กิโลฯ เขาก็ไม่เข้าใจว่าตอนนั้นทำไมถึงรู้สึกเสียใจและโกรธจัง ทำไมเด็กแค่อายุ 13 จะต้องลดน้ำหนักด้วย มันเสียโภชนาการ เด็กควรเป็นวัยที่จะเจริญพันธุ์ แต่ทำไมถูกกำหนดด้วยมาตรฐานของสังคม ด้วยมาตรฐานของความสวยงามหรือธุรกิจต่างๆ เพื่อบีบรัดคุณค่าของความสวยที่มันแตกต่างออกไป คือน้องไม่เข้าใจตรงนั้น”
“พอมาวันนี้ พอเขาโดนเรื่องความอ้วนสำหรับติณเป็นเรื่องปกติ เพราะติณดูนางงามก็อยู่กับคอมเมนต์อะไรแบบนี้อยู่แล้ว อ่านแล้วก็คิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้แหละ แต่น้องเป็นคนเซนซิทีฟมาก ติณก็บอกกับน้องว่ายูไม่ต้องไปสนใจ เพราะนี่มันคือกลยุทธ์ของฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการจะดิสเครดิตให้ยูดูต่ำกว่าคนอื่น ดูไม่คู่ควร แต่ตรงนี้ต่างหากที่ยูจะทำยังไงให้ยูสมควรจะได้รับตำแหน่งนี้คิดแค่นี้เอง เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่พ่อแม่ยู ไม่ใช่คนที่ส่งยู เป็นใครก็ไม่รู้ ยูควรแคร์ตัวเอง
แคร์คนที่เป็นครอบครัว หรือทีมมากกว่า”
ดีใจที่ Real sizebeautyได้ถูกกระตุ้นขึ้นในสังคม
“ณวันช่วงการประกวดที่มันมีแรงบันดาลใจเกิดขึ้น มันเริ่มมีแรงกระเพื่อม สังคมเริ่มติดแฮชแทก สังคมเริ่มมีการพูดถึงตามข่าวต่างๆ เริ่มมี่สื่อออกไปที่เป็นวงกว้างมากขึ้น ความน่ามหัศจรรย์คือมันไม่ได้อยู่แค่เฉพาะกลุ่มนางงาม แต่มันกว้างออกไปในภาคข่าว ในภาคสังคมอื่นๆ ตั้งแต่น้องยังไม่ชนะเลิศด้วยซ้ำมันเป็นความภูมิใจของพวกเราทุกคนเลย ไม่ว่าจะเป็นตัวน้อง หรือทีมเอง ณ วันนั้นเราคิดแค่ว่าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ช่างแ…ง แต่เราสำเร็จแล้วที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้น”
“ถ้าได้คือชัดเจนว่าเราเปลี่ยนบิวตี้สแตนดาร์ดได้แล้ว แต่ถ้าไม่ได้แค่นี้ก็คุ้มแล้วเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น คำว่า Real Size Beauty ยิ่งใหญ่สำหรับติณและแอนมากครับ ต้องยกความดีงามนี้ให้เขาเลยเพราะเขาคิดคำนี้เอง เรามีช้อยส์มาประมาณ 2-3 คำ เขาก็บอกว่าหนูอยากใช้คำนี้ในการพูดออกไป”
แม้จะมีเวลาเตรียมตัวแค่ 3 สัปดาห์ก่อนไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส แต่ตอนนี้พร้อมมาก ลั่นมงฯ สาม มาแน่
“ติณว่าตอนนี้ใจน้องพร้อมแล้วแหละ ใจน้องพร้อมตลอด เขาอาจจะรีแล็กซ์ขึ้นเพราะคนมันมงฯ แล้ว มันอยู่ในบรรยากาศฉันมงฯ แล้ว ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เขาพูดในห้องดำบอกว่า หลังจากนี้จะโดนบูลลี่ จะโดนด่า จะไม่ชอบ จะโดนเกลียด จะโดนอะไรก็ตาม เขาไม่สนใจแล้วเพราะว่าเป้าหมายมันยิ่งใหญ่กว่าตัวฉัน เขาจะต้องทำให้มงฯ เท่านั้น มงฯ อย่างเดียว”
มั่นใจ “แอนชิลี” คว้ามิสยูนิเวิร์สแน่
“แน่นอนครับ พอเขาได้มาอยู่ในมวลบรรยากาศของการเทรนของบรรยากาศของการเป็นนางงาม ติณว่าเขาเข้าใจบริบทมากขึ้น เขาสบายใจมากขึ้น เพราะฉะนั้นมันจะต้องเป็นอะไรที่พัฒนาการก้าวกระโดด และเขาจะต้องแฮปปี้กับบริบทที่เขาจะอยู่อย่างก้าวกระโดด เพราะเขาเข้าใจแล้วว่านางงามคืออะไร เพราะฉะนั้นหลังจากนี้มันจะไม่เฟล ไม่เห็นใจคนอื่นแล้ว หรือกลัวจะทำไม่ได้แต่ตอนนี้เป้าหมายมีอย่างเดียวคือมุ่งหน้ามงฯ”
“มั่นใจมันต้องสักทีแล้วแหละ ห่างมา 33 ปี ติณว่ามันสุกงอมเต็มที่แล้วสำหรับประเทศไทยที่เราต้องได้ คิดแค่นั้นว่ามันต้องได้ ต้องได้แค่นั้น ติณรับประกัน ติณคิดมาตลอดเลยนะว่าเราในฐานะเป็นคนคนนึง เราจะตอบแทนอะไรให้กับประเทศชาติได้บ้างวะ ด้วยสายอาชีพของเรา ด้วยการทำงานของเรา เราตอบแทบอะไรประเทศชาติได้บ้างวะ คนที่จะตอบแทนประเทศชาติได้มันยากเหมือนกันนะ มันต้องมีโอกาสอะไรบางอย่าง ที่มันได้ทำงานอะไรที่มันทรงพลัง ถ้าเราทำจุดนี้สำเร็จได้ ติณรู้สึกว่าติณเคลียร์กับชีวิตแล้วอ่ะ ติณสำเร็จแล้ว ติณไม่ห่วงอะไรแล้ว ใครจะว่าจะวิจารณ์เรายังไงก็จะไม่สนใจแล้ว เพราะติณได้ทำในสิ่งที่ต้องการแล้ว ฉันทำให้ประเทศแล้วในสิ่งที่ตัวเองทำได้”