วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ร่วมกับ บริษัท แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป จำกัด เปิดอบรมหลักสูตรนักลงทุนแห่งอนาคตเพื่อสอนวิธีใช้โปรแกรมเทรดเหมือน “มหาเศรษฐี” และ “ผู้จัดการกองทุนระดับโลก” รวมถึงการสร้างพอร์ทลงทุนจากหุ้นทีมสโมสรแมนฯยู สอนสร้างพอร์ทลงทุนจากกองทุนบิทคอยน์ ซึ่งถือเป็นการจัดอบรมหลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับการเทรดที่ยิ่งใหญ่และถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย
ดร.พิเชษฐ์ เกิดวิชัย ตำแหน่งประธานหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการฟุตบอลอาชีพ วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาและหลักสูตรเทรดเดอร์แห่งอนาคต กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า “กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” เดินหน้ายุทธศาสตร์ยานแม่ ประกาศส่ง SCBX เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน “บิทคับ ออนไลน์” ด้วยจำนวนเงินสูงกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ทำให้เวลานี้ถือเป็นยุคทองของ “สตาร์ทอัพไทย” ให้ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น ทางวิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จึงร่วมมือกับ บริษัท แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป จำกัด ในการเพิ่มเนื้อหาในหลักสูตรนักลงทุนแห่งอนาคตเพื่อสอนวิธีจัดแข่งขันเทรดกองทุนบิทคอยน์ระดับโลก และแนะนำช่องทางในการประชาสัมพันธ์การแข่งขันเพื่อมีโอกาสเข้าถึงนักลงทุนบิทคอยน์หลายล้านคนในต่างประเทศ โดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา พร้อมทั้งยังมีผู้ประกอบการต่างประเทศภาคเอกชนอย่าง บริษัท แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ปฯ มาสนับสนุนด้านเทคโนโลยีฟินเทคระดับโลกในรูปแบบของบัญชีเทรดกองทุนบิทคอยน์ของบริษัทฯ เพื่อใช้ในการแข่งขันเทรดทำให้ผู้เข้าอบรมโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนด้านเทคโนโลยีฟินเทคระดับโลกมูลค่ามหาศาล แต่สามารถใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วต่อยอดธุรกิจได้โดยตรง
ในการอบรมหลักสูตรออนไลน์ในครั้งนี้ เราอยากเชิญชวนลูกค้า Bitkub ที่มีความรู้ด้านการเทรดคริปโต จำนวนกว่า 2 ล้านคน เข้ามาเพิ่มพูนความรู้อบรมหลักสูตรออนไลน์สอนวิธีสร้างรายได้ 30 ล้านบาท จากการจัดแข่งเทรดกองทุนบิทคอยน์ในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต้อายุ 160 ปี (Ticker: QBTC.U.TMX) ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่น่าเชื่อถือระดับโลก ที่สำคัญยังเสียค่าคอมมิสชั่นถูกกว่า Crypto Exchange อันดับ 1 ของไทย 250% และเสียค่าคอมมิสชั่นถูกกว่า Crypto Exchange อันดับ 1 ของอเมริกา 500%
เป้าหมายเราคือ ให้คนไทยสามารถใช้เทคโนโลยีจัดแข่งขันเทรดระดับโลก เสมือนเป็นสมบัติสาธารณะ เราต้องการเห็น Unicorn ไทยเกิดใหม่ ด้วยวิธีที่สนับสนุนให้คนไทยมาร่วมจัดแข่งเทรดกองทุนบิทคอยน์ระดับโลก ในการเชิญลูกค้า Coinbase จำนวน 68 ล้านคน ที่เสียค่าคอมมิชชั่นแพงกว่าเทรดกองทุนบิทคอยน์ถึง 500% มาเข้าร่วมการแข่งเทรดที่คนไทยร่วมจัดขึ้น ในต่างประเทศร่วมกับพาร์ทเนอร์ของ CTG ที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงชื่อ Vestate Group Holdings (Stock Code: 1386)
หลังจากอบรมหลักสูตรฯแล้วทางผู้เข้าร่วมอบรมต้องการเริ่มทำธุรกิจจัดแข่งเทรดในต่างประเทศสามารถติดต่อกับบริษัท OzonePark City ซึ่งได้รับมอบสิทธิในการจัดการ ไลเซ็นต์บัญชีจำนวน 20 ล้านสิทธิ์ และเป็นตัวแทนในการคัดเลือก พาร์ทเนอร์ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีฟินเทคของ บริษัท แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป จำกัด ไปจัดแข่งเทรดระดับโลกเพื่อมีโอกาสสร้างรายได้สูงสุดไม่เกิน 30 ล้านบาทหรือรับผู้สมัครสูงสุดไม่เกิน 100,000 ราย (โดยใช้กลยุทธ์การโปรโมทผ่านเวปไซต์ Reddit กลุ่ม Wallstreetbet ที่มีนักลงทุนจำนวน 11 ล้านรายเป็นสมาชิกกลุ่มและถ้ามีผู้สมัครถึงจำนวน 100,000 รายผู้จัดแข่งขันเทรดจะมีรายได้จากค่าสมัครรวม 1 ล้านเหรียญหรือมากกว่า 30 ล้านบาทโดยปัจจัยความสำเร็จอยู่ที่กลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์ให้มีผู้สนใจเข้ามาสมัคร) สำหรับรายละเอียดธุรกิจจัดแข่งขันเทรดระดับโลก ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คเพจของ OzonePark City (facebook.com/Ozoneparkcity)
พ.อ.อ.ดร.ประกอบ กล้าหาญ ประธานกรรมการบริษัท OzonePark City และที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ระบุเพิ่มเติมว่า พาร์ทเนอร์ที่ได้รับการคัดเลือกในการร่วมทำธุรกิจจัดแข่งขันเทรดกองทุนบิทคอยน์ หรือหุ้นบลูชิพระดับโลก เราสามารถสนับสนุนด้านเทคโนโลยีแบบครบวงจร และบริษัท OzonePark City สามารถเริ่มประชาสัมพันธ์การแข่งขันในต่างประเทศได้ หลังจากเซ็นต์สัญญาและชำระเงินค่าระบบเทคโนโลยีการลงทะเบียนสมัคร และระบบการการชำระเงินออนไลน์
สมัครวันนี้รับฟรีบัญชีพอร์ทลงทุนหุ้นทีมสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กองทุนบิทคอยน์ในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต้และหุ้นบลูชิพอื่นๆ รวมมูลค่าสินทรัพย์ประมาณ 1,200 เหรียญหรือ 40,000 บาท สนับสนุนโดยบริษัท CTG ไปให้บริหารพร้อมรับรายได้ 90% ของกำไรที่ทำได้ในฐานะผู้บริหารพอร์ทลงทุนของบริษัท CTG
ทั้งนี้ กองทุนบิทคอยน์ หรือ BITCOIN FUND - A (QBTC U) จัดตั้งโดย 3iQ Corp บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ประมาณ USD 1.24 Billion (ประมาณ 3.72 หมื่นล้านบาท) โดย 3iQ เป็นเจ้าแรกที่เปิดให้นักลงทุนสามารถลงทุนบิทคอยน์ได้ผ่าน Closed-End Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมปิดที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (สามารถซื้อขายได้เสมือนหุ้นในกระดานตัวนึง) โดยมีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์กองทุนที่ใช้อ้างอิง