xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “ฉอด-เอส” เผยตอนจบ “กระเช้าสีดา” ต่างจากนวนิยายเยอะมาก แต่เจ้าของบทประพันธ์ยังสนุกไปด้วย จอง “กรีน” เล่นอีก 2 เรื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เจ๊ฉอด-เอส” เผยตอนจบ “กระเช้าสีดา” ต่างจากนวนิยายเยอะมาก จุดจบนางร้ายไม่จำเป็นต้องตาย ติดคุกหรือเป็นบ้า หวังสื่อให้คนในสังคมเห็นว่าหากกลับตัวเลิกโทษตัวเอง โทษคนอื่น ก็มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขได้ ขณะที่เจ้าของบทประพันธ์ยังสนุกไปด้วย ด้าน “กรีน” เปิดใจยกให้เรื่องนี้เป็นละครมาสเตอร์พีช แฮปปี้ถูกจองคิวเล่นอีก 2
เรื่อง




จบไปอย่างสวยงามกับละครเรื่อง “กระเช้าสีดา” ทางช่องวัน 31 ที่ตอนอวสานเรียกเรตติ้งได้ถึง 6.8 และถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ได้ทั้งกระแส ทั้งเรตติ้ง ทางผู้จัด “ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา”และ “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย”และนักแสดงอย่าง “กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล” ก็ได้ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงละครเรื่องกระเช้าสีดาว่าฟีดแบ็กที่ได้รับเกินความคาดหมายมาก

เอส : “ต้องบอกว่าเกินความคาดหมาย ทุกครั้งที่ทำงานคาดหวังอยู่แล้วให้งานมันออกมาดี แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์เราไม่รู้หรอก คนดูจะเป็นคนให้คำตอบกับเราเองซึ่งก็ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะว่ากระเช้าสีดาเป็นครั้งแรกที่เราต้องหยุดออกอากาศกลางคันทั้งๆ ที่รอบแรกมันออกอากาศไป 7 ตอนแล้วกระแสก็ดีมาก แล้วต้องหยุดไปหลายเดือน แต่ในการหยุดไปกลับมาอีกครั้งคนดูก็ยังตามดูเราอยู่”

ฉอด : “เรตติ้งตอนจบอยู่ที่ 6.8 ซึ่งตอนจบเราก็ทำเอาไว้อยู่แบบเดียว มีคนพูดกันเยอะถึงเรื่องตอนจบของกระเช้าสีดา แต่เราอยากจะบอกว่าก็คงจะเป็นเรื่องยากนะคะถ้าเกิดจะทำให้ตอนจบออกมาถูกใจทุกคน เพราะว่าแต่ละคนก็มีความคิดที่แตกต่างกันไป อาจจะมีหลายคนที่รู้สึกข้องใจว่าทำไมรำนำถึงไม่ตายตกไปตามกันหรือได้รับผลอะไรที่มากกว่านี้ แต่ในความคิดของพวกเราที่เป็นคนทำงานมองว่าชีวิตของรำนำจริงๆ พยายามจะสื่อสารในบทอยู่เสมอว่ารำนำไม่ได้เป็นคนชั่วร้าย แล้วรำนำเป็นคนที่ไม่ยอมยกโทษให้ตัวเอง เขาโทษตัวเองตลอดเวลาว่าการที่เขาเกิดมาเป็นแบบนี้ แม่เป็นแบบนี้ คือโทษทุกคนไปหมด เลยทำให้ชีวิตเขาเป็นแบบนี้

เราก็เพียงอยากจะสื่อสารว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนเราสามารถให้อภัยและยกโทษให้ตัวเองได้ รวมถึงให้อภัยและยกโทษให้คนอื่นได้ ชีวิตก็สามารถจะกลับมามีความสุขได้เหมือนกัน อันนี้คือความตั้งใจของพวกเราในมุมของคนทำงาน แต่ก็เข้าใจว่าอาจจะมีหลายคนที่รู้สึกว่ามันเป็นคนชั่วมันต้องตาย เป็นบ้า หรือติดคุกสิ อันนั้นก็ขอบคุณจริงๆ ในทุกคำวิเคราะห์วิจารณ์ เพราะนั่นแสดงว่าทุกคนให้ความสนใจกับตัวละคร แต่อย่างที่บอกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีถูกไม่มีผิด แล้วแต่ว่าใครจะคิดแบบไหนยังไง ซึ่งบังเอิญเราเลือกที่จะคิดแบบนี้”

เอส : “คนที่ได้รับผลกรรมอย่างรำนำ ถ้าในเชิงละครเขาก็ได้รับผลกรรมจากสิ่งที่ทำไปแล้ว ทั้งแม่ตาย ทั้งตัวเองเดินไม่ได้ ซึ่งโอ้โหมันก็เยอะนะ ดังนั้นมันก็คงไม่ได้ผิดมากหรอกที่คนคนหนึ่งที่เคยผิดพลาดในอดีต แล้วถ้าเขาคิดได้กลับตัวได้ แล้วเขาจะเริ่มกลับมามีความสุขอีกครั้งหนึ่ง เรามองว่าวันนี้สังคมไทยจำเป็นเหมือนกันที่เราจะต้องให้โอกาสและให้ความหวัง ให้คนดูรู้สึกว่าคนนี้กำลังแบบรู้สึกชีวิตฉันแย่แล้วยังไงเหรอฉันต้องแย่ลงไปอีก หรือฉันจะไม่สามารถกลับขึ้นมาดีได้ ถ้าฉันเป็นคนเลวฉันจะต้องเป็นคนเลวต่อไป แล้วจุดจบของฉันจะต้องสิ้นหวังอย่างเดียวอย่างนั้นเหรอ ละครของค่ายเราจะมีแมสเสจซ่อนอยู่ทุกครั้ง สำหรับเรื่องนี้เราอยากจะให้คนดูรู้สึกว่าผิดแล้วก็สามารถพลิกกลับมาได้ ชีวิตมันยังมีโอกาสและความหวังรออยู่”

ไม่ได้เร็วเกินไปแถมยืดออกมาอีก 2 ตอนด้วยซ้ำ ลั่นตอนจบต่างจากในนวนิยายค่อนข้างเยอะ
เอส : “จริงๆ ออกอากาศทั้งหมด 16 ตอน เดิมมันแค่ 12 เองนะครับ(หัวเราะ)”

ฉอด : “คืออาจจะยังมีหลายคนที่สนุกกันอยู่ ยังอยากดูอีกๆ แต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ถามว่าจบตามนวนิยายไหม จริงๆ ก็ต้องบอกว่ามันต่างจากนิยายมาเยอะเหมือนกัน ซึ่งคุณกฤษณา อโศกสิน (เจ้าของบทประพันธ์) ท่านก็ได้ดูด้วย ท่านก็ยังส่งข้อความมาถึง บอกว่าท่านยังไปเอานิยายของตัวเองมาอ่านเองอีกทีหนึ่ง รู้สึกสนุกดีจังเลย ในการวางอะไรต่างๆ นานามันก็อยู่ในช่วงของการทำบท คุยกันคิดกันมาตั้งแต่ต้นว่าเป็นแบบนี้แล้ว ไม่ได้ยืดไม่ได้หดอะไรใดใด”

กรีน : “มันไม่มีคำว่าถูกหรือผิดเลยค่ะ ทุกอย่างมันคือเรื่องของการให้โอกาสและการให้อภัยมากกว่า กรีนมองว่าละครเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นตัวแทนของสังคมมากกว่าที่ให้สังคมได้เห็นว่าชีวิตของแต่ละคนเป็นยังไง เรื่องนี้ก็ถือเป็นมาสเตอร์พีซของตัวเองเพราะไม่เคยพลิกบทมาเล่นร้ายมาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกเราก็ตั้งใจเต็มที่ แต่เราก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของละคร จริงๆ แล้วละครเรื่องนี้ที่สนุก กลมกล่อม และออกมาได้ดีเป็นเพราะทุกๆ คนร่วมมือกัน”

ยก “กรีน” ขึ้นแท่นเป็นลูกรักคนใหม่
ฉอด : “จริงๆ ลูกรักมีเยอะเลยค่ะ รักทุกคนค่ะ ค่ายเราต้องรักทุกคนเพราะทำละครเยอะมาก นักแสดงไทยมีไม่ได้เยอะโดยเฉพาะคนที่มีฝีมือ ส่วนกรีนหลังจากจบกระเช้าสีดาไปแล้ว ยังมีอีก 2 เรื่องต่อเลยถามว่าเห็นอะไรในตัวเขา เขาเก่ง เชื่อว่าไม่ใช่แค่เราที่เห็นหรอก ทุกคนในประเทศนี้ก็เห็นหมดแล้ว เขาเป็นคนมีความสามารถจริงๆ”

เอส : “คิวกรีนไม่ว่างแล้วนะครับ ไม่ต้องมาขอแล้วนะคิวอยู่ที่เรา(หัวเราะ)”

กรีน : “ก็ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ด้วยความที่เราเพิ่งได้มาเล่นกับเชนจ์ครั้งแรกคือเรื่องกระเช้าสีดา เราก็รู้แหละว่าเราต้องพิสูจน์ฝีมือของตัวเอง เราก็ทำเต็มที่เท่าที่ความสามารถของเราทำได้ แล้วก็ตั้งใจกับมัน รวมถึงให้เกียรติกับบทละคร การทำงาน และคนดู ผลที่ออกมามันก็ตามเป้าหมาย”

ฉอด : “นอกเหนือไปจากความสามารถในการแสดงแล้ว มันคงเป็นเรื่องของความตั้งใจในการที่จะร่วมงานกัน อันนี้ไม่ได้หมายถึงกรีนคนเดียว แต่หมายถึงทั้งทีมเลยที่ทำให้ละครออกมาดี”





กำลังโหลดความคิดเห็น