“เป๊ก เปรมณัช” จุก ปิดร้านที่เชียงใหม่ไม่มีกำหนด ไม่รู้จะไปต่อยังไง เพราะสถานการณ์ยังไม่กลับมาดีขึ้น ตอนนี้ลุยเปิดเดลิเวอรี่ที่กรุงเทพฯ ท้อแต่ไม่ถอย ขอจับมือ “นิว” สู้กันต่อ บอก “อาเล็ก” ยังไม่เคยพา “โบว์” มาแนะนำกับเพื่อนๆ ส่วน “บอย” ก็ยินดีด้วย เพราะโสดมานาน มั่นใจปีหน้าลูกมาแน่
สู้ไม่ถอยจริงๆ สำหรับคู่สามีภรรยา “เป๊ก เปรมณัช สุวรรณานนท์” กับนักร้องสาว “นิว นภัสสร ภูธรใจ” ที่หลังจากตัดสินใจปิดร้าน Brandnewfiedgood ที่เชียงใหม่ทั้งน้ำตา ตอนนี้ก็มาลุยเปิดเดลิเวอรี่ที่กรุงเทพฯ แทน
“ร้านก็จุกเสียดแน่นท้องอยู่ตอนนี้ หลังจากที่ปิดตัวไปที่เชียงใหม่ หลายคนถามจะเปิดอีกไหม ก็ไม่รู้ (หัวเราะ) เพราะว่าสถานที่ไม่มีนักท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ ไม่ใช่แค่ร้านเป๊กไง แต่ทุกร้าน ทุกร้านคือจุกหมดเลย เพราะไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง เพราะนักท่องเที่ยว 50% ก็สำคัญไม่ว่าจะคนจีนหรือต่างชาติ ฉะนั้นเรารู้สึกว่าต้องรอนักท่องเที่ยว แล้วหน้าหนาวคนเริ่มกลับมาเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้นแล้ว แต่ว่าเราก็ต้องดูสถานการณ์จริงๆ โดยที่เราก็ต้องพยายามพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส นิ่งๆ แบบนี้ก็เลยเลือกที่จะมาเปิด Brandnewfiedgood สาขากรุงเทพฯ แต่ว่าเป็นเดลิเวอรี่ก่อน เราไม่มีเวลาจัดการเท่าที่ควร เราเลยตัดสินใจเปิด
แต่พอเปิดเดลิเวอรี่ปั๊บ ให้นั่งกินในร้านได้ ยอดก็เลยยังไม่มา (หัวเราะ) คนไปนั่งกินกันหมด จังหวะอาจจะยังไม่ใช่ แต่ถ้าคนรู้แล้วว่ามาเปิดที่กรุงเทพฯ ก็สั่งได้นะครับ ที่ Line @brandnewfieldgood ก็มีอาหารเหนือนี่แหละเป็นสูตรของทางร้าน ร้านแต่ละร้านเขาสั่งข้าวกัน แต่ร้านเราเอาข้าวที่ปลูกจากเชียงใหม่ เอามาจริงๆ คือเป็นข้าวดอยที่เหมือนข้าวญี่ปุ่น ให้สั่งมาที่กรุงเทพฯ ก็คือไม่มีสารเคมี เราก็รู้สึกภูมิใจที่เราปลูกแล้วได้กิน ตอนนี้แค่เอาให้ทุกคนได้กินบ้าง ผ่านเดลิเวอรี่ในร้านข้าวหน้าต่างๆ ลองไปสั่งดู”
ท้อแต่ถอยไม่ได้ คิดเมนูแปลกใหม่เรื่อยๆ
“คิดหนักไหมเหรอ คือหลายๆ คนก็จะท้อ แต่ว่าเป๊กถอยไม่ได้ไง ถึงจะถอยจากเชียงใหม่แล้ว เพราะตรงนั้นเราแบกไม่ไหว เรากลับมาตรงนี้ก็มาปลุก brandnewfieldgood ขึ้นมาใหม่ แต่ว่าก็พยายามสนุกกับมัน กับสิ่งที่เราสร้างเมนูใหม่ขึ้นมา ดูสิว่าเมนูนี้จะเข้ากับคนกรุงเทพฯ ไหม เหมือนมีเมนูแปลกๆ ข้าวเกรียบแรมฟืน หมายคนก็ไม่รู้ว่าแรมฟืนคืออะไร มันคือการถนอมอาหารของคนดอย แล้วก็จิ้มกับทรัฟฟริลมายองเนส หรือว่าจะเป็นข้าวซอย เราเปลี่ยนเป็นเส้นโซบะแทน หรือข้าวดอยที่เราปลูกเอามาใส่เป็นหน้าต่างๆ มันสนุกกับเมนูใหม่ๆ ที่คิด เราอยากให้ทุกคนลองกิน ที่ต้องการตอนนี้คืออยากให้ทุกคนลองกินแล้วก็ได้ฟีดแบ็กกลับมา เพราะตอนนี้คนยังไม่รู้ว่าเราเปิด แต่ถ้ากินแล้วคนได้กินซ้ำอีกเราจะมีความสุขมาก
ถามว่ายื้อไว้นานไหมกว่าจะตัดสินใจเปิด ก็ตั้งแต่ธันวาคม ยื้อไปเรื่อยๆ ว่ายังไงดีนะ คือไปลองทุกตลาดไปปลูกปอเทืองทั้งไร่ให้รู้สึกว่าลองกลับไปดึงนักท่องเที่ยวมาดู ปอเทืองสีเหลืองสวยงาม ไปยิงแอดในตลาดใหญ่ๆ ของเชียงใหม่ เพราะบางทีตลาดนักท่องเที่ยวมาปกติอยู่แล้ว แต่ตลาดเชียงใหม่บางทีคนเข้าไม่ถึง ก็ลองไปยิงดูว่าจะกลับมาไหม ก็กลับมา แต่กลับมาในระดับหนึ่ง แต่นักท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ก็ยังไม่กล้ามาก ก็รู้สึกว่าไม่ได้ล่ะ บ๊ายบายดีกว่า (หัวเราะ)”
ร้านที่เชียงใหม่ยังต้องปิดระยะยาว
“ถามว่าเข้าเนื้อเยอะไหม ก็ระดับหนึ่ง เราเอาที่พอประมาณ เอากำไรตรงนั้นย้ายมา ที่นี่มันต้องมีการปรับแผนธุรกิจตามสถานการณ์จริงๆ ส่วนหน้าร้านที่กรุงเทพฯ เนี่ย อยากเหมือนกัน เพราะว่าพอไปคุยหลายๆ คนเขาบอกว่าหน้าอาหารเรามันสวย ถ่ายรูปสวย เพราะฟีลกู้ด ของเราคือหน้าตาด้วย ถ่ายรูปได้ อาหารอร่อย มีโภชนาการ ฉะนั้นเปิดไหม แต่ถ้าหน้าร้านยังไงเราก็ต้องทำฟิกซ์คอร์สเพิ่ม จ้างคนเพิ่ม เราต้องมาจัดการดูแลหน้าร้านเองโดยที่เราก็ทำอย่างอื่นทั้งนิวทั้งเรา พิธีกรบ้าง ร้องเพลงบ้าง งานละคร มันไม่มีเวลาดู แล้วมันหนักกว่านี้ เพราะฉะนั้นเอาแบบนี้ให้มันเสถียรก่อน ถ้ามีหน้าร้านเพิ่มเติมเดี๋ยวว่ากัน แต่ยิ้มสู้แบบสนุกสนาน”
ที่เชียงใหม่ก็คงปิดยาว ก็ดูสถานการณ์แหละ คิดจะเปิดเป็นซีซั่นไหมเหรอ น่าสนนะ จริงๆ พอปลูกข้าวเองก็จะรู้ว่าซีซั่นของข้าวจะเป็นยังไง มันจะมีหน้าเขียวตอนพฤศจิกายน และช่วงรวงทองของข้าวสาลีช่วงเดือนมกราคม แล้วปีที่แล้วผมจะจัดเชฟเทเบิลตรงนั้น ฉะนั้นคิดดูถ้าเป็นช่วงรวงทองแล้วเราไปจัดเชฟเทเบิลตอนหน้าหนาวหน่อย ก็น่าสนใจนะ บรรยากาศดีๆ ก็มีโอกาส”
บอก “นิว” อยากให้กลับไปเปิดที่เชียงใหม่
“จริงๆ นิวก็อยากให้เปิดแหละ แต่เรารู้สึกว่าถ้าไม่โฟกัสสักจุดเหมือนอาจจะแย่ ถ้าสุดท้ายเราแวะไปเปิดตรงนั้น เชฟเทเบิลหรือไปเปิดร้านที่เชียงใหม่ ร้านที่กรุงเทพฯ ที่เป็นเดลิเวอรี่มันก็อาจจะทำก้ำๆ กึ่งๆ และไม่รู้จะโฟกัสจุดไหนดี เพราะฉะนั้นน่าจะโฟกัสเดลิเวอรี่ที่กรุงเทพฯ ก่อนดีกว่า เพราะตลาดเดลิเวอรี่หลายๆ คนจะไม่เคยเปิดก็จะไม่รู้ว่ามันยากเหมือนกัน เข้ามามันเหมือนที่คนเปิดเยอะมาก เพราะฉะนั้นเข้าไปไม่มีใครมาเจอร้านเราง่ายๆ หรอก ก็ต้องทำการตลาดกันต่อไป ฉะนั้นก็สนุกดี วันก่อนก็ได้ไปไลฟ์ของพี่วู้ดดี้ ได้คุยกับคุณเมย์ อาฟเตอร์ยูที่เขาทำร้านดังมาก แล้วเราก็เก็บมุมมองการตลาด เป็นความรู้ใหม่ๆ ที่เราได้เรียนรู้ตลอดในการที่เราเซ็ตอัพร้านอาหาร brandnewfieldgood ที่กรุงเทพฯ ก็สนุกดี ถึงบอกว่าก็ยิ้มสู้อย่างสนุกสนาน
ที่กรุงเทพฯ ยอดขายโอเคไหมเหรอ จุก (หัวเราะ) หมายถึงกินเอง จุก (หัวเราะ) ไม่ได้ส่งนะ กินเอง จุก (หัวเราะ) แต่ว่าก็นั่นแหละครับ ตอนนี้ก็เพิ่งเปิดมากำลังจะสองเดือน ก็ต้องทำการตลาดให้คนรู้จักก่อน ก็ให้เพื่อนๆ ได้ลองกินบ้าง ไปโปรโมตตามเพจตามรายการ ฉะนั้นต้องรอดูผลตอบรับ แต่คือตอนนี้อยากที่สุดคืออยากให้ความตั้งใจเราไปถึงคนอื่น คือทุกอย่างที่เราคิดเมนูเอง ทุกอย่างที่เราปลูกเองตั้งแต่ต้นมาแล้วเห็นฟีดแบ็กกลับมาว่าเขากินแล้วอร่อยนะ แล้วก็ชอบ แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว จริงๆ ถามว่าเรื่องเงินเรื่องเล็กไหม ไม่เล็กหรอก (หัวเราะ) แต่ว่าเน้นความสนุกที่เราอยากทำมากกว่า แต่เห็นฟีดแบ็กก่อนมันจะดีมาก แล้วเรื่องเงินตามมาทีหลังค่อยว่ากัน
ก็ยังเครียด (หัวเราะ) แต่ยิ้มสู้ไง ตอนนี้นิวคือพอเป๊กไปทำโปรเจกต์อื่น นิวก็อยู่ คือร้านเปิดประมาณ 11 โมง แต่ต้องมาเปิดร้านก่อน 8-9 โมง นิวตื่นมาเปิดร้านให้น้องๆ ทุกวันนะ แรกๆ ประมาณเดือนหนึ่งคือหยุดวันเดียววันจันทร์ คือในเมื่อพักนักร้องแล้ว แต่เราตั้งใจในจุดนี้ แล้วต้องตื่นมาทุกอย่าง ทำจริงจัง คิดเมนู คุยกัน อยู่ทั้งวันในออฟฟิศ เป๊กก็รู้สึกว่านี่ก็คือการทุ่มเทของเรา มันก็สู้กันไปด้วยกันนะ”
เผยแพลนมีลูกตั้งเป้าปีหน้ามีแน่
“แพลนมาหลายทีแล้วเนอะ หลายคนก็รอแล้วรอเล่า ผมก็อยากจะรอเล่าข่าวดีเหมือนกัน แต่ว่าก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ปีนี้ก็เหมือนกัน ชีวิตเราจะแพลนว่าฤกษ์งามยามดีคือเขาว่าปีขาลดี ก็ปรึกษาหลายๆ หมอ แต่ฤกษ์งามยามดีก็น่าจะเป็นปีหน้า ก็เลยคิดว่าจะมีความตั้งใจเป็นพิเศษ ตั้งใจเป็นพิเศษก็คือการดูแลตัวเองรักษาสุขภาพตัวเอง นอนเร็วขึ้น ออกกำลังกาย มีความตั้งใจโฟกัสจุดนี้มากขึ้น หลังจากที่เราโฟกัส brandnewfieldgood ที่กรุงเทพฯ ให้มันเสถียรแล้ว แล้วก็มาเป็นโปรเจกต์ลูก
ปีหน้าท้องก่อน เฮ้ยหรือคลอด ใช่ปีหน้าต้องคลอดสิ เช็กสภาพร่างกายแล้ว เปรี๊ยะ ฝั่นโน้นเปี๊ยะ (หัวเราะ) เช็กสุขภาพมาแล้วก็คือแข็งแรงทั้งคู่ ไม่มีปัญหาอะไรเลย อาจจะมีปัญหาที่เราสองคนไม่ค่อยมีเวลาได้คุยกันเท่าไหร่ ก็ใช้วิธีธรรมชาติอยู่ครับ แต่ว่าก็มีการฝากไข่ ฝากน้องไว้แล้ว ซึ่งเราก็เพลย์เซฟในจุดนี้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะเมื่อไหร่ดี ก็ถึงบอกว่าต้องมีฤกษ์มีชัย ถ้ามีฤกษ์งามยามดีเขาบอกว่าน่าจะช่วงต้นปีหรือปีหน้า เราก็จะมีความตั้งใจนะ แต่ว่าความตั้งใจตรงนั้นก็บวกกับเราต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้พร้อมทั้งคู่ด้วยนะ แล้วก็จังหวะเวลามันถึงเวลาที่ใช่ของเรา ซึ่งตอนนั้นเราก็ต้องโฟกัสในปีหน้า ปีหน้าความรู้สึกเราก็คืออยากมีแล้ว คิดว่ามันถึงเวลาแล้วจะต้องตัดเรื่องอื่น แล้วก็มาจริงจังเรื่องนี้ จริงๆ เพราะว่านักข่าวก็รอแล้วรอเล่า ที่บ้านก็คงจะรอแล้วรอเล่า
แต่ปีหน้ามีแน่นอนไหม ใครจะตอบได้ล่ะครับ (หัวเราะ) ก็นั่นแหละ บอกว่าไม่ได้มั่นใจ แต่พยายามตั้งใจให้มากขึ้นแบบจริงจังมากขึ้น ตอบอย่างจริงใจ แต่ไม่ได้มั่นใจขนาดนั้น แต่รู้สึกว่าปีหน้าความรู้สึกอยากมีมาแล้ว มีแล้วแต่ถือเคล็ดว่ายังไม่บอกหรือเปล่าเหรอ ไม่ๆ”
บอก “อาเล็ก ธีรเดช เมธาวรายุทธ” ยังไม่ได้พา “โบว์ เมลดา สุศรี” มาเจอเพื่อนในแก๊ง
“ผมว่าก็ไม่มีอะไรครับ ไม่รู้ ในกลุ่มมีเงื่อนไขห้ามเอาเรื่องนี้มาล้อจริงไหมเหรอ (หัวเราะ) ไม่มีครับ ไม่เกี่ยวเลย เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของพรหมลิขิตที่ทำให้พวกเขามาเจอกัน ตอบสวยๆ อาเล็กก็ไม่ได้มาปรึกษาครับ เรื่องแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาครับ (หัวเราะ) ไม่มี ผมว่านั่นแหละเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ตอนนี้เขาเปิดตัวแล้วก็เชียร์ คือมองแล้วเป็นคู่ที่น่ารัก แล้วก็เหมาะกันมาก คิดว่าเขามั่นใจที่บอกว่าออกมาจีบ ก็คงเป็นคนที่เขามั่นใจตั้งใจ แต่เป็นคนสุดท้ายหรือเปล่า อันนี้ผมไม่รู้ ล้อเล่นๆ (หัวเราะ)
อาเล็กติดแฟนไหมเหรอ ไม่ครับ เป็นปกติครับ แต่หวานขึ้น (หัวเราะ) แต่ก็ดูเป็นคู่ที่น่ารักนะ อย่างล่าสุดที่เขาไปถ่ายรายการด้วยกัน ปั่นจักรยานกันที่บางกระเจ้าก็รู้สึกว่าเป็นโมเมนต์ที่น่ารักนะ จริงๆ แล้วเขาก็ไปถ่ายเอ็มวีอะไรด้วยกันมาก่อนแล้ว คลิปเปิดตัวหรือเปล่านะ เป็นทริปเปิดตัว ไม่หรอกคือเขาก็คงเป็นพี่น้องที่ชวนแขกรับเชิญไปออกรายการ รู้สึกว่าสนิทกัน พอสนิทกันก็ไปปั่นจักรยานเล่นกันหน่อยแล้วกัน (หัวเราะ) เป็นทริปเดตไหม ก็ไม่แน่ (หัวเราะ)
ยังไม่ได้พามาแนะนำเพื่อนๆในแก๊งครับ ผมว่าอันนี้ก็น่าจะเป็นแบบเปิดตัวเต็มที่หรือเปล่า ฉะนั้นตอนนี้ก็แยกแบบส่วนตัวไปก่อน แต่ละคู่ก็ส่วนตัวไปก่อน เวลาที่ผ่านช่วงเวลารู้สึกมั่นใจแล้วทุกคนก็จะรู้ทั่วกัน แต่ก็ไม่ได้เปิดอะไรนะครับ เขาก็เดินห้างทั่วไปอยู่แล้ว ผมว่าแต่ละคู่ใช้ชีวิตเป็นปกติอยู่แล้ว”
บอกยินดีกับ “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” เพราะโสดมานาน
“อีกคู่หนึ่งก็พูดยากครับ เพราะเราก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาก็โสดมาตลอด มีคู่แล้วเราก็ยินดีด้วยมากๆ ครับผม ใแก๊งเราไม่โสดแล้วหรือเปล่า ไม่โสดหรือเปล่าน้า (ยิ้ม) โสดไหม ก็เห็นตามข่าวบอกว่าคุณเกรท (วรินทร ปัญหกาญจน์) ยังโสดอยู่ครับ ก็เป็นกำลังใจให้ แต่ผมเชื่อว่าเขาคือคนดีไงครับ คือคนดีที่ไหน หมายถึงก็จะได้เจอคนดีที่ไหนที่เข้ามาในชีวิตเขาอยู่แล้ว คนดีย่อมได้คนดีๆ เข้ามาในชีวิต
หมายถึงว่าก็โสด แต่เขาก็คงรอคนดีๆ เข้ามาในชีวิตไง แต่ผมยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แค่นั้น เพราะฉะนั้นก็เป็นกำลังใจให้ สำหรับความรักของทุกคน เพราะฉะนั้นมาปรึกษาความรักกับพี่ได้ เพราะความรักของพี่ก็ผ่านมา 14 ปีแล้ว นี่น้องๆ ก็เพิ่งเข้าวงการความรักมา (หัวเราะ) ถามว่าสองคู่นี้มีมาปรึกษาบ้างไหม ไม่มีหรอก ผมว่าแต่ละคนเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวในระดับหนึ่ง คือถ้าหนักหนาสาหัสจริงๆ อาจจะปรึกษาผมว่าเรื่องนี้คือไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เอาอยู่ เคลียร์ได้”