“อนันดา” เผยธุรกิจโรงแรมยาหยีที่เชียงใหม่ยังคงอยู่ แต่ก็เกือบเจ๊งไปเหมือนกัน รับท้อ สถานการณ์ย่านนิมมาน จ.เชียงใหม่เหมือนเมืองร้าง แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้น เชื่อปีหน้ากลับมาปกติ เผยรอดจากวิกฤตมาได้เพราะหันไปจับธุรกิจอย่างอื่น
ช่วงโควิดที่ผ่านมาหลายธุรกิจประสบปัญหาหนัก ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจของคนบันเทิง ที่ต้องปรับตัวเพื่อหาทางรอดในวิกฤตดังกล่าวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหนุ่ม “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ก็ถือเป็นคนหนึ่งที่เจอวิกฤตในทุกสายธุรกิจของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรมยาหยี ที่เชียงใหม่ และงานโปรดักชั่นที่ไม่สามารถทำงานได้ เพราะเป็นงานที่ต้องอาศัยการรวมตัวของคนหมู่มาก ซึ่ง อนันดาก็ได้มาเล่าให้ฟังถึงสถานการณ์ในสายธุรกิจของตนเอง และเอาตัวรอดจากวิกฤตมาได้อย่างไร
“โรงแรมยังทำอยู่ครับ แต่ก็เกือบเจ๊งเหมือนกัน ไปดูนิมมานทุกวันนี้สิ อย่างกับเป็นเมืองร่าง สงสารหลายคนเลย ข้อดีของยาหยีอาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นเจ้าของที่ ค่าใช้จ่ายในแง่ค่าเช่าเลยไม่มี แล้วมันไม่ใช่ธุรกิจหลักผมก็เลยไม่เคยเอาเงินออกมา ง่ายๆ คือไม่เคยปันผล เลยจะมีเงินอยู่ในคลังค่อนข้างเยอะ มีแบบเกือบๆ ต้องปิดเหมือนกัน มีคุยกันว่าถ้าเป็นอย่างนี้อีกเดือนเดียวจะไม่มีเงินเหลือในคลังแล้วนะ จะต้องปิดแล้ว
ก็ต้องปรับตัว ทำโปรโมชั่นพิเศษ ทำการสื่อสารที่เปลี่ยนไปให้คนรู้ว่าเรายังมีเซอร์วิสในบางส่วน ทุกวันนี้ก็ค่อยๆ กลับมา พนักงานส่วนนึงให้อยู่ที่โรงแรมเลย พูดตรงๆ ตอนนี้เชียงใหม่มีคนไปค่อนข้างน้อย ห้องที่ว่างเราก็พยายามจะประหยัดคอร์สของเรา ช่วยสต๊าฟของเรา ส่วนหนึ่งเราก็ให้เขามาอยู่ในโรงแรมเลย แล้วก็สลับวัน ลดวันพนักงาน คือเราก็ทำกันทุกวิถีทาง บางเดือนผมไปที่ยาหยีผมอยู่คนเดียว เหมือนเป็นบ้านส่วนตัว แต่ว่าตอนนี้ก็ค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ หลังปีใหม่น่าจะดีขึ้นกว่านี้ มันเรียกว่าเหมือนเป็นจุดเริ่มต้น ยังไม่ถึงครึ่ง”
ท้อแต่ก็พร้อมปรับตัวเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ เชื่อปีหน้าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ
“มันมีช่วงท้อ ผมว่าทุกคนท้อนะ มาถึงจุดนึง มันผิดธรรมชาติของคนเราที่จะไม่มีโซเชียล ไม่เจอ ไม่แชร์อะไรกันเลย ในแง่ของธุรกิจที่พาคนมาเจอกันแล้วมันทำไม่ได้ แล้วผมอยู่ในวงจรที่โดนหนักที่สุด มันก็ท้อ แต่ทุกวันนี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้น ผมว่าอะไรจะค่อยๆ ดีขึ้น สิ่งหนึ่งที่มันเป็นความเข้าใจของตัวผมเองก็คือหลายๆ คนโดยเฉพาะคนที่อยู่ในธุรกิจนี้ก็คือโรคนี้มันจะอยู่กับเราแล้วแหละ แล้วเราจะต้องทำยังไงที่จะต้องปรับตัวให้ได้และมูฟไปข้างหน้า
ปกติลูกค้าเราจะเป็นคนไทยและชาวต่างชาติครึ่งๆ กันเลย จะมีแขกประจำที่เป็นชาวต่างชาติที่เชียงใหม่ด้วย ตอนนี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้น ก็ต้องยอมรับว่ายังมีคลัสเตอร์ ยังมีตัวเลขที่น่าวิตก ก็ต้องระวังกันเป็นพิเศษ ก็พอเข้าใจได้ ผมเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันคือโรคที่จะอยู่กับเราไปตลอด พวกวัคซีน ยารักษา การดูแลตัวเองมันก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวอะไรดีๆ ก็จะตามมา ปีหน้าผมเชื่อว่าทุกอย่างจะค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิม”
เผยสถานการณ์ที่ประเทศลาวเงียบกริบมาก ตนเองก็ไม่รู้ข่าวสารทางนั้นเหมือนกัน
“เงียบกริบเลย ผมไม่รู้เลยว่าที่ลาวเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็แอบดูรูปของเพื่อนที่เขาทำธุรกิจร้านอาหารที่หลวงพระบาง ก็ดูเหมือนเป็นเมืองร้าง ไม่มีข่าวสารอะไรเลยว่าจะเปิดเมื่อไหร่ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ช่วงที่ผ่านมาก็หันมาทำธุรกิจด้านอื่นแทนเพื่อพยุงตัวเอง
“พอแสดงไม่ได้ก็ไปขับรถทั่วประเทศจนจะเปิดบริษัททัวร์ได้อยู่แล้ว ไปขายน้ำจิ้ม น้ำปลาร้า น้ำจิ้มแจ่ว เอาจริงๆ เลยคือธุรกิจที่มันกระทบหนักมากๆ เลยก็คือธุรกิจบริการ การโรงแรม ร้านอาหารซึ่งก็เป็นของเรา โปรดักชั่น มันเป็นการที่เราต้องเอาคนมารวมตัวกัน มันก็ทำไม่ได้อีก กลายเป็น 2 ธุรกิจของเรามันได้รับความกระทบหนักมาก ก็มีการคุยกันว่าเราต้องทำอย่างอื่นด้วยนะ กลายมาเป็นขายน้ำจิ้ม เทรดคริปโต คือทำหมดทุกอย่าง ก็ดีครับ ตอนนี้ก็ค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิมแล้ว ทุกวันนี้มาแสดง เราเดินเข้าเซ็ตเรายังตื่นเต้นเลยว่าเอ๊ะเรายังแสดงเป็นอยู่รึเปล่า(หัวเราะ)”
