“บุ๋ม” สู้คน ยื่นโนติสไปให้เหล่าคนที่ส่งข้อความเชิงลามกเรียบร้อย ถ้าไม่หยุดแจ้งความแน่นอน ซึ้งแล้วบล็อกไม่ช่วย ฟ้องถึงหยุด รู้อย่างนี้ทำนานแล้ว ลั่นถึงเป็นคนแรง แต่แรงเพื่อป้องกันตัวเอง คนทำดีไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ชี โต้ย้อนแย้ง ช่วยหญิงแต่ใส่ชุดว่ายน้ำ เซ็กซี่ ยืนยันจะทำความดีต่อไป และจะเป็นตัวเองด้วย
ฮอตไปทุกเรื่องจริงๆ สำหรับสาว “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ทั้งเรื่องงานและเรื่องที่โดนหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ขยันส่งข้อความลามกมาให้ตลอดๆ ล่าสุดมาเปิดตัวในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของ AMARANTE CLINIC ณ AMARANTE CLINIC สาขาบางนา อเวนิว for you park โซน A ชั้น 2 สาวบุ๋มเผยว่าทนมาเป็นปี แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เลยจำเป็นต้องลุกขึ้นสู้บ้าง
“จริงๆ แล้วช่วงนี้ที่เข้าไปเช็กข้อความ เป็นเพราะว่าโควิดก็กลับมาอย่างที่ทุกคนทราบกันนะคะ บุ๋มเองก็ต้องกลับมาดูแลเรื่องของการรับรายชื่อ หรือในเรื่องของคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ แต่ผลปรากฎว่าสิ่งที่เขามาขอความช่วยเหลือมันไม่ใช่เรื่องโควิด น้ำท่วมหรือข่มขืนอะไร
แต่กลายเป็นว่ามาคุกคามเราอีกต่างหาก เราก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องนะ และเราเองการปิดปากเงียบกับหลายๆ เคส บางเคสทำเป็นไม่สนใจ ไม่ตอบโต้ อย่างที่หลายๆ คนเคยแนะนำว่าเงียบๆ ไปเดี๋ยวเขาก็เลิกไปเอง มันไม่เลิกไปเองค่ะ เขายิ่งได้ใจ และยิ่งทำ และเรารู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จะเป็นคนทั่วไป นักเรียน นักศึกษาหรือดารา เราคนเหมือนกัน เราไม่ควรโดนคุกคามนะคะ
บุ๋มเห็นหลายๆ คอมเมนต์เขียนว่าก็สมควรโดนแล้วนี่ มีใครสมควรโดนเหรอคะ ดังนั้นสิ่งที่อยากจะสร้างบรรทัดฐานในสังคมก็คือการทำผิดก็คือทำผิด การคุกคามคนอื่นคือสิ่งที่ไม่ดี ไม่ใช่สิ่งที่เราควรยอมรับค่ะ ดังนั้นบุ๋มก็เลยสู้ อย่างเคสแรกที่มีการปลอมชื่อเป็นคุณอุดม เขาก็ทำมาเป็นปีแล้ว อันนี้ก็คงต้องแจ้งความจริงๆ เพราะว่าคุกคามไม่เลิก ถึงขนาดเราบล็อกแล้วเขาก็ยังเปลี่ยนแอ็กเคานต์ แล้วเอาภาพเรา เอาภาพน้องอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ไปตัดต่อ เราก็รู้สึกว่ามันไม่ดี และทำมานานเกินไปแล้วค่ะ
เคสที่สองเขาขอโทษมาแล้ว เขาก็ขอให้ลบโพสต์ได้ไหม แต่คิดว่าไม่ลบดีกว่า จริงๆ แล้วบุ๋มคิดว่าควรเปลี่ยนมุมมองใหม่ ที่ผ่านมาเวลามีข่าวโดนข่มขืนหรือโดนคุกคามอะไรแบบนี้ บางทีสื่อบางสื่อชอบไปถ่ายผู้เสียหาย แต่ตอนนี้บุ๋มว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะถ่ายคนร้ายบ้าง ให้รู้ตัวว่าอย่างน้อยคนที่ทำงานของเขา คนข้างบ้านของเขาจะได้รู้ว่าคนๆ นี้มันคิดอะไร แต่ล่าสุดคำรุนแรงกว่าเดิม ตอนแรกเรานิ่งเพราะมาบอกรักเฉยๆ เราเข้าใจ แต่ไม่ใช่ว่าเราต้องตอบรับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาใช่ไหมคะ (ยิ้ม) ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาชมไอ้นั่นใหญ่ ไอ้นี่ใหญ่ ก็ขอบคุณนะคะ (หัวเราะ) แต่บางครั้งมันก็ชัดเจนเกินไป ใช้คำรุนแรงเกินไป ก็ตามจนเจอต้นตอเลยค่ะ ตามไม่ยากค่ะเดี๋ยวนี้ จะไปถึงหน้าบ้านก็เกรงใจ (ยิ้ม)”
บอกอย่าใช้คำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะทางกฎหมายใช้ไม่ได้
“มีค่ะ ทำเป็นชมรมก็มี ก็ค่อนข้างจะรุนแรง เพียงแต่สิ่งที่เราทำก็คือบุ๋มเองก็ต้องระวังตัวค่ะ เพราะคุณก็รู้ว่าบุ๋มทำรายการสดเยอะ รายการสดหมายถึง ณ เวลานี้ ตอนนี้ปนัดดาต้องปรากฎตัวที่ช่องไหน เวลาไหน นั่นคือความไม่ปลอดภัยของเราเลยค่ะ แต่เชื่อไหมจากวันนั้นถึงวันนี้ยังไม่มีเวลาไปแจ้งความเลย ยังทำงานไม่เลิกเลยค่ะ ไหนจะเรื่องลูกอีกที่จะต้องดูแล เพราะช่วงนี้เขาก็เรียนหนักมาก เรียนออนไลน์สลับกับเรียนที่โรงเรียน คือบุ๋มอยากให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญมากกว่าก่อน แต่เรื่องของการแจ้งความก็คงอาจจะต้องแจ้ง เพราะอย่างน้อยก็เพื่อกันให้เขาไม่ไปทำกับใครอีก
แต่ก็ต้องระวังตัวขึ้น แต่จะให้ระวังมากก็ไม่ไหว เพราะเรายังต้องทำมาหากินเนอะ แต่อย่างน้อยก็ยังจะได้ยั้งคนที่กำลังคิดอะไรไม่ดี ว่าเราสู้คนนะ เราไม่ได้ยอมให้คุณมาทำเราฝ่ายเดียวนะ และสิ่งนี้อยากให้สังคมเห็นว่ามุมมองบางอย่างว่าอย่าคอมเมนต์อะไรมั่วๆ ค่ะ พอเขาฟ้องขึ้นมาคุณก็จะมาบอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ คำนี้ใช้แก้ไขในกฎหมายไม่ได้นะคะ ก็พอเราโพสต์แบบนั้นเขาก็หยุดค่ะ รู้งี้ทำนานแล้ว ไม่รอเป็นปีแบบนี้หรอก แต่ก่อนหน้านี้ใช้การบล็อกค่ะ แต่ก็ไม่ได้ช่วย ปีนึงเลยนะ ก็เก็บไว้หมดค่ะ แฟนคลับเก็บให้บุ๋มหมดเลยเก็บข้อมูลว่าเขาเปลี่ยนแอ็กเคานต์เป็นชื่ออะไรบ้าง”
เผยจุดยืนจะขอทำดีด้วย และเป็นตัวเองด้วย
“ถามว่าหลายสิบปีที่ถูกคุกคามมา เพราะอาจจะมีกลุ่มที่ไม่ชอบเราหรือเปล่า คือบางคนก็คงชอบค่ะ แต่อาจจะชอบแนวเซ็กซี่ คงจะชอบเยอะไปหน่อย ก็มีทั้งชอบและไม่ชอบแหละค่ะในความเป็นตัวตนของเรานะคะ เพียงแต่ว่าเราก็ต้องมีจุดยืน เราต้องรักความถูกต้องในสิ่งที่เราเป็น และการเป็นคนที่แรงไม่ใช่ว่าคุณจะต้องมาแรงหรือมาทำร้ายเราได้นะคะ แต่ความแรงของบุ๋ม เพราะบุ๋มอาจจะต้องป้องกันตัวเองไว้ในจุดนึง เพราะว่าบุ๋มอยากจะให้หลายๆ คนเข้าใจว่าการที่บุ๋มใส่ชุดว่ายน้ำ ไปดำน้ำ เล่นน้ำกับเพื่อนที่ทะเล บุ๋มว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกนะ ถ้าบุ๋มใส่ชุดว่ายน้ำเข้าวัดนี่สิแปลก ถูกไหมคะ และที่สำคัญคนทำดีไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ชีนะคะ
คนชอบด่าว่าสิ่งที่บุ๋มทำมันย้อนแย้ง ทำดีช่วยเหลือผู้หญิง แต่ทำไมถึงยังใส่ชุดว่ายน้ำ ยังแต่งตัวเซ็กซี่ ถามหน่อยว่าถ้าคุณไม่อยากให้บุ๋มช่วย แล้วทำไมคุณไม่ช่วย มันก็ไม่ควรมีบุ๋มคนเดียวด้วยซ้ำ เพียงแต่บุ๋มแค่เป็นคนนึงที่อยากจะใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนทั่วไป และได้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่บุ๋มอยากจะช่วยด้วย ดังนั้นบุ๋มก็ต้องมีจุดยืนของบุ๋มเท่านั้นเอง ว่าฉันก็จะใช้ชีวิตปกติของฉันนี่แหละ ฉันอยากจะไปว่ายน้ำกับเพื่อนกับลูกฉัน แต่ฉันก็จะช่วยคนอื่นด้วยเช่นกัน”
บอกเป็นคนใจอ่อน โกรธง่ายหายเร็ว แต่เจอแบบนี้ก็คงนิ่งไม่ไหว
“กรณีบุกถึงตัวมีค่ะที่เคยบุกมาถึงบ้านเมื่อปีที่แล้ว แต่หลังจากที่แจ้งความไปก็ยังไม่มีอีก ก็ไม่อยากเชื่อว่ากฎหมายที่ตัวเองไปเปลี่ยนจะเอามาใช้เองได้ (หัวเราะ) ตำรวจก็แซวอยู่เหมือนกันค่ะว่ารู้สึกยังไงกับกฎหมายที่ตัวเองเปลี่ยนแล้วเอามาใช้เป็นคนแรก (ยิ้ม) ตอนนี้ที่บ้านก็ติดกล้องวงจรปิดแบบที่สามารถบันทึกเสียงได้ด้วยค่ะ ส่วนคุณแฟนก็ช่วยโดยการซ้อมคนรอบตัวจ้างยิงปืนให้แม่นขึ้นค่ะ
แต่เอาจริงๆ คำขอโทษมันก็ทำให้เราใจอ่อนแหละ เอาจริงๆ บุ๋มไม่เคยโกรธใครนานนะ ขนาดโดนกรณีนักการเมืองสักพักก็นิ่งแล้ว เอาจริงๆ ถึงจะดูเป็นคนไฝว้ คนแรง แต่สักพักก็จะเฉยๆ เพราะเรารู้สึกว่าทำอย่างอื่นต่อดีกว่า มันมีเรื่องอะไรแต่ละวันที่สำคัญให้ทำมากกว่านั้นอีกตั้งเยอะ แต่ ณ ตอนนี้พอเราเจอเรื่องพวกนี้ เราต้องมานั่งคิดว่าถ้าเรานิ่งเฉย เขาก็ทำร้ายเราอยู่เรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ดีกับเราค่ะ”
เผยแฟนไม่ค่อยพูด แต่ลงมือทำเลย
“ตอนนี้อย่างน้อยอาจจะต้องให้ทนายยื่นโนติส ว่าทำผิดก็คงจะโดนอีก ก็จะยื่นโนติสเป็นจดหมายแจ้งความเลยค่ะ รายที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะฟ้องก็ได้ยื่นโนติสไปเรียบร้อยแล้ว คือหลังๆ บุ๋มไม่ถึงขนาดให้เป็นคดีความค่ะ แต่เราก็จะมีทนายความบอกว่ายังไงก็ต้องทำให้เขารู้ว่าเราไม่ได้นิ่งเฉยกับเขา หรือแค่ขอโทษรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วให้อภัย และคุณก็ทำต่อได้
ถามว่าแฟนห่วงไหม พี่ก็อตไม่อะไรมากค่ะ เขาเป็นคนไม่พูด แต่เขาทำเลย เขาก็แค่ดูรูป เราก็บอกว่าคนนี้ตำรวจส่งมา ที่ตำรวจส่งให้บุ๋มก็เพื่อจะบอกว่าบุ๋มจะแจ้งความไหม รู้จักไหม อีกอย่างคือคุณตำรวจรู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร และตำรวจก็ส่งมาเพื่อเราจะได้ระวังตัว เพราะบุ๋มต้องไปปรากฏตัวตามรายการสดต่างๆ ดังนั้นถ้าคนที่ติดตามเห็นบุคคลเหล่านี้ก็จะได้ระวัง พอตำรวจส่งมา บุ๋มก็ส่งให้เขาดู คุณแฟนก็บอกว่าอย่างนี้น่าจะเอาผ้าอนามัยยัดปาก (หัวเราะ)”
ไม่ห่วงจะลามไปถึงลูกสาว เพราะตอนนี้มีหลายบ้าน
“เรื่องแบบนี้บุ๋มว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น คงไม่แรงเหมือนตอนที่บุ๋มไปทลายซ่อง อันนั้นน่ะแรง เพราะเราไปทำลายธุรกิจเขาจริงๆ อันนั้นเขาขู่ถึงลูก แต่คราวนี้ไม่มีถึงลูกหรอก คิดว่านะ เพราะเขาคงมุ่งที่ตัวบุ๋มมากกว่า แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่เราก็แยกบ้านอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่มีโควิดและเราไปทำงานด่านหน้า เราก็เลยรู้สึกว่าแยกบ้านดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของแม่ที่อยู่บ้านและลูกด้วย กลายเป็นว่าบุ๋มก็มี 2-3 บ้าน ก็เป็นคนเร่ร่อนค่ะ (หัวเราะ)
จริงๆ อยากสนับสนุนให้เราออกมาทำในสิ่งที่ถูกต้องสำหรับผู้หญิงทุกคนที่โดนคุกคาม โดนล่วงละเมิด หรือใครก็ตามที่เคยโดนกระทำ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงมากน้อยแค่ไหนก็ตาม มันถึงเวลาแล้วค่ะที่เราจะออกมาสู้กับสิ่งเหล่านี้ การนิ่งเฉยไม่ได้หยุดพฤติกรรมนะคะ แต่การที่คุณออกมาพูดความจริงและสู้ด้วยความจริง นั่นคือสิ่งที่พึงกระทำ และจะทำให้ผู้หญิงเองก็มีความปลอดภัยมากขึ้นในสังคม ทุกคนได้รับการยอมรับมากขึ้น อย่างน้อยมารวมพลังกันก็ได้นะคะ บุ๋มยินดีที่จะเป็นสื่อกลางในการแจ้งความค่ะ”