“เชอรี่” เผยเปิดตัวผลิตภัณฑ์สบู่น้ำมันรำข้าว เพื่อช่วยเหลือผลิตภัณฑ์ชุมชน ช่วงโควิดที่ผ่านมาแม้ต้องสู้กับสภาวะโควิดและเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่ก็อยากพาให้บริษัทไปรอด เพราะเป็นความตั้งใจอยากทำเพื่อสิ่งแวดล้อมจริงๆ ไม่ขอตอบหวนกลับลงละครให้ “หน่อย บุษกร” โบ้ยให้รออีกฝ่ายตอบ ส่วนหัวใจตอนนี้โสดสนิท อยู่คนเดียวก็ดี ชอบความสงบ ไม่รู้มีคนเข้ามาไหม เพราะตอนนี้สนใจแต่เรื่องของงานเท่านั้น
เป็นนางเอกสาวที่ขึ้นชื่อว่าลุยงานช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมแบบเต็มตัวมานานหลายปี ถึงกับยอมเบรกงานในวงการบันเทิง เพื่อไปทำในสิ่งที่ตั้งใจอย่างเต็มตัว ล่าสุดนางเอกสาว “เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ” ก็ได้มาจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Sirithai Artisan Liquid Soap” ในนามของแบรนด์ สิริไท โดยเจ้าตัวก็เผยว่าไม่ได้ตั้งเป้าเรื่องคืนทุนเลย เพราะหวังอยากจะช่วยเหลือชุมชนจริงๆ
“อันนี้เพิ่งเริ่มต้นครั้งแรกเลยค่ะ แต่เป็นปีที่ 2 ของสิริไทนะคะ เราเริ่มขยายมาเป็นสบู่จากน้ำมันรำข้าว ซึ่งเราไปสนับสนุนชุมชนเลิงนกทาที่ยโสธรนะคะ ก็จะเป็นน้ำมันรำข้าวที่เขาใช้เกรดสำหรับไปทำอาหารเสริม และสกัดภายใน 24 ชม. เราไม่ใช้ความร้อนเกิน 45 องศาด้วยค่ะ เพื่อรักษาคุณประโยชน์ที่สูงที่สุดในน้ำมันรำข้าวให้มีไว้ และผสมร่วมกับน้ำมันอื่นๆ รวมถึง Essential oils ด้วยค่ะ ก็จะมีกลิ่นเดียว ก็คือกลิ่น Sunny days in a rice field ค่ะ
ถามว่ามองเรื่องผลตอบรับยังไง คือเราเริ่มตอนที่สถานการณ์มันยังเสี่ยงด้วย เพราะเมื่อปีที่แล้วโควิดรอบแรกแล้วมันดีขึ้น เชอรี่ก็เริ่มตัดสินใจที่จะทำธุรกิจเลย มันก็เป็นช่วงที่ยังไม่นิ่ง เหมือนเราก็ไม่อยากรอด้วย เราไม่รู้ว่าถ้ารอแล้วจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ มันจะช่วยเหลือทันไหม แต่การทำของเราจะทำยังไงให้มันสามารถไปได้ เราเลยพยายามทำให้มันเล็ก มันลีนที่สุด เอาเป็นว่าต้นทุนของเราที่ลงไปมันจะต้องไม่หนักจนเกินไป แล้วมันไม่มีคอร์สที่เป็นรายจ่ายรายเดือนที่มันจะต้องหนักเกินไปกว่าที่เราจะสามารถควบคุมมันได้ และอะไรที่เราทำได้เองก็พยายามทำเองค่อนข้างเยอะในการที่จะสามารถพาบริษัทให้มันไปได้
รวมไปถึงตัวเชอรี่เองก็มีลิมิตของมันไว้ว่าเราจะมีเงินก้อนนึงลงไปเพื่อตั้งใจจะช่วยคนตรงนี้ แต่เราไม่ใช่มูลนิธิ เราต้องพยายามบริหารเงินก้อนนี้ ทำยังไงให้มันสามารถดันธุรกิจให้มันไปได้โดยที่เราไม่ต้องเติมเงินก้อนใหม่ลงไป ซึ่งตอนนี้มันก็ยังอยู่บนฐานของเรา เชอรี่ก็ไม่ได้มองว่าจะต้องคืนทุนภายใน 1-2 ปี คือทำมันไปด้วยความที่เราตั้งใจอยากจะช่วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราเอาเงินก้อนนี้ลงไปแล้วมันต้องรันต่อไปให้ได้ มันเป็นอะไรที่สนุกอยู่เหมือนกันนะคะในการที่ได้เรียนรู้ ในการที่บริหารจัดการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่มันไม่แน่นอนในยุคนี้ มันก็สนุก เหมือนมีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาเลยค่ะ”
แพลนรวมตัวศิลปินเพื่องานสิ่งแวดล้อมยังต้องเลื่อนไปก่อน
“ถามว่าจะมีการรวมตัวกับศิลปินนักแสดงท่านอื่นที่ทำงานด้านนี้เพื่อทำให้โปรเจกต์มันใหญ่ขึ้นไหม คือเอาจริงๆ ตอนนี้เรามีแพลตฟอร์มที่ชื่อ เอิร์ธโทน ค่ะ เป็นการรวมตัวของคนที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมรุ่นใหม่ๆ ในนั้นก็จะมีน้องๆ ที่เป็นนักแสดงหลายคน หรือว่าคนที่ทำงานเบื้องหน้าที่เป็นคนที่รู้จักอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งเราก็มีการประสานติดต่อกันเรื่องอะไรที่เราช่วยเหลือกันได้ในแง่ของข้อมูล ในแง่การสนับสนุนโครงการซึ่งกันและกันมันมีอยู่แล้วค่ะ เราคุยกันว่าอยากจะทำอะไรร่วมกันนี่แหละ
แต่ด้วยพอสถานการณ์โควิดมันติดต่อเชื่อมโยงกันลำบากค่ะ การที่จะทำโครงการใหญ่ร่วมกันอาจจะยังไม่ได้มีเร็วๆ นี้นะคะ แต่ว่าก็คงจะเป็นการสนับสนุนซึ่งกันไปมา ซึ่งตรงนี้เชอรี่ว่าเอิร์ธโทนเป็นแพลตฟอร์มที่ดีมากๆ เกี่ยวกับการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม จริงๆ มันควรจะไปพร้อมๆ กัน ช่วยเหลือกันไปหลายๆ คนแล้วเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน เพราะสิ่งแวดล้อมจริงๆ มันเป็นเรื่องใหญ่มากในการที่เราจะแก้ปัญหา การที่จะแก้มันจะต้องใช้คนหลายๆ คน หรือสังคมในวงกว้าง ดังนั้นเราควรจะไปพร้อมๆ กันค่ะ”
ปัดตอบ “หน่อย บุษกร วงศ์พัวพันธ์” ชวนมาเล่นละครในรอบ 6 ปี
“คิดถึงการแสดงมากเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็อย่างที่เห็นว่าวุ่นวายกับการทำหลายสิ่ง แต่ว่ายังนึกถึงการแสดงอยู่เสมอค่ะ ส่วนที่ถามว่าพี่หน่อยจะดึงตัวไปเล่นละครเนี่ย อันนี้ต้องให้เขาเป็นพูดหรือเปล่า เขาเป็นความลับหรือเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวรอให้พี่เคน (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) เป็นคนพูดดีกว่า เชอรี่ก็ไม่ได้ขออนุญาตเขาด้วยว่าถ้าใครถามจะตอบได้หรือเปล่า เดี๋ยวรอฟังจากพี่หน่อยพี่เคนดีกว่าค่ะ
มีผู้จัดท่านอื่นติดต่อมาอีกไหมเหรอ คือส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางช่องมากกว่านะคะที่พูดมาว่าอยากจะเล่นสไตล์ไหน แนวไหน ที่ยังจะมีพูดคุยกันอยู่นะคะ ก็มีถามแนวทางค่ะว่าบทแบบไหนที่เรารู้สึกว่าอยากจะเล่นหรือมันเชื่อมโยงกับความรู้สึกของเราในตอนนี้ได้ ก็มีพูดคุยค่ะ แต่ยังไม่มีที่รับแบบจริงจังค่ะ ถ้ามีก็อาจจะรับเชิญกรุบกริบ ที่จะได้เห็บแว๊บๆ นิดเดียว แต่ว่าถ้าจะได้เห็นเล่นเต็มๆ เลยคิดว่าปีหน้าน่าจะยังไม่เห็น เพราะถ้าสมมติรับมันก็ต้องใช้เวลาในการถ่ายทำน่าจะ 9 เดือนถึง 1 ปี
แต่ช่วงนี้สถานการณ์โควิดมันจะทำให้การทำงานล่าช้าลงไปหรือเปล่า แต่พอถูกถามแบบนี้ก็ตื่นเต้นนะว่าถ้าเรากลับไปเล่นละครอีกทีตอนนี้ คือทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอะไรหลายๆ อย่าง นอกจากจะต้องปัดฝุ่นฝีมือของตัวเองแล้ว ก็ยังต้องปรับตัวในแง่ของการทำงานอีกหลายอย่างเหมือนกัน ก็ต้องรื้อฟื้นพอสมควรเลยค่ะ ถามว่ายังไม่ทิ้งวงการถาวรใช่ไหม คือตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะรับดีกว่า แต่ก็ยังไม่คิดว่าจะไปไหน ถ้าสมมติว่าวันนึงโอกาสมันมีมาว่าเป็นเรื่องที่เราอยากเล่น หรือมันเหมาะสมกับเรา ก็มีสิทธิ์ที่จะรับเล่นค่ะ”
เผยชีวิตช่วงโควิดได้ลุยเรื่องงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
“ชีวิตช่วงนี้ก็เริ่มปรับตัวอยู่ได้หลังจากที่ต้องมีอะไรหลายอย่างในชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเมื่อปีที่แล้วนะคะ ตอนนี้ก็ค่อนข้างที่จะเข้าที่เข้าทางขึ้น ตอนนี้ก็ลุยงานค่ะ ทำงานหนักมาก โดยเฉพาะตอนที่จะทำผลิตภัณฑ์อันนี้ขึ้นมาใหม่นะคะ รวมมาถึงงานอีเวนต์วันนี้ด้วย คือค่อนข้างทำเองเยอะมากๆ ค่ะ เพราะว่าบริษัทที่ทำตอนนี้เรียกได้ว่ามันเป็นกิจการคล้ายๆ เพื่อสังคม ถึงจะยังไม่ได้จดเป็นกิจการเพื่อสังคมนะคะ แต่ว่าลักษณะการทำงานก็คือเป็นในรูปนั้น ซึ่งเราก็พยายามทำให้มันเล็กที่สุดที่จะอยู่ได้ในช่วงสถานการณ์โควิดหรือว่าเศรษฐกิจที่มันไม่ค่อยดีแบบนี้นะคะ เราก็พยายามจะให้บริษัทมันรันต่อไปของมันได้ เพราะฉะนั้นเชอรี่เองก็เลยต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นหลายเท่าเหมือนกันค่ะ
ชีวิตส่วนใหญ่ก็คือทำงาน แล้วก็มีเรียนออนไลน์ไปด้วย เพราะว่าต้องหาข้อมูลทางด้านสิ่งแวดล้อมไปด้วย การทำงานตอนนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของบริษัทสิริไทนะคะ รวมไปถึงบริษัทที่ทำเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอีกอันก็คือ little big green ค่ะ ก็จะเป็นอันที่ใช้สื่อสารในด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงได้เป็นสปีกเกอร์ไปจอยในไลฟ์ในการที่จะพูดคุยด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานด้านสิ่งแวดล้อมค่ะ ก็อาจจะมีงานพรีเซนเตอร์หรืออะไรอีกนิดหน่อยที่ได้มาแตะๆ งานในวงการบันเทิงอยู่บ้างค่ะ
แต่อย่าเรียกว่าหันมาทำธุรกิจเป็นหลักเลย เพราะสิ่งที่เราสนใจคืออยากจะสนใจในการจะแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมแบบจริงจังจริงๆ ค่ะ ก็เลยทำเป็นธุรกิจขึ้นมา เพื่อที่จะมีข้อผูกมัดให้ตัวเองในการที่จะทำมันให้ออกมาเป็นเรื่องจริงจัง ให้มันไปได้ อยู่ได้จริงๆ และอยากจะขยายสิ่งที่เราสนับสนุนชุมชนให้มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำเท่าที่กำลังเราไหว ไม่อยากจะทำอะไรที่มันใหญ่โตเกินไป เกินแรงของเราหรือจะทำให้เราเป็นภาระหนักมากจนต้องกลุ้มใจว่ามันต้องรันธุรกิจไปให้ได้ ก็ไม่อยากกดดันตัวเองขนาดนั้นค่ะ”
บอกตอนนี้หัวใจยังว่าง ไม่ปิด แต่ไม่มีเวลาศึกษาใคร
“หัวใจตอนนี้แข็งแรงดีค่ะ (หัวเราะ) ในเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ที่เคยคบมาในอดีตพอเปลี่ยนสถานะกันไป แต่ว่าเราก็ยังพูดคุยกัน เป็นพี่น้องที่ดีมากๆ และห่วงใย เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีคนนึงในการให้คำปรึกษา แต่ก็มีระยะพอสมควรที่เราอยู่กันประมาณนี้มันโอเค เพราะฉะนั้นตอนนี้ถามว่าความรักมีใครไหม ก็ไม่ได้มีใครเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีเวลาคิดด้านนี้ (ยิ้ม)
คือพอถามขึ้นมาเราไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เพราะทำงานค่อนข้างหนักจริงๆ ค่ะ และคิดเรื่องงานตลอด มันเหมือนพอทำงานเยอะ คิดเยอะมันก็เลยไม่มีเวลาคิดเรื่องอย่างนั้น แล้วเวลาที่เราอยากจะพักผ่อนจริงๆ เราก็จะตัด อยากจะเล่นดนตรี เล่นกีต้าร์ เล่นเปียโน อ่านหนังสือ รดน้ำต้นไม้ของเราไป ที่มันเป็นการรีแลกซ์จริงๆ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าตอนนี้ขาดอะไร หรือต้องการอะไรในแง่มุมของความรักนะคะ แต่ไม่ได้ปิดความรู้สึกนะ เพียงแต่ว่าถ้ามันถึงเวลามันก็อาจจะถึงเวลาค่ะ
ถามว่าชินกับการอยู่คนเดียวไหม จริงๆ ก็เป็นคนอยู่คนเดียวด้วยแหละ มันก็เลยรู้สึกโอเคมาก ชอบความสงบค่ะ มีคนเข้ามาไหมเหรอ ก็ไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า เพราะส่วนใหญ่ด้วยความที่เราโตแล้ว คนที่เข้ามาก็จะไม่เหมือนสมัยเราเด็กๆ ที่เข้ามาจีบ ตอนนี้มันจะเป็นลักษณะที่คุยงาน หรือถามเรื่องธุระซะมากกว่าค่ะ”