“ก็อต อิทธิพัทธ์” ยันลบรอยสักเอง ริชชี่ไม่ใช่คนที่สั่ง รับเป็นหนุ่มคลั่งรัก แต่ระมัดระวัง เพราะเป็นแฟนคนแรกของริชชี่ แฮปปี้มากตามรับส่ง เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
ออกอีเวนต์ครั้งแรกหลังเงียบมานาน ทำเอา “ก็อต อิทธิพัทธ์ ฐานิตย์” ยอมรับว่าดีใจ ตอนนี้พร้อมลุยงานแล้ว พร้อมยอมรับเป็นหนุ่มคลั่งรัก อินเลิฟ “ริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส” หนักมาก
“ก็ดีใจครับ ไม่ได้มีภาพนี้นานมากๆ แล้ว แต่เสียดายที่วันนี้ แฟนคลับเขาก็ไม่ทราบกัน เพราะงานมันไพรเวตนิดหนึ่ง แต่งานต่อไปน่าจะพร้อมเจอแฟนคลับแล้ว งานก็ติดต่อมาเรื่อยๆ นะครับ แต่เป็นรูปแบบใหม่ เป็นไลฟ์บ้าง แต่ก็พร้อมลุยงานครับ หยุดมานานขนาดนี้ ต้องพร้อมแล้วครับ แต่ก็ยังต้องเว้นระยะอยู่ เอาจริงๆ มันเหมือนจะดีขึ้นนะ แต่เราก็ต้องเซฟตัวเองด้วย”
รับเป็นหนุ่มคลั่งรักจริง
“จริงครับ (ยิ้ม) ไม่เถียงเลยครับ เอาจริงๆ คือตอนแรกก็ไม่คิดว่าตัวเองจะคลั่งรักขนาดนี้ แต่คือบางทีเราไปทำงาน ทำอะไร เราก็จะพูดถึงเขาถึงเขาตลอด แล้วภาพที่ออกมาก็กลายเป็นว่า โห เราพูดถึงเขาตลอดเลย เรื่องการดูแลก็ดูแลทั่วไปแหละครับ เหมือนที่คนรักกันเขาทำกัน เพื่อนๆ ก็แซวเยอะนะครับ ช่วงที่ถ่ายละครแล้วเราเปิดตัวใหม่ๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ในกอง หรือว่าคนที่แสดงด้วยกัน เขาก็จะแซว ว่าเดี๋ยวนี้เล่นแต่ติ๊กต๊อกนะ ไปไหนมาไหนก็จะอยู่แต่กับริชชี่ตลอด ส่วนที่คนบอกไม่ควรมีคนเดียวก็ขอบคุณครับ”
เล่าฟิลลิ่งจากเพื่อนเป็นแฟน
“ผมว่ามันใช้เวลามากกว่า มันเดินทางกันมานานมากๆ กว่าจะมั่นใจ แล้วเราก็ใช้เวลาคุยกันมาหลายปีอยู่ครับ จากเพื่อนร่วมงาน (แล้วเป็นแฟนกี่ปี?) จริงๆ ก็คุยกันมา คบกันมา ไม่ได้นับเลย ก็เป็นปีแหละครับ”
ริชชี่เขินที่ตนคลั่งรัก กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ต้องระวังการแสดงออก
“(หัวเราะ) ก็ปกติทั่วไป เหมือนคนที่รักกัน แต่ว่าบางโมเมนต์ก็อาจจะรู้สึกใหม่สำหรับเขา เราเองก็เซอร์ไพรส์เหมือนกัน ที่เขารู้สึกแบบนี้ ก็เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เราเป็นแฟนคนแรกของเขา ก็ระวังแน่นอนครับ เดี๋ยวคุณแม่เขาว่าครับ คุณแม่เขาก็ติดตามอยู่ เราก็ต้องมีระยะบ้าง พอประมาณ พอดีๆ”
ห่วงไม่อยากให้นั่งแท็กซี่ ต้องรับส่งตลอดเวลา
“คือจริงๆ เรื่องราวมันเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเจอผมอีก แล้วตอนแรกเขาเล่าให้ฟัง ผมก็คิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรมาก แต่พอได้มาถามจริงๆ มันเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างซีเรียส อย่างเราเป็นผู้ชาย ไปไหนมาไหนมันก็ไม่ต้องระวังอะไรเท่าไหร่ แต่ผู้หญิงเดินทางคนเดียว ไม่ค่อยชินทางในกรุงเทพฯ ก็อาจจะตกใจหรือกลัวได้ คือน้องเขานั่งแล้วแท็กซี่พาอ้อม เขาก็เลยรู้สึกแบบจะเกิดอะไรขึ้นต่อหรือเปล่า
เราก็เลยไปรับส่งครับ เป็นแกร็บ ไม่คิดค่าส่งด้วย ก็ถ้าผมว่างจากการทำงาน ก็จะไปคอยรับส่งเขาอยู่แล้ว เพราะบางโลเกชั่นมันค่อนข้างไกล แล้วเขาไม่ได้ขับรถ บางทีก็จะมีพี่สาวไปส่ง บางทีไปเอง เราก็รู้สึกว่ามันอันตราย บางทีข้ามจังหวัด เราก็อาสาไปรับไปส่ง
เขาไปไหนมาไหนถามว่าต้องรายงานเราไหม จริงๆ มันก็ไม่ได้ขนาดนั้นนะครับ เพราะส่วนใหญ่ไลฟ์สไตล์ของเราสองคนช่วงนี้ มันก็คล้ายๆ กัน ต่างคนก็ต่างทำงาน ไม่ทำงานก็พักผ่อน (ต้องตามไปดูแลในกองถ่ายด้วยไหม?) ไม่ถึงขนาดนั้นครับๆ เราจะถามมากกว่า ว่าอยู่ไหนแล้ว ถ่ายถึงไหน กลับได้ไหม มีรถมารับใช่หรือเปล่า ทั่วไปครับ”
ปัดริชชี่สั่งลบรอยสัก
“จริงๆ ไม่ได้มาจากเขาหรอกครับ ตอนแรกตัวผมเองลบมาแล้วครึ่งหนึ่ง เราลองดูว่าเทคโนโลยีมันเป็นประมาณไหน พอลบแล้วฝั่งหนึ่งมันเกลี้ยง มันเห็นผลเลย พอไปทำงาน ไปถ่ายละคร บางทีมีซีนที่ต้องถอดเสื้อ เราก็รู้สึกว่าการกลบรอยสักเพื่อเข้าซีนมันใช้เวลามาก เราสงสารช่างเสื้อ สงสารกอง สงสารตัวเองด้วย ก็เลยตัดสินใจว่าลบอีกข้างเลยดีกว่า ทั้งหมดทั้งตัวเลย ถามว่าเจ็บไหม โห เจ็บมากครับ แต่ผมว่ามันต่างกัน”
หวานใจชอบคนมีรอยสัก
“จริงๆ เขาบอกว่าเขาชอบคนมีรอยสักนะ แต่ว่ารอยสักผมเอง เราสักตั้งแต่เด็กๆ มันก็เลือนลางแล้ว ตอนนี้เราผอมๆ แห้งๆ โตมาเล่นฟิตเนส รอยสักมันก็เริ่มแตก ไม่ค่อยสวย ก็เลยตัดสินใจลบดีกว่า แต่เขาก็แล้วแต่เรา อยากทำอะไรทำ ก็แค่มองอนาคต ว่าถ้ายังจะทำงานตรงนี้อยู่ รอยสักมันก็อาจจะเป็นปัญหาในการทำงาน ถามว่าจะสักอีกไหม จริงๆ ก็อยากนะ เป็นคนชอบ แต่พอลบขนาดนี้แล้ว ให้ไปสักอีกก็เหนื่อยแล้วครับ เจ็บด้วย พอแล้วดีกว่า ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการลบอยู่ครับ”
ไม่มีปัญหาเปลี่ยนผู้จัดการ
“จริงๆ ผมว่ามันไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องของการทำงานหรือโน่นนี่นั่น ผมว่าการทำงานตรงนี้ เรามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นตลอดเวลาอยู่แล้ว มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องปัญหาหรอกครับ ถามว่าทำให้งานเราสะดุดไหม มันไม่ได้มีผลขนาดนั้นหรอกครับ เพราะอย่างบางงาน เราก็ยังทำงานด้วยกัน เพราะเราก็คุยกันตลอดเวลาอยู่แล้ว เรื่องของงาน ก็อาจจะเป็นเรื่องคิว หรือคอนดิชั่นต่างๆ ที่มันต่างกันก็อาจจะไม่ได้ทำด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่เราก็ยังทำงานด้วยกันได้ครับ หมายถึงว่ายังร่วมงานกันได้ปกติอยู่แล้ว ไม่มีปัญหากันเลยครับ (แยกออกมาด้วยดี?) ใช่ครับ ด้วยดีไม่ได้มีปัญหาอะไร”
