“วิล สมิธ” ยอมรับว่าเขาหมดความน่าเชื่อถือในสายตาลูกชาย “เจเดน สมิธ” ไปมาก หลังสร้างหนัง After Earth เพื่อแสดงกับลูกแต่สุดท้ายกลับล้มเหลวในทุกด้าน จนสุดท้ายทำให้ “เจเดน” เลือกที่จะไปใช้ชีวิตอย่างอิสระ และไม่ต้องการการชี้นำจากเขาอีกต่อไป
After Earth เป็นหนังที่ วิล สมิธ สร้างเพื่อที่จะแสดงกับลูกชาย หนังเล่าเรื่องในโลกอนาคต ที่พ่อผู้แข็งกร้าวกับลูกชายวัยรุ่น ต้องร่วมมือกันเอาตัวรอด หลังยานอวกาศที่ทั้งคู่เดินทางมาตกลงมาบนโลก ที่แทบไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่อีกแล้ว และเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดสุดอันตราย
แต่สุดท้ายหนังเรื่องนี้ที่กำกับโดย เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน กลับล้มเหลวทั้งเรื่องรายได้และคำวิจารณ์ และกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ วิล สมิธ หมดความน่าเชื่อถือในตัวลูก
พระเอกวัย 53 ปี บอกว่าเขาแทบจะหัวใจแตกสลาย เมื่อลูกตัดสินใจที่จะจะย้ายไปอยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่อายุ 15 ปี และยังขออำนาจในการตัดสินใจหลายเรื่องด้วยตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นด้วย
“After Earth ล้มเหลวอย่างรุนแรงในบ็อกซ์ออฟฟิศ และ คำวิจารณ์ก็แย่มากๆ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือผลกระทบต่อ เจเดน ทั้งคนดูและสื่อเหี้ยมกันสุด ๆ พวกเขาเขียนและเผยแพร่ สิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับ เจเดน แบบที่ผมไม่สามารถเอามาพูดซ้ำได้เลย”
“เจเดน ทำทุกอย่างที่ผมแนะนำให้ทำอย่างเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าผมกลับเป็นคน ชี้แนะให้เขาทำในสิ่งที่สุดท้ายแล้วทำให้ตัวเองโดนขย้ำอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน”
วิล สมิธ เล่าเรื่องนี้ในหนังสือบันทึกส่วนตัวที่ชื่อว่า Will ซึ่งเขายอมรับว่าไม่เคยพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับกระแสแง่ลบต่าง ๆ ที่ลูกเจอ แต่ก็เชื่อว่าลูก “หมดความเชื่อใจ” ในความเป็นผู้นำของพ่อไปไม่น้อยจากหนังเรื่องนั้น
“เราไม่เคยคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมรู้ว่าลูกรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง เหมือนรู้สึกว่าถูกชี้นำให้ทำในสิ่งที่ผิดพลาด หมดความเชื่อใจในการเป็นผู้นำของผม ตอน เจเดน อายุ 15 ปี เขาขอไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง หัวใจผมแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ลูกตัดสินใจที่จะเริ่มต่อต้าน มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก เมื่อเรารู้สึกว่าเรากำลังทำให้ลูกเสียใจ”
วิล สมิธ บอกว่าเขาพร้อมจะเปิดใจถึงทุกเรื่องในหนังสือเล่มนี้ ในการให้สัมภาษณ์กับโอปราห์ วินฟรี เขายังบอกด้วยว่า “ผมอยากจะพูดความจริง อยากจะให้ทุกคนได้รับรู้ ถึงสิ่งที่แบกมาทั้งชีวิต ที่ไม่เคยพูดต่อหน้าสาธารณะมาก่อนเลย”
