xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฎฐ์” ดีใจ ได้เพื่อนคืน! ปิดฉากความบาดหมาง 6 ปี ปัดไม่อยากเป็นคนไทย เตรียมพาลูกย้ายไปอเมริกา ได้สัญชาติแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ณัฎฐ์” กอดคอคืนดี “เชน ณัฐวัฒน์” ปิดฉากความบาดหมาง 6 ปี เผยไม่พูดเรื่องเก่าๆ ขอจบอดีต ขอโฟกัสที่อนาคต โตๆ มีครอบครัวกันหมดแล้ว รับตัดสินใจให้ลูกสาวไปเรียนที่อเมริกา เปลี่ยนสัญชาติอเมริกา บอกไม่ใช่ไม่อยากให้เป็นคนไทย แต่อยากให้ได้ประโยชน์กับชีวิต ขณะที่ตนก็เล็งเปลี่ยนสัญชาติตามลูก

หลายคนดีใจหลังได้เห็นภาพที่อดีตเพื่อนรักอย่างหนุ่ม “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” และ “เชน ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์” กลับมาถ่ายรูปร่วมเฟรมเดียวกันอีกครั้ง เพราะหลังจากที่หนุ่มเชนประกาศตัดความเป็นเพื่อนกันไปนานกว่า 6 ปี สาเหตุก็เพราะณัฎฐ์ไปคบหากับอดีตแฟนสาวก็คือ “นาน่า ธันยา เมี้ยนมนัส” ซึ่งภายหลังก็ได้แต่งงานกับณัฎฐ์และมีลูกสาวสุดน่ารัก “น้องเนล่า” แต่หลังจากเรื่องราวผ่านไปนานตอนนี้ทั้งคู่ก็กลับมาเป็นเพื่อนรักกันอีกครั้ง จนมีภาพที่หลายๆ คนเห็นแล้วก็แสดงความยินดีกันยกใหญ่

“จริงๆ แล้วต้องบอกว่าเหมือนผมไม่เคยคิดโกรธอะไรเขาเลย แต่ว่าเราก็เข้าใจทำไมเขาถึงโกรธเรา แต่เรื่องมันผ่านไปแล้วเราไม่พูดถึงตรงนั้น เราพูดถึงตั้งแต่แต่งงานเขาก็แสดงความยินดี เริ่มกลับมาคุยกัน เรื่องเก่าๆ เราไม่พูดถึง โฟกัสเรื่องใหม่ๆ ดีกว่า ตอนนี้เราก็มีลูกครอบครัวแฮปปี้แล้ว เขาก็ยินดีกับเรา เราก็ดีใจที่เขายินดีกับเรา แล้วเราก็ยินดีกับชีวิตเขา ตอนนี้เขากับแพร พรรัมภา ก็กำลังรักสุขงอม แล้วเราก็เชียร์ๆ อยู่ อยากให้เขามีความสุข

มีนักข่าวติดต่อมา ภรรยาผมก็ปฏิเสธไป ว่ามันไม่มีอะไรหรอก อย่าไปบิวต์ให้มันเป็นข่าวเยอะ ก็ขอให้ทุกคนยินดีว่าจริงๆ แล้วคนทะเลาะกันกลับมาคืนดีกันมาคุยกันได้ เราก็โตกันทั้งคู่แล้ว ผมว่าผมเองและเชนก็คงคิดอะไรได้ในเรื่องนี้ เราก็ขอโทษกันแล้ว แล้วก็จับมือกัน กอดกันแล้ว เราก็รู้สึกว่าดีใจที่เราเคลียร์ตรงนี้ไปได้ มีครอบครัวกันแล้ว แล้วเชนก็กำลังจะมีครอบครัวก็อยากให้เขามีความสุขและครอบครัวดีๆ ครับ

จะมีไปเที่ยวกันระหว่างครอบครัวไหมเหรอ จริงๆ แล้วบ้านแม่คุณเชนอยู่ในซอยบ้านเดียวกับแม่ผม ก็ไม่รู้ครับเป็นเรื่องของอนาคตถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกัน จริงๆ แล้วเพื่อนๆ ก็กลุ่มเดียวกันที่รู้จัก ถ้าในอนาคตมีโอกาสก็ไปได้ เพราะล่าสุดเขาก็มาเล่นกับลูกเรา แล้วก็มาเขียนคอมเมนต์ในไอจีว่าพี่เชนนะ พี่เลยเหรอ ก็ขำๆ ไป จบอดีต โฟกัสที่อนาคตดีกว่ามันไม่มีอะไรครับ โตๆ มีครอบครัวกันหมดแล้ว”

แพลนส่งลูกเรียนที่อเมริกา พร้อมขอสัญชาติอเมริกันด้วย
“ที่เคยลงในไอจีว่าอยากให้ลูกเรียนที่ต่างประเทศ จริงๆ มันไม่เกี่ยวว่าเราไม่รักเมืองไทย เรารักเมืองไทย เราอยากอยู่เมืองไทยอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องของการศึกษามันสำคัญ แล้วคุณนาน่าเองเกิดและโตที่อเมริกา เรียนจนถึงประมาณ 7-8 ขวบ แล้วก็กลับมาเมืองไทย ผมเองก็เรียนเมืองไทยถึงประมาณ 12-13 ก็ไปเรียนอเมริกา มันก็เลยมีความคล้ายกันในเรื่องของการใช้ชีวิตต่างแดน เราก็ได้เห็นสังคม ความคิดและรวมถึงหลายๆ อย่างที่มันดีในต่างประเทศ และเราคิดว่ามันน่าจะเป็นสภาวะแวดล้อมที่เราอยากให้ลูกโต

แล้วก็ถ้าเรามีทางเลือกคือด้วยความที่คุณนาน่าเป็นสัญชาติของอเมริกาอยู่แล้ว ก็สามารถให้ลูกเป็นได้ เราก็ทำตามเอกสารปกติ ยื่นเมืองขอให้ลูกเป็นสัญชาติของอเมริกา คือไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ลูกเป็นคนไทยนะ เพียงแต่ว่าถ้ามีโอกาสไปแล้วเขาได้ประโยชน์กับชีวิต เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แล้วผมอยากให้ลูกได้โตในเมืองนอกที่ไม่มีกรอบสังคมว่าเขาจะต้องเป็นอะไร หรือเป็นลูกใคร หรือเขาจะต้องทำอาชีพอะไร อยากให้เขาโตมาเป็นเด็กที่โตมาแบบธรรมชาติ เขาอยากจะเป็นอะไรก็ได้โดยที่ไม่ต้องคำนึงว่าเขาเป็นลูกใคร

ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้เราก็ต้องเคลียร์งานแล้วก็เก็บเงินอีกสักประมาณ 4 ปี ตามแผนที่วางไว้ ถ้าถึงเวลาจริงๆ ก็คงเอาเขาไปเรียนที่โน่นจนถึงประมาณ 4-8 ขวบ ตามที่ตั้งใจไว้ พอถึงตรงนั้นเขาก็จะได้ภาษาและความคิดในแบบของชาวต่างชาติ แต่ก็ยังไม่ลืมความเป็นไทย เราก็จะเอาเขากลับมาช่วงนั้น คงกลับมาเรียนเมืองไทย ได้ภาษาไทย คงความเป็นไทยอยู่

กลัวลูกปรับตัวไม่ได้ไหมเหรอ ไม่กลัวเลยครับ เพราะเด็กปรับตัวได้อยู่แล้ว เราเคยไปเรียนเมืองนอก เรารู้ว่ายิ่งไปอายุน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเขาจะได้เรื่องภาษา ความคิด และได้เติบโตในสภาวะอาหารการกินเราต้องรู้สึกว่าโอเค มันอาจไม่สู้เมืองไทยหรอก เพราะของเมืองไทยอร่อยสุดแล้ว คือจริงๆ ผมกับภรรยารักอาหารไทยมาก อย่างเดียวที่ตะขิดตะขวงใจเลยก็คือเรื่องการกิน แต่ว่าพอเราคิดเรื่องลูกเอามาเป็นสำคัญเรื่องลูกก็ชนะไป อย่างที่บอกคือเราก็นึกถึงความเสียสละของเรา งานก็อยู่ตัวแล้ว ต่อให้เราหยุดงานในวงการไปสัก 4-5 ปี เรากลับมาอีกทีถ้าเราดูแลตัวเองอยู่แล้ว รักษามาตรฐานตัวเองไว้ ผมก็เชื่อและหวังว่ามีคนจ้างอยู่ (หัวเราะ)”

วางแพลนเปลี่ยนสัญชาติด้วย แต่ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
“น่าจะเป็นเกี่ยวกับต้นไม้หรืออาหาร เพราะว่าทางบ้านคุณนาน่าเขาทำสวนกล้วยไม้อยู่แล้ว เขามีสวนกล้วยไม้ที่เมืองไทยแล้วก็ที่ไมอามี่ ส่งออกก็คือจากเมืองไทยไปที่อเมริกา มีธุรกิจคือเราไม่ได้ไปเริ่มที่ศูนย์ เพราะฉะนั้นเราไม่ได้กังวลว่ามันจะยากหรือว่ามันจะเหนื่อยไหม มันเหนื่อยอยู่แล้ว เราไปแบบโนบอดี้ อยู่เมืองไทยเราเป็นนักแสดง เรามีชื่อเสียง เราทำอะไรง่ายอยู่แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องย้ายตัวเองไป แต่หลักๆ เพื่อลูก ไม่ได้คิดถึงตัวเอง แต่อยากให้ลูกได้เติบโต และได้ความคิดเปิดประสบการณ์ด้วย

ตอนนี้ลูกได้สัญชาติครับ ก็แพลนไว้อีกสักประมาณ 4 ปี คือตอนแรกกะว่าจะไปเลย เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นยังไง แต่ว่าที่มันยังไปไม่ได้คือเราติดงานที่รับไว้แล้ว เราก็ต้องรับผิดชอบงานเราให้เรียบร้อยก่อน แล้วเราก็คิดว่าจะรีบไปทำไมในเมื่อเขายังไม่ได้เข้าโรงเรียนอยู่แล้ว ก็เลยงั้นเราวางแผนก่อนแล้วกัน ช่วงนี้รับงานเต็มที่ ส่วนหนึ่งจัดการเอกสารให้เรียบร้อยไปทีเดียว แต่ผมยังไม่ได้ขอสัญชาติ ถ้าผมมีสัญชาติผมต้องเสียภาษีสองทาง ก็รอใกล้ๆ ไปก่อน รอให้เราเคลียร์ทุกอย่างที่เมืองไทยให้เรียบร้อยก่อน แล้วก็ดูสถานการณ์ ณ ตอนนั้นนิดนึง”

เรื่องการเปลี่ยนซึ่งสัญชาติของผม จริงๆ ตามหลักกฎหมายมันถือสองสัญชาติไม่ได้ คือเลือกสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง แต่เดี๋ยวต้องดูอีกทีว่าถ้าเกิดสมมติไปที่โน่นแล้วอาจจะไม่เปลี่ยนครับ ผมอาจจะขอแค่กรีนการ์ดแทน เพราะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสัญชาติ ผมเป็นคนไทย เราก็เป็นคนไทยเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเราขอกรีนการ์ดเพื่อเข้าประเทศง่ายขึ้น”









กำลังโหลดความคิดเห็น