น่าโมโห “สิตางศุ์” ยัวะถูกครหาหลอกเด็ก แม่ลูกบุญธรรมฟ้อง รายการดังหลอกให้ไปโดนชี้หน้าด่า ทนายจี้กลางรายการ จวกใครความคิดต่ำ ใครเก๋า ต้องเจอต่อหน้าจะเตะให้ร่วง ลั่นต่อสู้เพื่อให้ลูกบุญธรรมเป็นผู้ชายปกติ ไม่ใช่ลูกที่ปัญญาอ่อนของแม่ ร้องกรี๊ดปีนี้ถูกตราหน้าเป็นแมงดา ไม่อยู่แล้วเมืองไทย เตรียมไปหาเงินที่พนมเปญ
กลายเป็นประเด็นดรามาไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับกรณีที่ “นางวรรณา”แม่แท้ๆ ออกมาฟ้องหมิ่นประมาท “สิตางศุ์ บัวทอง” เน็ตไอดอลคนดัง พร้อมประกาศทวงลูกคืน โดยอ้างว่าถูกเน็ตไอดอลคนดังโจมตีทำให้เสียหาย จู่ๆ ก็รับลูกตนเป็นลูกบุญธรรมแล้วพาไปบวช โดยไม่ถามพ่อแม่สักคำ ทั้งที่ลูกชายมีอาการป่วยพิการทางสมอง ล่าสุดสิตางศุ์ได้เผยถึงเรื่องนี้อีกครั้ง
“ตอนนี้ไม่ได้อยากเป็นฟ่านปิงปิงนะ คือใครมาว่าอะไรเราก็เป็นตามนั้น มาด่าอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น ด่าเป็นคนบ้า แม่ก็ปล่อยคลิปร้องไห้หน้าพระ ด่าว่ามั่ว ก็เรียกพวกดีเจมาถอดเสื้อผ้ากอดกัน คือจะด่าอะไรฉันอีก ฉันเลวไม่ทัน ด่าเดือนละอย่างได้ไหม ตอนนี้โดนด่าเป็นแมงดาแล้วค่ะ หาว่าเป็นพ่อไอ้ตี๋น้อย (ลูกบุญธรรม) ไปซ้อมแม่ตัวจริงตี๋น้อย เพราะในรายการถกไม่เถียง หลอกเราไปนั่งให้โดนชี้หน้าด่า การที่ไม่ด่ากลับ กลายเป็นผู้ชายค่ะ กลายเป็นว่าฉันเป็นผัวของคนที่มาชี้หน้าด่า ก็ดี เป็นอะไรอีกล่ะ เป็นนักโทษก็แล้ว ฆาตกรก็แล้ว ปีนี้เป็นแมงดา โอ้ย ฉันร้องกรี๊ดเลย ไม่อยู่แล้วนะ เพราะเป็นอะไรให้พวกมึ_ไม่หมด”
ไม่เคลียร์แม่แท้ๆ แถมโวยได้สิทธิ์ความเป็นแม่ตลอดชีวิตน่ะใช่ แต่ไม่ใช่สิทธิ์การครอบครอง
“ไม่เคลียร์ เพราะเราไม่รู้จักเขา เขาจะติดต่อสื่อสารผ่านลูกเขา ลูกเขาอายุ 23 เราก็เลยไม่ได้เช็กประวัติ คนมาสมัครงานอายุ 23 ต้องไปขอใบอนุญาตผู้ปกครองนะ ไม่ใช่ครอบครอง เข้าใจเสียใหม่ ฝากทนายแก้วด้วยในรายการ สิทธิ์ความเป็นแม่ตลอดชีวิต ใช่ แต่ไม่ใช่สิทธิ์การครอบครองค่ะคุณ เดี๋ยวจะไปหาคุณทนายที่สมาคมพรุ่งนี้ค่ะ
เรื่องคดีก็ไม่รู้เรื่อง เขามาสมัครงานอายุ 23 แล้ว เราต้องไปเช็กประวัติไหม เราก็ขอแค่ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน จบ แล้วทีนี้มันเป็นความต่อเนื่อง ที่รับเป็นลูกเพราะเขาเห็นผีเหมือนเรา รับเป็นลูกเพราะมันสื่อกันทางวิญญาณ คือใครไม่รู้ก็ช่างเขา เราไม่ต้องการให้ใครรู้หรือไม่รู้ เชื่อหรือไม่เชื่อ ฉันจะเป็นคนดีหรือคนเลว ก็ไม่เคยไปด่าใครเลย อยู่ๆ ก็โดนชี้หน้าด่า โดยที่รายการไม่รับผิดชอบ ไม่ควรนะคุณ
การดีเบตเนี่ย ต้องบอกฉันก่อน แล้วทนายก็มาบี้ เหมือนอยู่หน้าบัลลังก์ ทำไมฉันไม่ปล่อย ทำไมฉันไม่สอน ขอโทษที ฉันทำมาหากิน ช่วยเหลือคน ออกหน้าสื่อไม่ได้สร้างภาพ ถ้าใช้เงินตัวเองก็อาจจะบอกนักข่าวหน่อย ว่าเงินกูนะ กูเอาไปช่วยตรงนี้ แล้วทำไมล่ะ ฉันต้องมาถูกด่า โดยที่ฉันรับลูกบุญธรรม เขาไม่ใช่เด็กนะ เขาเป็นหนุ่ม แล้วเขาก็พร้อมจะมีครอบครัว
เอาง่ายๆ ตี๋น้อยเขาต้องการเป็นผู้ชายปกติ แล้วแม่ผู้ให้กำเนิด มาแฉลูก ว่าลูกปัญญาอ่อน เป็นจิตเวช แล้วทนายเสริม พิธีกรส่ง ฉันก็ต้องโวยวายแล้วแหละ คือใครคอมเมนต์ว่าฉันเสียมารยาท ด่าฉัน ฉันชี้หน้าด่านะ เข้าไปดูเลย ถกไม่เถียง”
เผยถูกอีกฝ่ายแจ้งความ หมิ่นประมาททางโซเชียล ซัดไม่ใช่กะเทยโรคจิต สมเพชถูกกล่าวหาใช้อำนาจครอบงำลูกบุญธรรมมาหวังเพิ่มยอดสร้างคอนเทนต์
“เขาแจ้งความไว้ ที่สน.หลักสอง เราก็ไปรับทราบข้อกล่าวหา เขาแจ้งว่าเราไปหมิ่นประมาททางโซเชียล เอาหน้าข่าวที่เราให้สัมภาษณ์ ในวันปิดกล้องหนังหอแต๋วแตกไปแจ้ง เราก็ไม่ได้ซีเรียสว่าโดนแจ้งข้อหา เพราะคนอ่านข่าวก็รู้ ว่าวันนั้นมันเป็นการตอบคำถาม เป็นเหตุผลที่รับตี๋น้อยเข้ามาในบ้าน
แล้วคุณทนายก็มาถาม ว่าบ้านแม่มีกี่คน ดิฉันไม่ใช่กะเทยโรคจิตหรือว่ากินเด็กนะ ดูหน้างานด้วย ถ้าอยากได้เรื่องพวกนี้ ไม่ต้องไปหลอกเด็กปัญญาอ่อน ทีนี้ทางรายการก็ตกใจ เพราะหนังคนละม้วน ไปแจ้งความ ว่าเราใช้อำนาจครอบงำบงการ เอาไปทำคอนเทนต์บวช เราเป็นเน็ตไอดอลมาตั้งนาน หนีมา 5 เฟซก็ 8 แสนกว่า ติ๊กต๊อกก็คนตาม 6 แสนกว่า จะต้องมาอาศัยเด็กที่มาอยู่บ้าน เพื่อสร้างคอนเทนต์เพิ่มยอดเหรอ อุ๊ย…ถอนสายบัวลาเลยนะเนี่ย ฟังแล้วสมเพช ตี๋น้อยเขาจัดการของเขาเอง เพราะเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่แม่เขาต้องการให้เขาเป็นเด็กปัญญาอ่อน”
เตรียมร้องขอความเป็นธรรม ลั่นจะสู้เพื่อให้ตี๋น้อยเป็นผู้ชายปกติ ไม่ใช่ลูกที่ปัญญาอ่อนของแม่
“พรุ่งนี้จะไปขอความเป็นธรรม ตามหน่วยงานที่ออกบัตรผู้พิการ คือเขายกเลิกบัตรไปแล้ว แต่หน่วยงานออกให้ แล้วเอาไปโชว์ในรายการ แถมไม่ปิดหน้า ถามว่าสติสัมปชัญญะของตี๋น้อย คือเหมือนคนปกติทั่วไปไหม ก็ไม่รู้แหละ แต่ไปดูในรายการได้ เขาตอบรู้เรื่องกว่าทนายกว่าแม่เขาอีก
ถามว่าตอนนี้ตี๋น้อยอยู่กับเราไหม ก็อยู่ แต่คือถ้าเขาเจอผู้หญิงดีๆ สักคน เขาก็จะไป เข้าใจไหม ว่าเขาจะขอออกจากการเป็นเด็กปัญญาอ่อนของแม่เขา ฉันต่อสู้ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ฟ้องฉันมากี่ข้อหาก็ได้ แต่ฉันจะสู้เพื่อตี๋น้อย เพื่อให้เขาเป็นผู้ชายปกติ เขาเคยไปมีแฟน แล้วแม่เขาไปแฉอย่างนี้”
คืนลูกชายให้แล้ว อยู่ที่อีกฝ่ายจะเอาโซ่มาล่ามหรือไม่
“ฉันให้คืนในรายการแล้ว แต่เขาไม่ได้เอาถุงเอาตะกร้ามาใส่ คือการคืนตี๋น้อย เขาต้องเอาโซ่มาล่าม เพราะมันต้องลากไปแบบทาส ตี๋น้อยมันบอกว่า มันรู้สึกเหมือนเป็นทาส เขาไม่ได้อยากกลับไปในครอบครัวเขา แม่คือเป็นการรับเคสช่วยเหลือ แต่แม่ตี๋น้อยโทร.มาด่าตั้งแต่วันแรก ไปแจ้งรายการว่าฉันขังไว้ คือแต่งเรื่องทั้งหมด เราไม่ได้อยากฟ้องกลับใคร เพราะไม่อยากให้บาปตกอยู่ที่ตัวเด็ก ทนายที่มาพูดว่า สิทธิ์ความเป็นแม่ตลอดชีวิต ใช่…แต่มันไม่ใช่สิทธิ์ครอบครอง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปชี้แจง เพราะคุณทนายบี้แม่ในรายการ ความจริงไล่ออกจากบ้านตั้งนานแล้ว เพราะแม่เขาพี่ชายเขาโทร.มาเสียงดัง บ้านฉันอยู่กันเงียบๆ ถามว่าเขาทำหน้าที่อะไร ก็คือแล้วแต่เขา อยากล้างจาน ถูบ้าน ไหว้พระ ตอนนี้เขาจะนั่งสมาธิ”
ไม่เสียใจถูกกล่าวหาหลอกเด็ก ชินกับคนความคิดต่ำ เก๋าจริงเจอต่อหน้าจะเตะให้ร่วง
“เรื่องเสียใจไม่มีนะ ชินกับคนความคิดต่ำมาเยอะแล้ว เพราะเรารู้อยู่ ว่าสภาพสังคมเรา มันขี้อิจฉากัน แม่เข้าใจ แต่ถ้าเก๋าจริง เจอต่อหน้ากูจะเตะให้ร่วงเลย แม่ไม่มีคำอธิบายนะ เพราะแม่ไม่ใช่คนดี แล้วไม่ต้องการเป็นคนดีด้วย แต่เดี๋ยววันที่ 6 นี้ จะไปดูแลเด็กหญิงที่บ้านราชวิถี 330 คน ต่อไปก็จะช่วยเหลือแต่เด็กหญิงแล้ว ช่วยเหลือเด็กชายเดี๋ยวมันก็มาถามอีก ว่าเราจะเอามาทำอะไร โอ้ย มันน่าโมโหไง จะไปสนคำครหามันทำไม เจอหน้าก็เตะปากแม่-ไปสิ ไปฟ้องโซเชียลเท่าไหร่ 2 หมื่น ก็เตะปากมัน เสียหมื่นเดียว”
ไม่จำเป็นต้องรู้จักคู่กรณี
“ไม่ เราไม่รู้จักคนนี้ แล้วเราจะไม่มีวันรู้จัก เราไม่จำเป็นต้องรู้จัก คนที่ทำร้ายลูกตัวเองได้ขนาดนี้ ฉันไม่เคลียร์ ไม่อะไรทั้งนั้นแหละ เพราะฉันสู้เพื่อผู้ชายคนหนึ่ง ที่เขาจะมีครอบครัวแบบผู้ชายปกติ เขาจะลาออกจากการเป็นเด็กปัญญาอ่อนของแม่เขาได้ไหม มาด่าเขาทำไม ถ้าพวกเธอโดนบ้างแล้วจะรู้”
อัปเกรดไม่ใช่เน็ตไอดอลตลาดล่างแล้ว แพลนบินไปทำงานที่พนมเปญ
“ไม่รู้อัปเกรดหรือเปล่า แต่ก็อยู่ไทยไม่ค่อยได้แล้วแหละ เพราะสิงคโปร์ก็เพิ่งส่งแพลนมา แต่ยังไม่กล้าไป เพราะเราเป็นคนไม่เรียบร้อย เดี๋ยวไปเดินสูบบุหรี่มาเอาฉันไปตัดนิ้วหรือเปล่า กฎหมายเขาแรง ส่วนงานพนมเปญเนี่ยต้องไป เพราะทีมงาน เจ้าของแบรนด์ก็พูดไทย ก็เลยเป็นความอุ่นใจ ตอนนี้งานในไทยก็เสร็จจากหอแต๋วแตกแล้ว แล้วเดี๋ยวจะมีเรื่องต่อไปในเดือนธันวาคม เราก็ว่าจะไปสัก 15-20 วัน เพราะมันต้องกักตัวด้วย พนมเปญไม่น่ากลัว แต่เราไปจากไทยเนี่ย เขากลัวเปล่าล่ะ(หัวเราะ) อยู่ไทยยังกลัวเลย คือเขากล้าที่จะจ้าง ก็ไปเหอะ ปกติเราก็รับงานต่างประเทศอยู่แล้ว”
ปลื้มสวยขึ้นคนจำไม่ได้ จะทำอยู่เรื่อยๆ
“วันนั้นไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยว เขาก็เดินมองว่าคลับคล้ายคลับคลา ถ้าเราไม่พูดเขาก็จำไม่ได้ เพราะหน้ามันยังกำกวม ต้องผ่าตัดเปลี่ยนเสียงไหม ถามว่าจะทำอีกไหม ก็ทำเรื่อยๆ ช่วงทำก็มีน้องเขาเลี้ยงดูปูเสื่อ”