เป็นที่รู้กันดีว่าสาว “ติช่า กันติชา ชุมมะ” แชมป์ The Face Thailand Season 2 เป็นสาวมั่น ซ่า แซ่บขนาดไหน ล่าสุดเจ้าตัวได้ไปพูดคุยล้วงลึกเรื่องสุดลับผ่านรายการ Woody FM ซึ่งสาวติช่าพูดได้เต็มปากเลยว่า ช่วยตัวเองทุกวัน และแฟนหนุ่มก็รับรู้ แต่ก็ต้องผ่านการเคลียร์ใจซึ่งกันและกันในเรื่องนี้
“เวลานอนไม่หลับช่าจะคิดถึงเรื่อง Sex ก็ยิ่งนอนไม่หลับเลยทีนี้ เพราะติช่ามีความชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว แล้วหนูก็ช่วยตัวเอง ถามว่าบ่อยไหม ทุกวัน (ยิ้ม) ก็คุยกับแฟนค่ะ เป็นเรื่องที่ต้องคุย คือตอนแรกๆ เราไม่อยากบอกนะเพราะมันส่วนตัวมากๆ แต่พอเราโตขึ้นรู้สึกว่าเข้าใจตัวเอง เราคุยได้ ตอนนี้ช่ากำลังทำรายการเกี่ยวกับเซ็กซ์ Sex Education ด้วย ช่าอยากลดสิ่งที่คนตราหน้ากันที่สำคัญที่สุด ถ้าเกิดคนอยากรู้จริงเขาไปเสิร์ชดูก็รู้เหมือนกันไม่จำเป็นต้องมาดูรายการนี้ แต่สิ่งที่เราอยากให้พูดเรื่อยๆ ในเรื่อง Stigma ที่เราจะสามารถลดมันได้แค่ไหน
อย่างการมอง LGBTQ การรู้ผิดชอบชั่วดี การข่มขืน การคุกคามทางเพศ อันนี้ควรหรือไม่ควร รู้สึกว่าเราต้องพูดเรื่องนี้กันให้มากขึ้น เหมือนกับตอนแรกหลายคนจะมองตัวเองว่าสิ่งที่คุณมาตราหน้าฉัน นั่นคือสิ่งที่ฉันเป็น แต่ถ้าเกิดในใจเรารู้ว่ามันไม่ใช่ เราก็ต้องรู้อยู่ในใจค่ะ นั่นคือพาร์ตของการเป็นผู้ใหญ่ที่รู้ตัวเองซึ่งมันไม่ต้องไปนั่งอธิบายให้คนทั้งโลกรู้ แต่เมื่อก่อนต้องแก้ต่างทันที”
บอกการช่วยตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หายเครียด
“เรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องที่คนสนใจแน่นอน แต่มีหลายคนที่รู้สึกไม่สบายใจ มันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ เขาเลยคิดว่ามาแชร์อะไรที่เป็นส่วนตัวขนาดนี้ ช่ารู้สึกว่าการช่วยตัวเองเป็นสิ่งที่เราได้จับตัวเอง ฉันสบายใจสบายตัวให้ความสุขกับตัวเอง พอเราจับตัวเองแทนที่เราจะรู้สึกอาย เพราะมันเริ่มจากตอนที่เราเด็กๆ เวลาเราช่วยตัวเองแล้วผู้ใหญ่ก็บอกว่าหยุดทำนะ ทำอย่างนี้ไม่ได้ เราเลยรู้สึกว่าเป็นความน่าอายรู้สึกผิด เลยต้องแอบทำ ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงผิด
พอโตขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงรู้ว่า อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง พอเรารู้แล้วความอายทั้งหมดมันไม่ได้หายไป แต่เรารู้สึกเข้าใจ มีความรู้สึกว่าทำไมฉันถึงชอบมันทั้งๆ ที่มันผิด ชอบเหลือเกิน ฉันอยู่กับตัวเองแล้วรู้สึกผ่อนคลาย หายเครียด แต่ทำไมฉันต้องมารู้สึกผิดทีหลังด้วย มันต้องใช้เวลาในการปรับตัวเองด้วย หนูว่าเซ็กซ์เป็นการปลดปล่อยตัวเอง เรามีความสุขกัน เรามีช่วงเวลาที่ลึกซึ้งกัน
เข้าใจเลยว่าทำไมบางคนรู้สึกไม่โอเคที่จะบอกแฟนว่าคุณช่วยตัวเอง เพราะแทนที่คุณจะเอาเวลานั้นมาใช้กับฉัน ทำไมไม่มาแชร์ประสบการณ์นี้กับฉัน ทำไมต้องไปทำคนเดียว ทำไมเซ็กซ์ของเราไม่ดีพอเหรอ แล้วโทษตัวเอง ต้องหยุดคิดแบบนี้ เพราะตัวช่าเองมีบางอย่างที่ช่าชอบมากแล้วติด ช่าต้องคุยให้เคลียร์ให้เขาเข้าใจ ซึ่งตอนแรกพอคุยกับแฟนเขาก็จะบอกว่าแล้วเซ็กซ์มันไม่พอเหรอ หรือยังไง เราก็ต้องบอกว่านี่คือสิ่งที่ฉันทำส่วนตัวมันไม่ได้ผิดอะไรที่เธอเลย เราต้องอธิบายให้ชัดเจน ไม่ใช่ฉันไม่ชอบเธอ แต่มันแค่เป็นโมเมนต์ที่ฉันแค่ชอบตัวเองแบบนี้”
เผยชีวิตวัยเด็กลำบากมาก ไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อรองเท้า
“ตอนเด็กๆ เจอความลำบาก เหมือนกับว่าครอบครัวแยกทางกันก็เจอกับความยากจน ติช่าเกิดที่นครศรีธรรมราช แล้วก็ไปอยู่ที่ภูเก็ตสักแป๊บนึงซึ่งจำอะไรแทบไม่ได้เลย ซึ่งก็จำแต่สิ่งแย่ๆ ในหลายๆ ครั้ง โดนทำร้ายโดยผู้ปกครอง แล้วครอบครัวก็แตกแยกกันจึงย้ายไปอยู่ที่สกลนคร ช่าไม่ได้มีตัวเลือกไหนนอกจากใช้ชีวิตต่อ คือช่าไม่รู้หรอกว่าช่าเข้มแข็งเท่าไหร่ แต่มันเป็นทางรอดเดียว ไม่งั้น You Cannot
พอครอบครัวแยกกันก็ไปอยู่กับยาย ตอนนั้นคือจนสุดๆ ขนาดที่ไม่สามารถซื้อรองเท้านักเรียนใส่ได้ ต้องเดินเท้าเปล่า ได้ค่าขนม 3 บาทต่อวัน แต่ช่าเหลือเก็บ 2 บาททุกวัน ภูมิใจในตัวเองมาก เพราะติช่าฝึกควบคุมตัวเองตั้งแต่เด็ก ซึ่งเงินที่เก็บไม่ได้จะไปซื้อของขวัญหรือของเล่น แต่เก็บไว้โทร.หาแม่ จำได้ว่าแม่ไปอยู่ต่างประเทศแล้วเราก็โทร.ไปหาเขา ตอนนั้น 1 นาทีมันราคา 50-60 บาท แล้วช่าอยากคุยกับแม่ 3 นาทีต้องเก็บเท่าไหร่ล่ะ จึงต้องหักห้ามใจถ้ากินเยอะก็จะได้คุยกับแม่น้อยลง ช่าจึงเก็บเงินออมไว้เป็นกระปุกเลยค่ะ
แต่มีคนมาขโมยเงินด้วย เราพาเพื่อนมาเล่นที่บ้าน เขาก็เลยขโมยกระปุกเงินที่เราเก็บวันละ 2 บาท ซึ่งได้หลายร้อยมากเลย ตอนนั้นเสียใจร้องไห้เลยค่ะ ทุกความอดทนที่ฉันอดข้าวมา มันมีหลายครั้งที่มองดูเด็กคนอื่นกินขนมแล้วต้องหันหน้าหนี เพื่อที่เราจะเอาเงินไปทำสิ่งที่สำคัญกว่า ทุกอย่างที่อดทนใช้เวลานานมาก มันหายไปเลย”
เปิดปมลึกในใจกับพ่อเลี้ยง ทะเลาะกันจนโดนไล่ออกจากบ้าน
“อยู่กับยาย 3 ปีค่ะ จำได้แค่ว่าสักวันจะมีวันที่ดีขึ้น จะอยู่ในจินตนาการวาดภาพในอนาคต ตอนที่ไปอยู่สวีเดนถามว่าชีวิตดีขึ้นไหม ช่ารู้สึกว่า โอ้มายก๊อด นี่คือโมเมนต์ของฉัน เป็นคนใหม่ ชีวิตใหม่ ฉันจะเป็นได้ทุกอย่าง ฉันมีโอกาสเท่าโลกเลย จากแต่ก่อนมันอยู่แค่ตรงนั้น แล้วช่าเป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก อยากจะเรียนเก่งที่สุด อยากจะทำอันนี้เก่งที่สุด เพื่อวันหนึ่งจะได้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ มีพลัง มีกำลังที่จะดูแลตัวเองได้
เราก็เป็นเด็กหัวดำอยู่คนเดียวในสวีเดนจะเป็นที่ยอมรับได้ยังไง ถ้าเกิดเป็นส่วนน้อยแล้วต้องเก่งนะ เราก็เลยรู้สึกว่าฉันต้องเรียนเก่ง อยากจะพรูฟตัวเองมาก เพราะตอนที่ทะเลาะกับพ่อเลี้ยง ซึ่งเขาเป็นคนดีนะ แต่มันมีโมเมนต์ที่เราทะเลาะกัน พอทะเลาะกันก็จะไล่ออกจากบ้าน เราเสียใจมากเพราะไม่มีที่จะไปก็ต้องง้ออยู่ดี ซึ่งมีโมเมนต์เดียวคือต้องเก่ง ก็เลยตั้งใจเรียนมาก ตั้งใจเรียนมากไม่พอต้องรวยด้วย มันเลยมีแรงผลักดันตรงนั้น อาจจะฟังดูผิดๆ นะ แต่ตอนนั้นมันเป็นอะไรที่เป็นแรงกระตุ้นช่าทุกวันเลย ถ้าช่าตื่นมาแล้วไม่สามารถมองตัวเองสำเร็จได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นคือวันที่ได้ The Face โอมายก๊อด! ได้เงินรางวัล 1 ล้านบาทมันเยอะมากนะ เพราะช่าถังแตกมาก่อนหน้านั้น ฉันได้อันดับหนึ่งนะ”
ปลดล็อกที่สุดหลังทำให้พ่อเลี้ยงภูมิใจได้
“แล้ววันที่พ่อมาเยี่ยมที่เมืองไทย ตอนนั้นมาที่ภูเก็ต ช่าให้เขาไปอยู่วิลล่าที่มองเห็นทะเล เขาจะเป็นคนที่ชอบล่องเรือมาก ทำให้เขาก็เอ็นจอยมาก ช่ารู้สึกพราว แต่ก่อนเราจะเป็นฝ่ายโดนด่าเยอะไง แล้วเขาก็เห็น เขาก็บอกว่าวิวสวยเนอะ แต่ช่ารู้ว่าเขาภูมิใจ ตอนก่อนที่เขาจะกลับไปสนามบินเราก็ให้ค่ารถเขา แต่เราไม่ได้คิดอะไรนะ แล้วเขาก็น้ำตาไหลจะร้องไห้ บอกว่าไม่ต้องให้ฉัน แล้วพอเขาจะร้อง ช่าก็เลยจำได้ว่าทำไมเขาถึงร้อง แล้วช่าเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน เพราะช่าไม่เคยได้ยินเขาพูดว่าขอบคุณ
ด้วยความที่เราทะเลาะกันตอนนั้น ด้วยความที่เราวัยรุ่น ความใจร้อนชอบเถียงมากๆ เวลาที่เราด่ากัน เขาก็จะบอกว่าเธอไม่รู้สึกขอบคุณฉันเลยในชีวิตที่ฉันให้เธอ เรารู้สึกโดนกดดันว่าต้องขอบคุณเขาตลอดเวลา พอเราได้ยินเขาขอบคุณบ้าง ซึ่งมันไม่ใช่เงินที่เยอะเลยพันกว่าบาทเอง เขาบอกว่าขอบคุณติช่า ซึ่งช่าไม่เคยได้ยินจากปากป๊ะป๋า มันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ก่อนช่าจะเป็นคนที่ขอเขา เป็นโมเมนต์ที่เขาเองก็ช็อก เรากอดกัน หลังจากนั้นพอเขากลับไป ช่าไปนั่งร้องไห้เป็นชั่วโมงเลย
โอ้มายก๊อด! มันเป็นโมเมนต์ที่ช่ารอเหรอ ทุกอย่างที่ทำมาในชีวิตที่พยายามจะประสบความสำเร็จ เพื่อช่วงเวลานี้แหละ ที่เรารู้สึกเท่าเทียมกัน เราเป็นผู้ใหญ่ 2 คนมองตากัน อยากเป็นที่ยอมรับที่ทำงานหนัก ไต่เต้ามาเรื่อยๆ ไปทำโน่นนี่ก็เพื่อสิ่งนี้ ให้เขาบอกว่าขอบคุณติช่า มันใช้เวลาขนาดนี้เลยเหรอ แล้วเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นคำๆ นี้ที่เราต้องการ ฉันแค่อยากได้บางอย่าง อยากจะประสบความสำเร็จ แต่พอวันนั้นมา อ๋อ! นี่น่ะเหรอรางวัลของฉัน หลังจากนั้นเราดีกัน รู้สึกว่ามันปลดล็อกอะไรสักอย่าง รู้สึกว่าเรา Positive กันมากขึ้น”