xs
xsm
sm
md
lg

อดีตนักแสดง “โอที” เข้าแจ้งความ ถูกมิจฉาชีพสวมนามสกุลหลอกรีดเงิน-ข่มขืนเหยื่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทำเอาอดีตนักแสดงหนุ่ม “โอที รัฐธนินท์ จิรวัฒน์โภคิน” อดีตนักแสดงช่อง 7 ที่เคยมีผลงานละครแนวจักรๆ วงศ์ และพิธีกรช่อง NBT ต้องเร่งเข้าแจ้งความเป็นการด่วน หลังจากถูกมิจฉาชีพสวมนามสกุล นำไปแอบอ้างก่อคดีอาชญกรรมร้ายแรง ทั้งหลอกแอบอ้างว่าเป็นไฮโซเดินสายกินฟรีตามโรงแรมหรู และมีคดีร้ายแรงถึงขั้นใช้นามสกุลหลอกเหยื่อสาวรายหนึ่งไปรูดทรัพย์และข่มขืนกระทำชำเรา

ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงสายวันนี้ (25 ต.ค.) หนุ่ม โอที ได้เดินทางมาที่ สน.ยานนาวา เพื่อลงบันทึกประจำวันว่าไม่มีส่วนรู้เห็น หรือเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายนี้ทั้งสิ้น โดยเจ้าตัวเผยว่า พอมีข่าวนี้ออกไปทำให้คนเข้าใจผิด และกระทบกับตนเป็นอย่างมาก เลยต้องมาขอลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน

“ที่วันนี้มาแจ้งความก็คือเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมามีเพื่อนโทรมาถามผมว่า โอ น้องชายโดนจับเหรอ มีคนนามสกุลเหมือนผมเป๊ะเลยโดนจับ ซึ่งผมจะบอกว่าหลังๆ ผมไม่ค่อยดูทีวี ผมก็เลยไปย้อนดูข่าว ปรากฎว่าข่าวออกวันที่ 2 ต.ค. ว่ามีนายธนกฤต เวโรจนนันท์ ที่เปลี่ยนชื่อเป็น นายพสธร จิรวัฒนโภคิน ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับผมเลย แต่ต่างกันแค่ว่าตัวผม น์ แต่เขาไม่มี และเขาเปลี่ยนเป็นนามสกุลนี้ปี 2563 ที่ผ่านมาตามที่เช็คในระบบ พอเขาเปลี่ยนนามสกุลผมก็ได้ทราบว่าก่อนหน้าที่เขายังไม่เปลี่ยนนามสกุล เขาเคยโดนคดีหลายคดีมาก เพราะเขาชอบไปทานอาหารตามโรงแรมหรูๆ แล้วเขาก็จะชิ่งตลอดจนเกิดเป็นคดี พอเขาเปลี่ยนนามสกุลเป็น จิรวัฒน์โภคิน ปุ๊บ เขาก็เลยหลอกเหยื่อไปรีดทรัพย์และข่มขืน ซึ่งมีหลายคดีมาก เรื่องยังมีค้างอยู่ที่สน.ครับ

ส่งผลกระทบโดยตรงกับครอบครัวผมเลยครับ เพราะตอนนี้กลายเป็นว่าในระบบของกูเกิล ในโซเชียลเน็ตเวิร์คทั้งหมดจากที่ว่ามีแค่ชื่อของผมหรืออาจจะมีชื่อของคุณแม่ แต่กลายเป็นว่ามีเขามาพัวพันในส่วนของผมทั้งหมด กลายเป็นว่าข่าวของผมที่เป็นข่าวเกี่ยวกับการทำธุรกิจมาตลอด กลายเป็นข่าวข่มขืน รีดทรัพย์ ไฮโซเก๊ จนสร้างความเข้าใจผิด หลายคนอาจจะคิดว่าเขาเป็นเครือญาติ เป็นน้องชาย ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกันเลยครับ”

บอกอยากคุยกับคู่กรณีว่าทำแบบนี้ทำไม
“วันนี้เท่าที่คุยกับท่านรองฯ เบื้องต้นผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวออกไปแล้ว แต่ก็อาจจะโดนอีกหลายคดี เพราะคดีเขาค่อนข้างจะเยอะมาก ก็เป็นเรื่องของตำรวจแล้วครับ จริงๆ จะบอกว่าผมอยากคุยกับเขามากๆ เพราะว่าการที่จะมาเปลี่ยนนามสกุลมันไม่ใช่ว่าเราสามารถเปลี่ยนได้เลยนะ บางทีเราเจอนามสกุลใหม่เราต้องไปเสิร์จดูก่อนว่ามีคนใช้แล้วหรือเปล่า แต่กลายเป็นว่าเขามาเปลี่ยนนามสกุลเหมือนผมไม่พอ เขายังลงรายละเอียดว่าเขามีโปรไฟล์ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนผมอีก ยังไม่พอครับที่ผมไปเช็คอินตามโรงแรมต่างๆ เขาลงหมดเลยว่าเขาอยู่ตรงนั้น และที่สำคัญเลยคือเขาลงว่าเขาขับรถสปอร์ตหรู ซึ่งเราก็มีกำลังในการซื้อ แต่ตัวเขาคงไปเช่ามาขับและใช้หลอกสาว

ตัวนามสกุลของผมเป็นนามสกุลที่ทางพระที่ภาคใต้ตั้งให้ผม เมื่อปี 2551 และเปลี่ยนในปี 2552 ซึ่งก็ประมาณ 13 ปีแล้วครับ แต่ตัวเขาเพิ่งมาเปลี่ยนเมื่อม.ค. 2563 ที่ผ่านมา ยืนยันว่าผมไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นบุคคลท่านนี้เลยครับ วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาบันทึกแจ้งความในการที่ผมเป็นผู้เสียหาย ซึ่งหลังจากนี้เราไม่รู้ชีวิตในภายภาคหน้า เราอาจจะโตไปในสายงานอื่นๆ ที่กว้างกว่านี้ และเมื่อมีการเสิร์จในระบบและขึ้นว่า จิรวัฒน์โภคิน ก็อาจจะเป็นเจตนาที่คนเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะเป็นน้องชายเป็นญาติหรือเปล่า เราก็เลยค่อนข้างที่จะได้รับผลกระทบมากๆ ครับ”

เผยส่งผลต่อภาพลักษณ์และธุรกิจอย่างหนัก
“หลังจากนี้ที่ได้ลงบันทึกประจำวันก็เป็นเรื่องของกฎหมายที่สามารถป้องกันและปกป้องผมในการแสดงเจตนาบริสุทธิ์ เพราะก่อนที่จะมีการมาแจ้งความวันนี้ผมพยายามหลายช่องทางมากด้วยตัวเอง ผมส่งแจ้งเรื่องไปที่กรมปกครองว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และผมจะแก้ไขยังไง เพราะคดีผู้ต้องหาไม่ใช่คดีเล็กๆ มันคือรีดทรัพย์ ข่มขืน และไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว ซึ่งสร้างผลกระทบกับผมมาก แต่ยังไม่มีการตอบกลับ ผมก็เลยพยายามมากที่จะประสานแหล่งข่าวที่ลงข่าวไป ว่าให้เขาช่วยแก้หน่อยได้มั้ย เพราะตอนนี้ระบบมันพัวพันกันหมดเลย ผมก็เลยปรึกษาผู้ใหญ่ทั้งทางฝ่ายกฎหมาย และผู้ใหญ่ที่เป็นตำรวจ เขาก็บอกว่ามาลงบันทึกแจ้งความก่อน แต่เราคงไปแก้ข่าวไม่ได้ เพราะข่าวมันดังและถูกส่งออกไปเยอะมากแล้ว สิ่งที่ทำได้ก็คือแถลงข่าวไปเลย

ผมนอนไม่หลับเลย 2 คืนที่ผ่านมา ผมไม่ได้มีความกังวลที่จะแจ้งความ ไม่ได้กังวลเรื่องที่จะมาแถลง แต่ผมกังวลที่สุดคือเราสร้างโปรไฟล์เรามา เราทำธุรกิจมีภาพลักษณ์ที่ดีมากตลอด เราไม่เคยโกงใคร ไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ แต่วันนึงนามสกุลผมกลายเป็นว่าแปดเปื้อนไปด้วยคดีข่มขืน รีดทรัพย์ ซึ่งมันสร้างผลกระทบกับผมแน่ๆ ครับ และตอนนี้ผมเรียนปริญญาเอกอยู่ หลังจากจบผมก็อาจจะลงการเมือง หรืออาจจะทำอะไรที่เหมาะสมกับวัยวุฒิตอนนั้นก็ได้ ซึ่งผมไม่อยากให้เรื่องนี้มาพัวพันกับผมเลยครับ

ณ ตอนนี้ยังไม่มีการประสานของตำรวจให้พูดคุยกับคู่กรณีนะครับ แต่ผมได้ทราบรายละเอียดล่าสุดว่าเมื่อเช้านี้เพิ่งจะมีการปล่อยให้ประกันตัวไปครับ ผมก็อยากจะตามไอจีหรือเฟซบุ๊คเขามาก และอยากจะถามเขามากว่าเขารู้จักผมหรือเปล่า หรือเขารู้จักทางไหน เพราะไม่ว่าจะเป็นทางตำรวจหรือว่าผู้ใหญ่บอกว่าการที่คุณจะเปลี่ยนนามสกุลได้ลงล็อคขนาดนี้ มันเป็นเรื่องยากมาก ฉะนั้นมันคือเจตนาที่ตั้งใจอยู่แล้ว นอกจากนั้นในการลงอาชีพ รถยนต์ที่ขับ ไลฟ์สไตล์มันเหมือนโคลนนิ่งผมเลยครับ

ผมก็ต้องขอขอบคุณท่านรองคมสันต์ เลขาวิจิตรที่ท่านช่วยเรื่องคดีวันนี้นะครับ และขอบคุณเจ้าหน้าที่และพี่ๆ สื่อทุกท่าน เพราะวันนี้เป็นวันที่มีความหมายกับผมมาก เพราะหลังจากนี้ไปตัวผมจะได้พ้นมลทินในเจตนาที่เขาตั้งนามสกุลที่ใกล้เคียงกับผม ทุกอย่างจะได้โปร่งใส และผมอยากจะฝากถึงผู้ต้องหานะครับ ว่าจริงๆ แล้วชีวิตคนเราอยากให้พอใจในสิ่งที่ตัวเขามี ซึ่งผมก็ไปสืบมาว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้มีฐานะยากจนอะไร แต่เขาอาจจะยังไม่ได้มีศักยภาพขนาดว่าไปกินไวน์หรูมื้อนึง 4-5 หมื่น ขับรถหรู หรืออสังหาริมทรัพย์อย่างที่เขาต้องการ ผมเข้าใจว่าอาจจะเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่เขาอยากจะเป็น แต่ผมอยากให้เขาอยู่บนความถูกต้อง ถ้าอยากจะมีชีวิตแบบนั้นคุณก็ทำงาน คุณต้องตั้งใจ สักวันก็ไปถึงครับ”













กำลังโหลดความคิดเห็น