xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “นุ๊ก สุทธิดา” รับมือความฮอต “ปิ๊ปโป้-ปาแปง” เปิด Q&A ตอบคำถามลูกสะใภ้ทิพย์ คดีบ้านโรงงานถุงมือ คู่กรณีหายหัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลูกชายหล่อบอกต่อด้วย “นุ๊ก สุทธิดา” ทำ Q&A ให้สาวๆ ถามลูกชาย ขอบคุณคนชื่นชม “ปิ๊ปโป้-ปาแปง” แต่ฮอตแค่ไหนก็ไม่บอกให้รู้ตัว กลัวจะเป็นการสปอย หวงมากไม่อยากให้ลูกมีแฟน แต่ตอนนี้ทำใจได้แล้ว ตั้งสเปกสาวให้ลูกสูง ต้องเรียนเก่ง นิสัยดี และเป็นคนสวย อัปเดตบ้านที่เป็นคดียังไม่ขาย คู่กรณีก็หาย ไม่จ่ายสักบาท เตรียมรับสมาชิกใหม่ เป็นงูตัวที่สอง



ทำเอาคุณแม่ “นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา”ออกอาการปลื้มใจสุดๆ เมื่อลูกชายสุดหล่อ อย่าง “น้องปิ๊ปโป้” วัย 14 ปี และ “น้องปาแปง” วัย 13 ปี ฮอตหนักมาก จนแม่ต้องทำ Q&A ในไอจี เพื่อตอบคำถามให้กับเหล่าสาวๆ ลูกสะใภ้ทิพย์ ล่าสุดวันนี้ได้เจอเจ้าตัว ที่มามอบเงินจากโปรเจกต์ 10 ปี Generation-S ให้กับ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระราชินูปถัมภ์ ก็เลยขอถามถึงเรื่องกันสักหน่อย พร้อมอัปเดตเรื่องคดีบ้านหลังเก่า ที่ปล่อยเช่าแล้วโดนเปลี่ยนเป็นโรงงานถุงมือ ว่าตกลงตอนนี้ คู่กรณีเข้ามารีโนเวทใหม่ให้แล้วหรือยัง

“คือจริงๆ แล้ว ไอจีนุ๊กเนี่ย จะมีน้องๆ ที่อายุ 16 โดยประมาณ เข้ามาไลก์ให้รู้ว่าไลก์ ไลก์ยาวมากจนเราต้องเข้าไปดู ว่าใคร แล้วพอเข้าไปก็จะเห็นว่าเป็นเด็กประมาณ 16 ทุกที แล้วส่วนมากเขาก็จะมีฐานแฟนคลับของเขา เช่นคนไหนที่ชอบปาแปง ก็จะไลก์แต่รูปที่มีปาแปง คนไหนชอบปิ๊ปโป้ ก็จะไลก์แต่รูปที่ทีปิ๊ปโป้ บางคนเขาเป็นเพื่อนกัน เขาก็ไม่ทะเลาะกันนะคะ ก็จะคนหนึ่งชอบปิ๊บโป้ คนหนึ่งชอบปาแปง (สรุปไม่ได้ชอบเราเลย?) ไม่มีค่ะ (หัวเราะ)

ทีนี้หลังๆ เริ่มมีการไดเร็กแมสเสจเข้ามา แล้วก็บอกว่าฝากถามพี่ปิ๊ปโป้หน่อยสิคะ ว่าชอบสีอะไร อุ้ยตาย มันเป็นคำถามที่เราก็ไม่เคยนึก เราเลยวัยไปแล้ว หรือว่าชอบเรียนวิชาอะไร พี่ปาแปงมีเกมแนะนำไหม เราก็เลยรู้สึกว่า เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวแม่ทำเป็น Q&A ให้นะทุกคน ลูกๆ ทั้งหลายรวบรวมคำถามไว้นะลูก เดี๋ยวแม่จะถามทีเดียว”

คำถามพีกๆ น่าตกใจไม่ค่อยมี มากสุดแค่ชอบผู้หญิงแนวไหน
“ไม่ๆ ส่วนมากเด็ก 16 เขาจะมาแนวแบบ ใสๆ วัยรุ่นชอบค่ะ อายุเท่าไหร่ ชอบสีอะไร ชอบเรียนหรือไม่ชอบเรียนวิชาไหน มากสุดก็คือชอบผู้หญิงแนวไหน”

ไม่มีบอกว่าอยากเป็นลูกสะใภ้ แต่ว่าเรียกพี่นุ๊กทุกคน
“ไม่กล้า แล้วทุกคนเรียกเราว่าพี่นุ๊ก ความฉลาดของเด็ก 16 ยุคนี้นะคะ ไม่มีใครเรียกคุณแม่นะคะ เรียกพี่นุ๊กขา ชอบพี่ปิ๊ปโป้กับพี่ปาแปงมากเลยค่ะ เราลำดับญาติกันไม่ถูกเลยลูก”

ปลื้มใจที่มีคนมาชื่นชมลูก แต่ไม่เล่าให้ลูกฟัง เดี๋ยวจะกลายเป็นการสปอย
“ไม่เล่าค่ะ ก็บอกว่าเดี๋ยวแม่ทำ Q&A ให้คนลองมาถาม คือในส่วนหนึ่งเราก็รู้สึกว่า การที่มีคนมาชื่นชมลูกเรา เราก็รู้สึกขอบคุณมากๆ ปราบปลื้มใจ เพราะคนเป็นแม่ คนมาชอบลูกเรา มันมากกว่าชอบเราด้วยซ้ำ แต่ว่าคือถ้าเราไปเล่า หรือสปอยลูกเยอะ บางทีเด็กเขาไม่รู้ตัว เขาก็จะคิดว่าแหม เขานี่มันสำคัญมาก เราก็จะพยายามไม่เล่า ทำให้มันเหมือนกับเป็นลูกดาราคนหนึ่ง ที่อาจจะต้องมาแชร์เรื่องส่วนตัวบ้างเล็กน้อย”

มีสอนลูกเรื่องคำพูดบ้าง ว่าแบบนี้ไม่ได้นะ
“มีสอนบ้าง แต่สอนเหมือนเด็กทั่วไป เพราะด้วยความที่เป็นเด็กวัยรุ่น มันมีความเป็นตัวเอง บางทีพูดว่าผู้หญิงหรือพูดอะไรที่มันแรงเกินไป ตอนที่ลูกพูดเราก็จะมาร์กไว้แล้ว เราต้องสอนเขา ว่าไม่ได้นะ บางเรื่องเราพูดตรงอย่างนี้ไม่ได้ แต่เด็ก Gen นี้ เข้าจะไม่เหมือน Gen เรา อย่างเราเวลาเราเจอผู้ใหญ่ เจ้านาย หรือเพื่อนที่มีอายุมากกว่า เราจะเงียบ แต่ถ้าเป็น Gen นี้ ไม่ต้องเพื่อนหรอกค่ะ เจ้านายยังเถียงเลย คือมันเป็นยุคสมัย มันว่าเข้าไม่ได้ มันคนละ Gen”

หวงลูกมาก ทำใจไม่ได้ถ้าเขามีแฟน แต่ตอนนี้เริ่มปลดล็อกให้ตัวเองได้แล้ว เหมือนโดนตบทุกวันจนชิน
“แรกๆ หวงมากนะ เรียกได้ว่าทำใจไม่ได้หรอก คือไม่สามารถเรียกใครว่าลูกสาวได้เลย หวงลูกมาก เพราะรู้สึกว่าเราทั้งชื่นชมตัวเอง ทั้งขอบคุณลูก ที่เกิดมาแล้วทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ กว่าเราเลี้ยงลูกคนเดียว แล้วไม่ได้ใช้เงินพ่อแม่ตัวเองเลย ไม่มีเงินจากใคร มันคือน้ำพักน้ำแรงเรา ที่เราหอบลูกเราสองคน มาจนถึงทุกวันนี้ได้ พอวันนี้เราจะรู้สึกว่า นี่คือสมบัติของเรา

แต่พอวันเวลาผ่านไปแล้วเพิ่งรู้ ว่าลูกก็ไม่ใช่สมบัติของเรา ก็เริ่มจะรับได้ แล้วก็ที่มีน้องๆ ผู้หญิง เข้ามาคุยกับเรา บางทีเรารู้สึกเหมือนก็ดี เหมือนมีลูกสาวเพิ่ม แล้วทุกคนก็พร้อมจะพลีกายถวายชีวิตกับเราแม่จะพูดอะไรก็เออออ เราก็อยากมีลูกสาว ก็แฮปปี้ดีลูกๆ จะเข้าใจว่าแม่หวงมาก แต่มันก็ค่อยๆ คลายลงเรื่อยๆ แล้วตอนนี้ เหมือนเราโดนตบหน้าทุกวัน แรกๆ ก็เจ็บ แต่หลังๆ เริ่มชิน เอาจริงๆ การที่เราจะต้องรับรู้ ว่าลูกเราไม่ใช่ของเรา มันเหมือนโดนตบหน้านะ”

ก่อนหน้านี้ถึงขนาดกัดฟันสู้ เพราะลูกคนโตมีคนคุย
“ตอนนั้นก็คือกัดฟันสู้ไป ให้รู้สึกว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านไปนะ เราก็พยายามยอมรับ ว่ามันก็เป็นการคุยกันระหว่างเด็ก แล้วก็เป็นไปตามคาด ว่าเขาก็เลิกคุยกันไปเอง ด้วยความที่เป็นเด็ก ก็เลยรู้สึกว่า ตอนนี้แม่ก็ค่อยๆ ปลดล็อกตัวเองด้วย”

ตอนนี้ทำใจปล่อยให้ลูกมีแฟนได้แล้ว แต่มีข้อแม้ต้องเรียนเก่ง นิสัยดี และเป็นคนสวย บอกยกสเปกสูงๆ จะได้หายากๆ
“ปล่อยค่ะ ปล่อยแล้ว แต่ก็จะเริ่มตั้งข้อแม้กับลูก ว่าลูกจ๋า รู้ไหมว่าการจะเลือกคนคนหนึ่งมายืนข้างลูก แม่ต้องการคนที่เรียนหนังสือเก่ง นิสัยดี และต้องหน้าตาดีด้วยนะลูก ลูกก็ถามทำไม เขาก็จะมีความเชื่อว่า ผู้หญิงสวยมักจะนิสัยไม่ดี ต้องเลือกผู้หญิงที่ไม่สวยมาก แม่ก็จะบอกลูก เวลาแม่ซื้อของให้ลูกแม่ก็ไม่เคยซื้อของ sale ถึง sale ลูกก็ไม่รู้ แม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุด วันหนึ่งลูกต้องเลือกของให้ตัวเอง แม่อยากให้ลูกเลือกของที่ดีที่สุด ต้องสวยด้วย แม่ก็ชอบผู้หญิงสวยๆ เหมือนกัน คือยกสเปกให้สูงๆ ไว้ก่อน เขาจะได้หายากๆ ไงคะ เราจะได้มีเวลาปลดล็อกตัวเองเรื่อยๆ”

เผยนิสัยลูกสองคนไม่เหมือนกัน คนแรกฟังแม่มาก แต่คนที่สองจะอยู่กับตัวเอง
“ลูกคนโตเนี่ย น่าจะฟังแม่มากว่าลูกคนที่สอง คนที่สองเขาจะอยู่กับตัวเขา คนโตเนี่ยถ้าแม่พูดอะไร เขาเถียงนะแต่กลับไปคิด เช่นเราพูดว่าอย่างนี้มันจะดีเหรอลูก เขาก็จะกลับไปคิด แล้วเคลียร์ตัวเขาเอง ตอนนี้ปิ๊ปโป้โสดค่ะ (ยิ้ม)

นิสัยปิ๊ปโป้เขาไม่ดื้อเงียบ เขาจะเถียงแต่สุดท้ายก็ตามใจเรา แต่ปาแปงไม่เถียง แค่ปิดโหมดการรับฟัง เป็นเด็กหน้ามึนๆ แต่เขาบอกว่า เขาจะไม่มีแฟนตลอดชีวิต คือเด็กเขามีแนวคิดของเขา เขารู้สึกว่าการคบแฟน มันเป็นภาระอย่างหนึ่งที่จะต้องรับผิดชอบ ตื่นเช้ามาจะต้องมีการโทร.หากัน ซึ่งเขาพูดเองนะ เราไม่ได้พูดนะคะ เขารู้สึกว่ามันเป็นภาระอย่างหนึ่ง ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องมีภาระแบบนี้

เขาตั้งกฎของเขาเอง ตั้งแต่การกินมังสวิรัติแล้ว เพราะเขาเป็นเด็กที่มีแนวคิดเป็นของตัวเอง คือด้วยความที่ลูกคนนี้ เราจะเอือมระอายังไง มันก็เหมือนส่องกระจก เขาก็กรรมที่เราได้ทำไว้กับพ่อแม่ตัวเองนั้นเองนะคะ เพราะฉะนั้นอย่างมาก เราก็จะมองแล้วยิ้ม เพราะเราก็รู้ว่าไม่เป็นไรหรอก คนแบบนี้ต้องเจอเอง เพราะฉะนั้นไปเลยลูก ไปให้สุดทางฝันเลย แล้วเดี๋ยวลูกยูเทิร์นมาเอง ถ้าเราบอกกลับมาลูก กลับมา ลูกจะไม่กลับค่ะ

เพราะอย่างน้อย สิ่งที่เราวางใจกับปาแปงได้หนึ่งอย่าง คือเขายืนอยู่บนพื้นฐานของความดีแน่นอน เขามั่นใจในความดีของเขา จนมันกลายเป็นความมั่นใจมากเกินไปด้วยซ้ำ ว่าการทำแบบนี้ การไม่กินเนื้อสัตว์คือสิ่งที่ดี สมมตินะคะ แล้วความมั่นใจนี้ มันจะทำให้เขารู้สึกว่า การที่กินเนื้อสัตว์เนี่ย เป็นสิ่งไม่ดี แต่พอเขาโตขึ้น เขาจะเริ่มรู้ว่า ว่าไม่ใช่ การไม่กินมันเป็นทางเลือกของแต่ละคน คือมันก็ต้องให้เรื่องราวในความเชื่อของเขา สอนเขาเอง

ตอนนี้เขาก็เริ่มคลายล็อกตัวเอง เพราะปู่ย่า ก็เริ่มไม่ได้ ถ้าปาแปงจะมากับทางฝั่งคุณพ่อเขา ก็ต้องกินบ้าง เขาก็เริ่มโอนอ่อน เริ่มตามใจผู้ใหญ่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคือไม่เลย ต้องแยกทุกอย่าง ช้อนส้อมถ้าโดนแล้วจะไม่แตะ เดี๋ยวนี้เขาก็จะสบายขึ้นในเรื่องกินละ”

ทำใจ “ปาแปง” ย้ายไปอยู่กับพ่อยาวๆ คงไม่กลับเร็วๆ นี้
“น่าจะยังค่ะ น่าจะยาวๆ แต่ตอนนี้แม่ก็ทำใจแล้วค่ะ”

เลี้ยงงูเพราะชอบมาตั้งแต่เด็ก เคยฝันเห็นก่อนออกอัลบั้ม เป็นภาพจำที่ไม่ลืม
“วันอาทิตย์นี้กำลังจะไปรับมาอีกตัวหนึ่งค่ะ คืองูเนี่ย เป็นสัตว์ที่ชอบมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ คือช่วงเข้าวงการ เป็นช่วงคาบเกี่ยว ที่เราเคยมีความฝันเกี่ยวกับงู แล้วเราจะจำได้แม่นเลย ก่อนที่จะออกอัลบั้ม คือเราเห็นงูสีทองกับสีดำ สีทองเนี่ย เวลาเลื้อยเหมือนน้ำทองร้อนๆ ที่ไหลไปตามพื้น สีดำก็เป็นนิลกาฬที่สวยมาก คือในฝันมันเลยทำให้เราไม่กลัวงู แต่ตอนแรกก็กระโดดหลบเหมือนกัน แต่พอมองไปแล้วสวยมาก แล้วมันกลายเป็นภาพจำที่ทุกวันก็ยังจำทุกอย่างในความฝันวันนั้นได้ทีนี้พอเราชอบ เราก็อยากเลี้ยง แต่เราก็กลัวมาก ว่าคนรอบข้างจะรับไม่ได้ กลัวจะดูแลเขาได้ไม่ดี จนพอเราอายุขนาดนี้แล้ว ถ้าเราดูแลลูกทั้ง 3 คนที่สุดโต่งได้ขนาดนี้ คิดว่างูเป็นเรื่องที่ง่ายมาก”

ในความฝันไม่มีเรื่องของไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็อยากทำให้เหมือน เลยไปรับสีดำมาเพิ่มอีกตัว
“ไม่ค่ะ แต่ว่ามันก็เตือนเรา พอเราได้น้องเขาทรายมา ซึ่งมันเป็นสีทอง เราก็เลยคิดว่าต้องหาสีดำมาอีกตัวหนึ่ง ให้เป็นคู่เหมือนในความฝัน ตัวน้องดำก็มาเจอกันแบบฟลุคๆ เหมือนกัน ตอนแรกเจ้าของไม่อยากขาย แต่คุยไปคุยมาก็ขาย จริงๆ ต้องไปรับตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่ว่าป่วยเลยมารับอาทิตย์นี้”

เป็นพันธุ์บอลไพธอนทั้งหมด เพราะถูกจริตกับตัวเอง
“บอลไพธอนเหมือนกันหมดเลย คือนุ๊กจะชอบแต่งูสไตล์นี้ เพราะว่ามันเป็นงูที่เชื่องช้า แล้วก็เป็นงูหลามที่ตัวเล็กที่สุดในโลก ด้วยความเชื่องช้าก็ถูกจริตกับเรา แล้วก็ขนาดเขาไม่สามารถทำร้ายมนุษย์ได้ แม้แต่เด็ก 3-4 ขวบ”

ลูกไม่ได้แฮปปี้กับการเลี้ยง แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร เพราะรักแม่เลยมองข้ามได้
“ก็ทำให้รู้ว่าคนในบ้านก็รักเราเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเรารักเขาอย่างเดียว เพราะการที่เราเอางูเข้ามา เชื่อว่าไม่มีใครปลื้ม แต่ทุกคนก็พยายามจะมองข้าม ซึ่งงูอยู่ในกล่องไม่มีใครยุ่งได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืออาหารของงูที่อยู่รวมกัน เพราะมันต้องแช่อยู่ในตู้เย็น ก็จะไปรวมอยู่กับอาหารของคน บางทีลูกไม่รู้เปิดดูว่ามันคืออะไร สรุปเป็นหนู เขาก็ปิดแล้วก็ไม่บ่นอะไรเลย เรารู้ได้เลยว่าทุกคนรักแม่ เขาถึงพยายามมองข้ามในสิ่งที่แม่ชอบ เขาอาจจะไม่ได้รู้สึกแฮปปี้ร้อยเปอร์เซ็นต์”

สรุปเรื่องบ้านที่เป็นคดี ตอนนี้รอขึ้นศาล
“ตอนนี้หยุดแล้ว แต่ก็รอขึ้นศาล จริงๆ ต้องขึ้นตั้งแต่โควิด แต่ก็ถูกเลื่อนมา แล้วก็เปลี่ยนเป็นขึ้นพฤศจิกายนนี้ ก็หวังว่าน่าจะจบเร็วๆ เพราะอยากจบในเรื่องของบ้านอยู่พอสมควร”

ตั้งแต่วันเป็นข่าว คู่กรณีก็หายตัว ไม่ได้มาซ่อมแซมบ้านให้อยากที่พูด
“ไม่มีเลยค่ะ ตั้งแต่วันนั้น ที่มาสวัสดีคุณอัจฉริยะ ก็หายไปเลย ไม่รู้ว่าหายไปอยู่กกกอกหรือเปล่า”

ค่าเสียหายที่ช่างประเมินคือ 5 ล้าน แต่ตอนนี้ 5 บาทก็มาคุยกันเถอะ
“จริงๆ ไม่ใช่เราเรียก แต่เป็นการประเมินของช่าง ตอนนี้แค่ 5 บาทก็ขอให้มาคุยกันเถอะค่ะ ไม่ได้รับการติดต่ออะไรเลยตั้งแต่วันนั้นค่ะ ก็อยากจะขอเทปคนอื่นมาเปิดย้อนดู ว่าเขาเคยบอกว่าจะจัดการดูแลทุกอย่าง หรือว่าเราฟังผิดแต่ก็หายไปตั้งแต่วันนั้น”

ขึ้นศาลอีกที วันที่ 20 กว่าในเดือน พ.ย.
“น่าจะ 20 กว่าๆ ในเดือนพฤศจิกายน (เป็นนัดไกล่เกลี่ย?) น่าจะขึ้นศาลเพื่อสืบพยาน”

ยังไม่มีใครมาซื้อหรือเช่า เพราะบ้านมันไม่เหมือนเดิม
“จริงๆ ตอนแรกประกาศให้เช่า ยังมีตัวแทนเราที่ทำงานอยู่ เพราะสัญญาที่เซ็นกับตัวแทนไว้เป็นระยะยาว ตัวแทนก็ยังทำงานอยู่เรื่อยๆ ถ้ามีคนอยากเช่าก็จะมาคุยกับเรา แต่ด้วยความที่เขาทำบ้านเราเละขนาดนี้ มันเลยมีผลต่อการให้เช่า ถ้าเป็นแต่ก่อนประกาศไป 2 อาทิตย์ก็มีคนเช่าแล้ว แต่ตอนนี้ลูกค้าก็บอกว่าบ้านไม่ได้เหมือนเดิม”

ยังไม่ได้ขาย หรือเปล่าเช่า เพราะผู้เช่าใหม่ต้องซ่อมเอง
“ใช่ แต่เราก็ซ่อมแซมไปแล้วบางส่วน แต่อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนแต่ก่อน (ยืนยันว่ายังไม่ขาย?) ยังค่ะ”















กำลังโหลดความคิดเห็น