xs
xsm
sm
md
lg

“เกรซ” จากนางเอก สู่จิตอาสา เจ้าหน้าที่กู้ชีพ! ลั่นสามารถทำคลอดได้สบาย ความสุขในชีวิตคือการได้ช่วยเหลือสังคม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เกรซ พัชร์สิตา” รักงานจิตอาสาเป็นชีวิตจิตใจ บอกเริ่มจากได้ไปช่วยในงานพระบรมศพรัชกาลที่ ๙ จนได้เข้าร่วมในมูลนิธิป่อเต็กติ๊ง และไปเรียนด้านการกู้ชีพมาเพิ่มเติม ตอนนี้สามารถทำคลอด ทำ CPR ได้สบาย เผยความรักกับ “เบนซ์ พิสิฐพล” คบ 8 ปีไม่มีปัญหา เพราะผ่านช่วง 7 ปีอาถรรพ์มาแล้ว ยอมรับมีทะเลาะ ไม่คุยกันเป็นเดือน แต่ก็กลับมาได้ ยังไม่คิดแต่งตอนนี้

ใครจะไปคิดว่านางเอกตัวเล็กๆ จากวิกหมอชิต ซึ่งมีรูปร่างบอบบางอย่างสาว “เกรซ พัชร์สิตา อธิอนันตศักดิ์” จะเป็นหนึ่งในทีมกู้ภัยของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่ทั้งทำคลอดและช่วยชีวิตคนมาแล้วหลายชีวิต เจ้าตัวเผยว่าตลอด 4 ปีที่ทำมาเจอหลายเคสมาก จนต้องไปเรียนการกู้ชีพเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้ช่วยชีวิตคนได้อย่างถูกต้องและมากขึ้น

เกรซเริ่มทำงานจิตอาสามาได้ 4 ปีแล้วค่ะ เกรซได้เข้าทำงานอาสาตรงนี้อย่างจริงจังผ่านพี่อู๊ด เป็นต่อ ขอตามพี่เขาเป็นจิตอาสาไปช่วยงานพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ณ จุดนั้นพอเกรซได้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานมาช่วยกันมากมาย ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกรซสงสัยว่ามันมีงานอะไรบ้างที่เขาใช้คำว่ากู้ชีพ กู้ภัย หลังจากได้ศึกษาข้อมูล ก็ได้รู้ว่ามันมีอีกหลายสายงาน หลายหน้าที่มากๆ เช่น เจ้าหน้าที่ที่ใส่ชุดสีขาวจะเรียกว่ากู้ชีพนะ ได้รู้จักศัพท์ที่เจ้าหน้าที่ใช้กัน

หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้ตามพี่ที่ทำมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งคนหนึ่งชื่อว่าพี่กุ้ง ออกไปช่วยจุดเกิดเหตุตามที่ต่างๆ เคสแรกที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ก็ได้เจอผู้เสียชีวิตเลย ตื่นเต้นมาก แต่เกรซก็ยังไม่ได้ลงไปทำอะไรมาก แค่ไปช่วยเขาคลุมผ้า ถามว่ากลัวไหม ตอนนั้นไม่กลัวค่ะ เพราะผู้เสียชีวิตถูกไฟช็อต เขาดูเหมือนคนหลับไปเฉยๆ แต่พอช่วยงานไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเจอเคสหนักขึ้น ซึ่งเกินขีดความสามารถของเกรซที่จะทำได้ เพราะตอนนั้นยังไม่เคยเรียน หรืออบรมการกู้ชีพอย่างจริงจัง เต็มที่ก็คือแค่ทำตามพี่ๆ ที่จุดสั่ง หรือช่วยเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือเท่านั้น

เกรซเลยไปเรียนเพิ่ม ไปเรียนปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อน แล้วพอเรียนเสร็จก็รู้สึกไม่พออีก ก็ไปเรียนให้สูงขึ้นอีก เรียนที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ด้าน EMT (Emergency Medical Technician) จนได้ใส่ชุดขาวเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพ หรือที่เรียกว่าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ ทำงานในห้องฉุกเฉิน หรือรถฉุกเฉิน วุฒิเทียบเท่าอนุปริญญา แต่ถ้าจะเอาระดับปริญญาให้สูงกว่านี้ ได้ใบประกอบวิชาชีพ เกรซคงต้องทิ้งงานในวงการไปเรียนอย่างจริงจัง ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 2 ปี เพราะงานหลักของเราคืองานในวงการ

แต่อันนี้เกรซไปเรียนเพื่อที่จะได้ทำความรู้ที่ได้มาทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่น ทุกวันนี้ทำคลอด ทำ CPR ทำแผล ผ่านมาหมดแล้ว เรียกว่าสามารถช่วยปฐมพยาบาล และกู้ชีพเบื้องต้น ก่อนถึงมือแพทย์ได้อย่างเต็มที่ สามารถส่งต่อผู้ป่วย และตอบคำถามแพทย์ถึงอาการของผู้ป่วย ให้แพทย์สามารถดูแลรักษาต่อได้อย่างราบรื่นค่ะ”

บอกช่วงโควิดไม่มีงานแสดง ก็ลงพื้นที่กับมูลนิธิเป็นประจำ
“ทุกวันนี้เรียกได้ว่าถ้าว่างจากงานในวงการ และไม่ได้ไปช่วยที่บ้านดูแลธุรกิจร้านอาหาร หรือไม่มีกิจกรรมกับที่บ้าน ก็จะทุ่มเทเวลาให้กับงานจิตอาสาเกือบทั้งหมด ตอนนี้เกรซก็ทำงานกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมูลนิธิ ที่เป็นหน่วยบรรเทาภัยในเครือวัดมหาบุศย์ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เกรซก็ลงไปช่วยแจกอาหาร-เครื่องดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และชุมชนต่าง ๆ ที่เดือดร้อน แต่ล่าสุดเกรซอาสาไปช่วยพี่ได๋ (ไดอาน่า จงจินตนาการ) กับพี่นิหน่า (สุฐิตา ปัญญายงค์) ที่ทำมูลนิธิเราต้องรอด

เกรซอาสาไปเองเลย ไปเป็นเจ้าหน้าที่อาสาช่วยงานที่ศูนย์พักคอยเขตประเวศ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นศูนย์โซนสีเขียว ผู้ป่วยไม่หนักมาก ก็ประจำที่ศูนย์นี้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทำหน้าที่ตรวจ ATK ให้ความรู้การดูแลตัวเองแก่ผู้ป่วย ส่งอาหาร-เครื่องดื่ม และยาตามที่แพทย์สั่งให้ผู้ป่วย สังเกตอาการ จัดระเบียบผู้ป่วย ซึ่งเกรซก็มีอัปเดตการทำงานตรงนี้ลงไอจี ก็มีแฟนๆ เข้ามาให้กำลังใจ แล้วก็เป็นห่วง บอกให้เราดูแลสุขภาพตัวเองด้วย ต้องขอบคุณทุกคนทุกกำลังใจค่ะ เกรซดูแลป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี ที่ศูนย์ค่อนข้างเป็นระบบ และปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีค่ะ”

เผยความสุขคือการที่ได้ลงไปช่วยเหลือผู้คนและสังคม
“จริงๆ ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่เขาก็เป็นห่วงที่เกรซไปประจำที่ศูนย์พักคอย เกรซก็มีพาคุณแม่ไปดูการทำงานให้เขาเห็นว่าที่ศูนย์ปลอดภัย เขาก็วางใจ จะกลับบ้านทีเกรซพ่นแอลกอฮอล์จนชุดเปียก มีเครื่องอบฆ่าเชื้อ ก็เอาของใช้ส่วนตัวเข้าอบหมด แฟนเกรซเองเขาก็เป็นห่วงค่ะ คือเขาก็ผ่านการเรียนพนักงานฉุกเฉินการแพทย์มาด้วยกัน ผ่านการเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อาสากู้ภัยมาด้วยกัน เขาก็จะมีความเข้าใจว่าเกรซรักงานนี้ ก็จะคอยให้กำลังใจเกรซ ส่งความห่วงใยให้ในทุกวันที่เกรซประจำอยู่ที่ศูนย์พักคอย แต่ระยะหลังมานี้เขามีธุรกิจที่ต้องทำ เลยไม่ได้มาช่วยงานอาสาตรงนี้

ถ้าถามว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เหนื่อยไหม เกรซบอกได้เลยว่าไม่เหนื่อยค่ะ มันเหนื่อยกาย แต่ไม่เหนื่อยใจ ต่อให้เกรซได้นอนตีห้า แล้วตื่นมาประจำการอีกทีตอนเจ็ดโมงเช้า ได้นอนไม่ถึง 3 ชั่วโมง เกรซก็มีแรงฮึดนะ เกรซพูดได้เต็มปากว่ารักงานจิตอาสาแบบนี้ ช่วงวันเกิดเดือนกันยายนที่ผ่านมา พี่ๆ เจ้าหน้าที่ กับผู้ป่วยก็มาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้ เป็นอะไรที่ประทับใจ ยิ่งกว่าหายเหนื่อยค่ะ

เกรซพูดได้เต็มปากว่า ความสุขในชีวิตของเกรซทุกวันนี้ คือการได้ทำประโยชน์ค่ะ ทำประโยชน์ให้ครอบครัว ทำประโยชน์ให้ตัวเอง ทำประโยชน์ให้สังคม รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขได้ทำอะไรเพื่อคนอื่น เพราะเกรซรู้สึกว่าตอนนี้เกรซไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ชีวิตก็แฮปปี้ดี งานก็โอเค ความรักก็โอเค ธุรกิจของครอบครัวก็ราบรื่น นี่ก็ยังคิดกับตัวเองอยู่ว่า หรือเราจะเกิดมาเพื่อมีชีวิตเพื่อคนอื่น”

เผยความรักกับนักแสดงหนุ่ม “เบนซ์ พิสิฐพล นิธิพงษ์วัฒนา” คบ 8 ปียังไร้ปัญหา
“เราคบกันมาแปดปีแล้วค่ะ เป็นอะไรที่ลงตัวมาก ผ่านทุกช่วงเวลาที่ต้องปรับจูน ทะเลาะ ถกเถียงกันมาหมดแล้ว เคยผ่านจุดเลขเจ็ดอาถรรพ์เกือบจะเลิกกันมาแล้ว ไม่คุยกันนานเป็นเดือนเลย แต่เพราะความผูกพัน เป็นความรู้สึกว่าคงหาคนที่คุยแล้วเข้าอกเข้าใจกันแบบนี้ไม่ได้ เสียกันไปไม่ได้ พอได้กลับมาคุยกัน ผ่านช่วงอาถรรพ์มาได้ ก็กลายเป็นว่ามันดีมาก เราไม่ทะเลาะกันอีกเลย รู้สึกว่าต่างคนต่างมีความคิดที่โตขึ้น ครอบครัวทั้งสองบ้านก็ยอมรับ

ถ้าถามว่ามองถึงเรื่องแต่งงานหรือยัง ยังค่ะ ต่างคนต่างยังสนุกกับการใช้ชีวิต ยังมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ อีกอย่างเกรซมีความฝันอยากทำธุรกิจเพิ่ม คือที่บ้านเกรซเปิดร้านอาหาร Flavours of India อยู่แล้ว แต่เกรซอยากเปิดคาเฟ่เล็กๆ ของตัวเอง ทำร้านสวยๆ ให้คนมาถ่ายรูป เช็กอิน ให้ร้านเราได้ช่วยผ่อนคลาย สร้างความสุขให้กับใครหลายๆ คนได้ อีกอย่างคุณแม่เกรซก็ทำเบเกอรี่ได้ คือเป็นอะไรที่เหมาะเจาะต้องทำแล้วล่ะ แต่ก็คงต้องดูที่ทาง งบประมาณ และเวลาที่เหมาะสมว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งสถานการณ์ช่วงนี้ด้วยแล้ว ยังไม่เหมาะกับการลงทุนใดๆ

ส่วนงานละครตอนนี้กองถ่ายเริ่มกลับมาเปิดถ่ายทำบ้างแล้วค่ะ เกรซต้องกลับมาถ่ายละคร ก็จะเข้าไปช่วยงานที่ศูนย์พักคอยน้อยลง ตอนนี้มีละครเรื่อง พริกกับเกลือ นางสาวส้มหล่น อีกเรื่องคือ หุบพญาเสือ เป็นละครหลังข่าวภาคค่ำเรื่องแรก ที่เกรซได้รับบทนำเต็มตัวคู่กับพี่อ๊อฟ (ชนะพล สัตยา) เรื่องนี้บอกเลยว่าไม่อยากให้พลาด เกรซได้เล่นคิวบู๊ ฟันดาบ ซึ่งก็เป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถมาก และอีกคนที่อยากให้จับตาเลยคือพี่อ๊อฟ รับรองว่าทุกคนจะอึ้งในการแสดงของพี่อ๊อฟมากๆ อยากให้รอติดตามชมค่ะ”











เบนซ์ พิสิฐพล



กำลังโหลดความคิดเห็น