“หมิว” เผยจำเลยไม่ได้มาเอง แต่ส่งภรรยามาแทน อ้างป่วยเป็นอัมพฤกษ์ แต่บอกยังไงก็ไม่ขอยอมความ เพราะความผิดมีราคาที่ต้องจ่าย เรียกแค่ 3 แสนยังน้อยไปกับการที่ตนต้องกินยาฆ่าตัวตาย บอกถ้ายังมีคนคอมเมนต์แบบนี้อีกตนก็จะฟ้องต่อ บอกช่วงนี้ว่าง มาศาลได้สบาย
หลังจากที่เมื่อช่วงเช้าสาว “หมิว สิริลภัส กองตระการ” พร้อมด้วย “นางสาวปองกานต์ ขุนภาษี”ทนายความได้มาที่ศาลอาญา รัชดา เพื่อฟังคำไต่สวนคดีที่เจ้าตัวฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาต่อ “นายสินชัย จิตชาญวิฑิต”ที่ใช้ถ้อยคำด่าทอหยาบคายต่อตนทางสื่อโซเชียล ล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงทางหมิวและทนายก็ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง บอกว่าจำเลยไม่ได้มาเอง แต่ส่งภรรยามา อ้างป่วยเป็นอัมพฤกษ์ต้องตัดขา
ทนาย : “ก็ดำเนินกระบวนการไปตามกฎหมายนะคะ วันนี้ก็ยื่นฟ้องในข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาค่ะ นัดนี้เป็นนัดไต่สวนมูลฟ้องนะคะ แสดงพยานหลักฐานต่อศาลเกี่ยวกับคดีนี้ และในส่วนของการไกล่เกลี่ยวันนี้เนื่องจากว่าตัวจำเลยไม่ได้มา ก็อาจจะต้องพิจารณาในเรื่องการไกล่เกลี่ยเป็นครั้งต่อไป แต่ว่า ณ วันนี้ก็ได้มีการดำเนินการไปตามขั้นตอนค่ะ”
หมิว : “ถามว่าถ้าเขามาจะมีการไกล่เกลี่ยใช่ไหม ก็เขามาไม่ได้ค่ะ เขาก็เลยส่งภรรยามาแทน เพราะเขาบอกว่าเขาเป็นเส้นเลือดตีบ เป็นอัมพฤกษ์ ต้องตัดขา ก็เลยส่งภรรยามาแทน ภรรยาเขาก็ขอโทษค่ะ ก็แค่ขอโทษ (หัวเราะ)คือใจหมิวให้อภัยอยู่แล้วค่ะ แต่คนทำผิดมันมีราคาที่ต้องจ่าย มันต้องได้รับบทเรียนในการทำผิดของเขา เพราะสิ่งที่เขาพูดมา สิ่งที่เขาทำร้ายจิตใจหมิวมามันสร้างบาดแผลให้กับหมิวเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขาต้องเรียนรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด เขาต้องได้รับบทเรียนค่ะ ก็ไม่ยอมความค่ะ”
เผยนัดครั้งต่อไปวันที่ 22 พ.ย. แต่จะมีการไกล่เกลี่ยกันนอกศาลก่อน
ทนาย : “ในส่วนของภรรยาเขาก็ไม่สามารถที่จะไกล่เกลี่ยแทนเจ้าตัวได้นะคะ ซึ่ง ณ วันนี้ในเมื่อเจ้าตัวไม่ได้มา การไกล่เกลี่ยของทางภรรยาก็จะไม่ได้มีผลโดยตรงกับทางคุณหมิว ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปคุยกันนอกรอบอีกทีนึง คือจะมีการคุยกันหลังศาลค่ะ จากนั้นก็จะต้องมีการแถลงต่อศาลอีกที นัดครั้งต่อไปเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนค่ะ ส่วนค่าเสียหายก็เรียกไปหลักแสนค่ะ อันนี้ได้แจ้งไปกับทางภรรยาเขาเรียบร้อยแล้ว ทางภรรยารับทราบและทางจำเลยก็รับทราบเรื่องนี้ดีค่ะถามว่าเขาต่อรองไหม ตรงนี้เป็นเรื่องในคดีขอยังไม่พูดถึงนะคะ”
หมิว : “ใจหมิวก็อยากให้จบลงนอกศาลค่ะ เพราะหมิวก็ไม่ได้อยากทำลายชีวิตใครหรอกค่ะ เขาก็เป็นคุณพ่อของครอบครัวๆ นึง แต่ก็ต้องคิดกับทางหมิวด้วยว่าหมิวก็เป็นลูกสาวของครอบครัวนึงเหมือนกัน หมิวทำงานมา 17 ปี หมิวหารายได้ให้กับพ่อแม่น่าจะหลักหลายล้าน กับการที่หมิวเรียกค่าเสียหายในการที่เขามาแสดงความเห็นแบบนั้น แล้วทำให้หมิวเครียด และหมิวก็กินยาฆ่าตัวตายอีกครั้งนึง 3 แสนมันเปรียบเทียบไม่ได้หรอกค่ะ”
บอกมีรายต่อไปแน่นอนถ้ายังไม่หยุดคอมเมนต์แบบนี้
ทนาย : “ในส่วนรายละเอียดของจำเลยก็เป็นเรื่องของจำเลยนะคะ แต่เรื่องการดำเนินการทางกฎหมายในเรื่องสิทธิของคุณหมิวก็ยังต้องดำเนินต่อไปค่ะ”
หมิว : “นี่แค่รายแรกค่ะ คนต่อไปก็ขอให้จบอันนี้ก่อนค่ะ แต่มีต่อไปแน่นอน ถามว่ายังมีคนคอมเมนต์อะไรแบบนี้อีกไหม ก็ไม่แน่นะคะหลังจากข่าวนี้ออกไปก็เดี๋ยวดูกันต่อไปค่ะ แต่ถ้ายังเมนต์อยู่ก็ยินดีค่ะ เชิญค่ะ หมิวว่างอยู่แล้ว หมิวสามารถมาศาลได้ คือเราคุยกันในฐานะของคนที่มีเหตุผล มีการศึกษา มีอารยะได้นะคะแต่ถ้าเกิดดึงเรื่องอื่นมาก็ต้องจบแบบนี้ค่ะ”
ทนาย : “ถ้าจะคอมเมนต์อะไรก็อย่างที่บอกค่ะ ทุกอย่างมันมีผลลัพธ์ของมัน”
บอกดาราก็คนเหมือนกัน ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของใคร
หมิว : “ถามว่าสบายใจขึ้นไหม จริงๆ มันไม่สบายใจหรอกค่ะในการที่จะมีปัญหากับใครคนใดคนหนึ่ง หรือครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งแบบนี้ แต่หมิวรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำ ทำเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับใครต่างๆ ได้รับรู้ไว้บ้างว่าการเมนต์ด้วยความคึกคะนอง การทำด้วยความที่ไม่คิดอะไร ดาราไม่ใช่กระโถนอารมณ์ของใครค่ะ ไม่ใช่สนามอารมณ์ของใครด้วยที่อยู่ดีๆ จะมาพ่นคำอะไรก็ได้ใส่ ดาราก็เป็นคนเหมือนกัน มีความรู้สึกเหมือนกัน เจ็บเป็นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไรขอให้คิดดีๆ ก่อน กระบวนการพิมพ์มันผ่านการคิด การพิมพ์ การดู การส่ง มันมีหลายขั้นตอนมากเลยกว่าที่จะกดออกมาได้
หมิวไม่เชื่อว่าเขาทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มันผ่านกระบวนการมาเยอะมาก หมิวอยากให้คดีนี้เป็นบทเรียนกับพวกคนที่ชอบมาคอมเมนต์อะไรเสียๆ หายๆ หรือสร้างบาดแผลให้กับใคร ไม่เฉพาะกับหมิวนะคะ ไม่เฉพาะกับดาราด้วย แต่เป็นการสร้างบาดแผลให้กับคนอื่นๆ ด้วย ไม่ควรมีไซเบอร์บูลบี่อีกต่อไปแล้ว ถามว่านอกรอบไกล่เกลี่ยกันได้ก็ยังรับคำขอโทษเป็นเงินใช่มั้ย แล้วจะให้หมิวรับคำขอโทษเป็นอะไรล่ะคะ เพราะหมิวเสียหายในหน้าที่การงาน ในชื่อเสียง ในเกียรติคุณ หมิวอับอาย ถ้าเกิดสมมติมีคนมาตบหน้าแล้วบอกขอโทษแล้วกันนะ อย่างนี้เหรอ ไม่เอาค่ะ เขาต้องได้รับบทเรียนจากตรงนี้ค่ะ ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายค่ะ”