การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของนักร้องชื่อดัง “อ๊อด คีรีบูน” รณชัย ถมยาปริวัตน์สร้างความตกใจและเศร้าเสียใจให้กับเพื่อนพ้องในวงการมากมาย โดยเฉพาะ “ชมพู ฟรุตตี้” สุทธิพงษ์ วัฒนจัง, “ปิง ฟรุตตี้” สมพร ปรีดามาโนช, เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์ที่เคยโด่งดังในยุค 80 ด้วยกัน และสนิทรักใครกันมาอย่างยาวนาน
ซึ่งทั้ง 3 คน ได้เดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพ “อ๊อด คีรีบูน” ที่วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร จ.นนทบุรี พร้อมเผยความรู้สึกว่า ทราบมาหลายปีแล้วว่าอีกฝ่ายป่วย แต่ไม่ยอมให้บอกใครเพราะไม่อยากให้คนอื่นเป็นห่วง ขอให้เพื่อนสู่สุคติ วันหนึ่งเราจะได้พบกัน
ชมพู : “ตกใจมากกว่า คือทราบว่าเขาป่วยมานานแล้วครับ แต่ว่าพวกเราก็ทำตามที่อ๊อดเขาขอไว้ ไม่อยากให้เขากังวล เราก็เลยไม่ได้บอกใคร แต่ว่าช่วงหลัง ที่เขาเริ่มทรุดลง มันเป็นเพราะโควิดด้วย เราก็ไม่ได้เจอกัน ก็ไม่ทราบว่าอาการเขาถึงขนาดไหน พอเมื่อวานทราบก็ตกใจ เพราะจริงๆ คิดว่าเขาเคยหายจากอาการไปรอบหนึ่งแล้ว คิดว่ารอบนี้ก็น่าจะรักษาได้ ก็ปุบปับเหมือนกัน ตกใจ”
ปิง : “นิสัยอ๊อด เขาจะค่อนข้างเป็นคนเกรงใจแฟนคลับมาก แล้วก็ไม่ชอบเลย ที่จะให้คนมาต้องวิตกกังวลกับเรื่องของเขา วันที่เรารู้ มันก็เกิดจากการที่เราคุยกันสนุกสนานเฮฮาบนรถด้วยซ้ำ แล้วอยู่ๆ อ๊อดมันก็บอกขึ้นมา ว่าเนี่ยรักษาเนื้อร้าย เอาฟิล์มเอ็กซเรย์ให้เราดูด้วย”
ชมพู : “อันนี้ขอแก้ข่าวนิดหนึ่ง เริ่มต้นเป็นที่ปอด แล้วลามไปกระดูก ตอนที่คุยกันก็คือเราไปร้องเพลงด้วยกันที่เชียงราย เมื่อสักปี 61 แล้วอ๊อดก็เล่าให้ฟังว่าเป็น แล้วก็หายแล้ว แล้วก็เอาฟิล์มเอ็กซเรย์ให้ดู ซึ่งตอนนั้นเนี่ย อาการก็ไปขั้น 4 เหมือนกัน แล้วมันกลับมาอีกทีตอนปี 62 ตอนที่เราไปอัดรายการกิ๊กดู๋ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มันเริ่มกลับมา แล้วมาที่สมอง แล้วเริ่มมีอาการที่ทำให้พี่อ๊อดเนี่ย เหมือนกับว่าสนุกสนานผิดไปจากที่เขาเคยเป็น รอบหลังเนี่ย จริงๆ เท่ห์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้ เพราะเพื่อนของเขาเป็นหมอที่ดูแลอาการพี่อ๊อดเลยในช่วงหลังเนี่ยนะครับ ก็อย่างที่บอกว่าอาการเขาทรุดลง แต่ว่าในช่วง 3-4 เดือนหลังเราไม่ทราบข่าว”
เท่ห์ : “ก็จริงๆ เหมือนกันครับ ก็ทราบกันหมดทุกคน ว่าทางพี่เอ้ก (ภรรยาอ๊อด) แล้วก็พี่อ๊อด เขาต้องการให้มันเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นความลับ พวกเราก็เลยรู้กันแค่วงในไม่กี่คน เผอิญว่าตอนนั้นมางานของคุณพ่อพี่เอ้ก แล้วก็เห็นว่าพี่อ๊อดผอมลงไปเยอะ ก็เลยคุยกัน แล้วมีเพื่อนที่เป็นแพทย์ทางสมุนไพร แม่มดกัญชา ดร.แก้มหอม เป็นเพื่อนรักเท่ห์ ก็เลยให้เบอร์พี่เอ้ก โทร.คุยกันกับทางสามีของแก้มหอม แล้วก็ให้รักษาตามขั้นตอนอีกแบบหนึ่ง มันก็อย่างว่าครับ ต้องเอาทุกทางให้หายให้ได้ กำลังใจตอนรักษา พี่อ๊อดเขาก็เข้มแข็งนะ แกพูดกับพี่เอ้กว่าแกจะไม่ตาย แกยังมีโรงเรียนที่ต้องดูแลอีกเยอะ แกตั้งความหวังไว้เยอะครับ”
แอบเสียดาย ไม่ได้คุยกับเพื่อน ในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ชมพู : “เสียดายมาก คือเมื่อวานพอรู้ บอกตรงๆ ยังเหมือนโกรธ ว่าทำไม คือถามเอ้กเลยว่า ถึงขนาดนี้แล้วทำไมไม่บอกกันบ้าง เพื่อนสนิทหลายๆ คน อย่างน้อยก็ไปให้กำลังใจ หรือไปดูใจแต่ว่าก็ได้ฟังอย่างที่เอ้กเขาบอก คือว่าอ๊อดเองก็จำเป็น ต้องการความสงบ ถ้ามีใครมาเยี่ยมมาอะไรมากๆ ในช่วงหลัง ก็อาจจะยิ่งทรุดไป อันนี้ก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องอันนี้เขาเคยพูดเองกับผม บอกว่าเกรงใจ เขารู้ว่าถ้าใครรู้ว่าเขาไม่สบายเนี่ย ทุกคนก็อยากจะมาเยี่ยม แล้วก็อาจจะเป็นภาระ เพราะว่าช่วงนี้โควิดด้วย ก็มีข้อกังวลหลายอย่าง
ฟังแล้วก็เข้าใจ แต่จริงๆ อยากจะบอกว่า เมื่อต้นปีนี้เองที่เพิ่งเจอ แล้วตอนนั้นอาการอ๊อดดีขึ้นมาก จากที่เท่ห์บอกว่างานศพคุณพ่อเอ้ก ต้นปีนี้เพิ่งเจอกันที่บ้านผู้ใหญ่คนหนึ่ง กินข้าวด้วยกัน แล้วก็ถามอาการว่าเป็นไง อ๊อดก็ดีขึ้นมาก เหมือนไม่ป่วย ก็ถึงยังได้สบายใจ ว่าคงไม่เป็นไร เพราะว่าปี 62 ที่บอกว่ามันกลับมาเนี่ย จนปี 64 ต้นปีเนี่ย เขาดีมากๆ เลย อ๊อดก็บอกว่าไม่ต้องบอกใครนะ ไม่อยากให้ใครกังวล ถึงบอกว่าพอเห็นว่าเขาอาการดีขึ้นมาก เราก็คิดว่าเขาจะหายด้วยซ้ำ พอรู้ว่าเขาเสียเนี่ย พูดไม่ถูก คิดถึงเพื่อน ทำอะไรได้อีกเยอะ”
ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกได้กล่าวกัน
ปิง : “เยอะนะผมว่า”
ชมพู : “คือถ้าโดยวาจาเนี่ย อาจจะยังมี แต่ถ้าโดยใจเนี่ย คือเราเคยคุยกันกันไปแล้ว ว่าตอนที่เขาป่วยเนี่ย วันที่พี่ปิงเล่าให้ฟังว่า เราไปร้องเพลงด้วยกันที่เชียงรายนะครับ แล้วก็อ๊อดเป็นคนเล่าให้ฟังเอง ซึ่งก่อนนั้นเนี่ยเราไม่รู้ ตอนที่เขาเป็นครั้งแรกแล้วก็หายเนี่ย เราไม่รู้นะครับ เขามาเล่าให้ฟัง หลังจากที่หายแล้ว ถึงบอกเพื่อนสนิทขนาดนี้เขายังไม่บอก คือเขาไม่ได้อยากให้ใครมากังวลด้วย หายแล้วเขาถึงได้บอก เพราะเราจะได้ไม่กังวล
ก็เอาฟิล์มเอ็กซเรย์ให้ดู แล้วบอกกระดูกมันดำไปหมดเลย มันเข้ากระดูกไปแล้ว เริ่มจากปอดลามไปที่กระดูก แล้วรักษาจนหาย เราถึงบอกว่า เออเนอะชีวิต บางทีเหมือนจะไม่รอด ก็รอด บางทีเหมือนน่าจะรอด ก็ต้องจากไป ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ ถึงบอกว่าถ้าโดยใจเคยคุยกันไปแล้ว เชื่อว่าอ๊อดรับรู้ได้ว่า เพื่อนทั้งหมดของอ๊อด หรือแม้กระทั่งแฟนเพลง คิดยังไงรู้สึกยังไงกับอ๊อด ห่วงใยอ๊อดขนาดไหน แต่อย่างที่บอกเขาเลือกของเขาเองครับ ว่าเขาไม่อยากให้รบกวนใคร เราก็เลยปิด ไม่ได้ไปบอกให้ใครทราบ”
บอกกับเพื่อนให้ไปสู่สุขคติ สักวันหนึ่งจะไปหา ไม่มีอะไรติดค้างกัน
ชมพู : “ก็บอกว่าไปให้สงบนะ โรงเรียนของเขาก็มีลูกมาดูแลแล้ว แล้วก็คิดถึงครับ”
ปิง : “ก็บอกเขาว่าไปสู่สุคตินะ เรื่องบนโลกก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร สักวันหนึ่งเดี๋ยวก็จะไปหากันเอง (หัวเราะ)”
เท่ห์ : “ก็บอกให้พี่อ๊อดเดินทางปลอดภัย ตามสไตล์ครับ ก็ไม่ได้มีอะไรติดค้าง เพราะก็ถือว่าช่วยแกเต็มที่แล้ว ผมก็อยากให้แกหาย เพื่อนผมที่รักษาให้พี่อ๊อด นี่คือภาวนากับผม ว่าเขาไม่คิดไม่เอาเงินพี่อ๊อดแม้แต่บาทเดียว วันนี้เขาก็ทำจริงๆ ก็ต้องขอบคุณแม่มดกัญชานะครับ ดร.แก้มหอม แล้วก็พี่อ๋อง สามีเขา ที่ดูแลพี่อ๊อดอย่างดี ส่งทีมงานมาดูแลตลอด เป็นสิ่งที่อย่างน้อยเท่ห์ก็ดีใจ ที่ได้มีส่วนดูแลพี่ชายครับ”
มีทำเพลงไว้ด้วยกัน “ที่ข้างๆ ยังว่างไว้รอเธอ” แต่ไม่รู้จะได้ทำต่อไหม เพราะอ๊อดไม่อยู่แล้ว
ชมพู : “คือเคยคิดไว้แล้ว เคยคิดทำแล้วด้วย ยังดีที่เราได้จัดคอนเสิร์ตรวมดาว 18 กะรัต ไปครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อปี 61 แต่จริงๆ เราเคยแต่งเพลงไว้กับพี่อ๊อด แล้วก็จะทำคอนเสิร์ตกับ JSL เหมือนกัน แต่ว่าก็ยังไม่ได้ทำ เรา 3 คนก็ไปน้องอัดเสียงไว้แล้วด้วย ชื่อเพลง ที่ข้างๆ ยังว่างไว้รอเธอ ก็ที่ข้างๆ เราก็ยังว่างไว้รออ๊อดอยู่ (ยิ้ม) ก็คิดว่าจะทำ คงไม่ได้ทำแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะอ๊อดทำอะไรไว้เยอะแล้ว ไม้ต้องเสียดาย สิ่งที่เขาทำไว้ มันมากพอที่จะทำให้เราคิดถึงเขาไปได้ตลอดชีวิต จะทำยังไงกับเพลงนี้ต่อ ก็ยังคิดไม่ออกครับ ไม่แน่ใจ แต่ก็คิดว่าอาจจะเอามาให้คนที่คิดถึงอ๊อดได้ฟังกัน เพราะเราก็มีเสียงอ๊อดแล้ว”
ก่อนหน้านี้มีลางสังหรณ์มาก่อน เพราะมีแต่ความหวังว่าจะหาย เพราะเจอกันล่าสุดมันดีมาก
ชมพู : “ไม่มีนะ จริงๆ มีแต่ความหวังว่าอ๊อดจะหาย อย่างที่บอกเมื่อต้นปีที่ได้เจอ คือเหมือนหายแล้วด้วยซ้ำ ยังบอกว่า เฮ้ย…เจ๋งว่ะ ดีใจ กินข้าวกัน แล้วหลังจากนั้นโควิดมันก็มาอีก ก็ไม่ได้โทร.คุยกับอ๊อด ก็คุยกับเอ้ก คุยทางไลน์มั่ง โทร.หามั่ง ถามเป็นระยะ ซึ่งเอ้กก็จะบอกว่า อ๋อ…ไม่เป็นไร เพราะว่าพี่อ๊อดสั่งไว้ อันนี้คือเขาบอกตอนหลัง ว่าอ๊อดสั่งไว้ เราก็เลยได้รับข้อมูลแค่นั้น”
5 ธันวาคมปีที่แล้ว ที่ขึ้นคอนเสิร์ต “หนึ่ง จักวาร” คือมีอาการป่วยแล้ว
ชมพู : “นั่นแหละ คือช่วงที่ใกล้ๆ ที่เราเจอเขา คือลามมาแล้ว แล้วดีขึ้นแล้ว ไม่งั้นคงขึ้นคอนเสิร์ตไม่ไหว ดีขึ้นแล้ว แล้วตอนช่วงหลังนั้นแหละ ที่มันกลับมาอีก ร่างกายเขาคงจะรับไม่ไหวแล้ว เพราะมันเริ่มจากปอด ลามไปกระดูก แล้วมาสมอง แปลว่าอวัยวะส่วนใหญ่ มันค่อนข้างจะบอบช้ำ พลังชีวิตคงลดลงๆ เรื่อยๆ ครับ”
ด้านอดีตเพื่อนร่วมวงคีรีบูน อย่าง ตุ้ม พิพัฒน์ นิลประภา (เสื้อสีดำ), โอ๋ อาทิตย์ นามบุญศรี (เสื้อสีเทาดำ) และ ศาล ไพศาล อัญญธนา (เสื้อสีขาว) ก็ได้เปิดใจถึง “อ๊อด คีรีบูน” เป็นครั้งสุดท้ายว่า…
“กลุ่มเรารู้เรื่องอาการป่วยของพี่อ๊อดมาตลอด อาการมันดีขึ้น มีดาวน์บ้าง แต่ล่าสุดเหมือนอาการดีขึ้นมาก เลยไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ยังคุยกันเรื่องการทำงานอยู่เลย เขาไม่ได้บอกว่าอาการทรุด แต่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้อยู่ ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เขาเป็นคนเข้มแข็ง กำลังใจดี แต่อยู่ดีๆ ก็ทรุดลง ตอนรู้ข่าวขนหัวลุกเลย ไม่คิดว่าจะไปเร็ว”
ยอมรับในความสามารถของเพื่อนคนนี้ ในทุกๆ ด้าน
“ยอมรับว่าเขาเป็นคนเก่งในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการแต่งเพลง เรื่องดนตรี เรื่องวิสัยทัศน์ มีความเป็นผู้นำสูง”
ในยุค 80 “คีรีบูน” ประสบความสำเร็จมาก ถือเป็นอันดับหนึ่ง
“ก็เยอะนะ ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในยุคนั้น พวกยอดขายด้วย เรียกว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองไทย”
ประทับใจกับคอนเสิร์ตโลกดนตรี เพราะได้รับฉายา ว่าทำให้โลกดนตรีแตก
“โลกดนตรีครับ ตอนนั้นเราไปแล้วก็ได้รับฉายาว่าทำให้โลกดนตรีแตก เพราะคนเยอะมาก มีคนปีนต้นไม้ดูด้วย แล้วก็คอนเสิร์ตครั้งที่ขอนแก่น เรานั่งรถทัวร์ไปกัน เครื่องดนตรีก็เช่าหมด ไม่มีอะไรของตัวเอง”
ความขี้เกรงใจของ “อ๊อด” มีมาตั้งแต่หนุ่มๆ
“ใช่ครับ เขาไม่อยากเป็นภาระ หรือทำอะไรให้เพื่อนกังวลใจ หลายๆ อย่างเขาเลยไม่บอกเพื่อน กลัวจะทำให้ลำบาก”
ยังติดต่อกันอยู่ตลอดแม้ไม่ได้ทำวงแล้ว
“ใช่ครับ โทร.คุยกัน นัดกินข้าวบ้าง อย่างตุ้มก็จะคุยกับพี่อ๊อดเยอะมาก เมื่อวานก็อยู่ในเหตุการณ์ที่โรงพยาบาล”
เป็นทุกสิ่ง มากกว่าเพื่อนร่วมวง
“เป็นทุกสิ่ง รักพี่อ๊อดนะครับ”
เชื่อเขายังมีห่วงเรื่องงาน
“ห่วงเรื่องงาน”
ดนตรีเป็นชีวิตของ “อ๊อด” เขามีความสุขมาก เวลาอยู่บนเวที
“ใช่ครับ เหมือนดนตรีเป็นชีวิตของเขา แล้วเขาก็ตั้งใจมุ่งมั่นทำงานให้ออกมาดีที่สุด เขาจะมีการเตรียมพร้อม ให้เวลาแสดงหน้าเวทีแล้วเป๊ะ เขาเป็นกำลังเคลื่อนหลักครับ เราเป็นคนคอยสนับสนุน ให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่อ๊อดคิด”
อยากให้ไปแบบสบายใจ ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ทุกคนจะช่วยทำทุกอย่างต่อไปเอง
ศาล : “ตอนรดน้ำศพก็บอกว่า ที่สัญญาไว้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะทำต่อกับลูกสาวเขา”
โอ๋ : “เรากับพี่อ๊อดโตมาด้วยกัน เพราะบ้านอยู่ติดกันตั้งแต่เด็ก แล้วก็เรียนด้วยกันมา เขาเป็นเพื่อนที่น่ารักและมีน้ำใจ คอยเป็นห่วงเพื่อน อยากให้พี่อ๊อดไปสบายในภพของเขา งานที่คั่งค้างอยู่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพื่อนๆ จะช่วยสานต่อ”
ตุ้ม : “อยากให้พี่อ๊อดสบายใจเรื่องงานทุกคนจะช่วยกันเต็มที่ อยากให้พี่อ๊อดสบายใจ”
คอนเสิร์ตครั้งล่าสุดที่เล่นด้วยกัน คือรวมดาว 18 กะรัต
“เมื่อปี 53 ครับ ที่เมืองทอง แล้วก็รวมดาว 18 กะรัต ภาพจำสุดท้ายในครั้งนั้น ก็เหมือนวันแรกที่เราเริ่มต้น เป็นภาพเดียวกัน มันมีแต่ความสุข”
เสน่ห์บนเวทีของเขา คือสุขภาพและให้เกียรติทุกคน
“เขาเป็นคนสุภาพและให้เกียรติทุกคน มีความเป็นกันเอง ไม่ถือตัว ไม่เคยคิดว่าฉันคืออ๊อด คีรีบูน”