xs
xsm
sm
md
lg

"โอเลี้ยง เชิญยิ้ม” ปล่อยโฮ ตกอับหนี้ท่วม ประทังชีวิตด้วยถุงยังชีพ เคยคิดขายดวงตาข้างละ 8 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยืดอกรับแมนๆ ไปเลยว่าเป็นตลกตกอับ มีหนี้ท่วมหัว สำหรับตลกชื่อดัง “โอเลี้ยง เชิญยิ้ม” ที่เจอพิษโควิด-19 เล่นงาน ต้องขายสมบัติกินเกลี้ยง จนคิดจะขายดวงตาของตัวเองแลกกับเงิน และตอนนี้มีชีวิตอยู่ได้เพราะอาศัยถุงยังชีพ โดย โอเลี้ยง ได้เปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ถึงชีวิต 2 ปีที่ผ่านมาว่า…

หนี้ท่วมหัวไม่เหลือแม้แต่เงินในบัญชีสักบาทเดียว ยอมควักดวงตาขายข้างละ 8 ล้าน มันเกิดอะไรขึ้น?
“ก็มันไม่มีอะไรเหลือแล้ว คือไม่มีอะไรที่จะขายแล้ว งานการก็ไม่มี เงินก็ไม่มี หมดหนทางแล้ว 2 ปีเต็มๆ ที่เจอสถานการณ์นี้ เราใช้ไปหมดแล้วของเก่า ขายไปหมดแล้ว รถ บ้าน เรื่องขายดวงตาทีแรกคิดอยู่นะ เพราะว่าเคยได้ยินข่าวว่าขายไตข้างนึงขายได้ มันก็ยังเหลืออีกข้าง เราเลยไปถามคนที่รู้จัก ถ้าขายดวงตาจะขายได้ไหม เขาบอกขายได้ งั้นก็ขายไปข้างนึง เรายังเหลืออีกข้าง ข้างนึงเขาจะซื้อหรือเปล่าประมาณนี้ ถ้าเกิดขายได้ก็จะขาย

ผมเลยพูดในไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กของผม แล้วก็พูดคุยว่าถ้าดวงตามันขายได้ ผมจะขาย ใครจะซื้อประมาณนี้ ขาย 8 ล้าน ข้างเดียว ชีวิตตอนนี้มันหนักเหลือเกิน หลายๆ อย่างเลย ทั้งยืมเขามาใช้ ค่าบ้าน ค่าไฟ ค่าเทอมลูกที่จะมาถึงด้วยผมรับผิดชอบคนเดียวทั้งหมดเลย

ตอนนี้ไม่คิดจะขายแล้ว เพราะอยากเห็นอนาคตลูกมากกว่า อีกอย่างเรามาคิดว่า คนก็มาดูถูกขายตาไปแล้ว แล้วต่อไปมึงไม่ขายไตมึงเหรอ ไม่ขายตับ คนไม่ใช่หมูจะได้ขายทุกอย่าง มันพูดไปด้วยความน้อยใจในโชคชะตาของชีวิตมากกว่า”

ยังอยู่กับภรรยาไหม?
“ภรรยาเลิกไปประมาณ 5 ปีแล้ว แต่ว่าเขายังมาอยู่ด้วย แต่ก่อนเคยหนีจากเรานะ ตอนหลังไปไม่รอด แล้วมาอาศัยอยู่กับเรา เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้องกัน เพื่อลูก มีลูกสาวอีกหนึ่งคน คุณพ่อ คุณแม่ อยู่ต่างจังหวัด น้องสาวเขาดูแลอยู่ พอมันเกิดปัญหาแบบนี้ 2 ปีไม่มีงาน เราก็เอาเงินที่พอมีอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ มาใช้ แล้วไปยืมเขามาบ้าง ยืมเขามาใช้ ยืมเขามากิน บางทีก็ไปขอเจ้านายบ้าง ลูกพี่บ้าง แต่ขอบ่อยก็ไม่ไหว อายเขา

เขาดูถูกกลับมา เล่นตลกมาไม่รู้จักเก็บ เห็นมีงานเยอะแยะ มีงานเยอะแล้วไง ค่าตัวแต่ละครั้งเราไม่ได้เรตสูง เราเรตกลางๆ ถูกๆ ไม่ได้มากมาย ได้มา ใช้ไป เขาบอกว่าเชิญยิ้มทุกคน รวยทุกคนส่วนมาก ทำไมมึงแย่กว่าเพื่อนวะ ประมาณนั้น เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาก็ช่วย ยืมไปๆ มาๆ ก็ไม่เอาหรอก เอาไปใช้ คนถามเมื่อก่อนงานอู้ฟู่มาก เงินที่ได้จากตรงนั้นไปอยู่ไหนหมด ก็ขอตอบว่าได้มาใช้ไป ค่าใช้จ่าย ค่ารถ ต้องผ่อนบ้านอยู่ ค่าเรียนลูก เราก็ดูแลคนเดียว ค่าใช้จิปาถะทุกอย่าง มันก็เลยได้มาใช้ไป พอไปยืมมาแล้วเราไม่มีคืน ก็ไปยืมอีกเจ้านึงมาใช้อีกเจ้านึง หนี้ก็ทบ ส่วนมากเพื่อนยืมเพื่อน ไปขอเจ้านาย ขอลูกพี่บ้าง แต่พอขอบ่อยๆ ก็อายเขา เกรงใจ”

ตอนนี้เป็นหนี้เท่าไหร่?
“จริงๆ ก็มีค่าบ้าน ค่าไฟ ค่าไฟนี่เรียบร้อยไปแล้ว ค่าใช้จ่ายจิปาถะในบ้านก็ประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท มันมีค่าส่วนกลางของหมู่บ้านด้วยที่ยังไม่ได้จ่าย ติดเขามา 2 ปีแล้ว ไม่มีจะจ่าย แล้วเราก็เครียด หนี้มันไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าต่อไปเราจะเอาที่ไหนมาใช้เขา เราคิดอย่างนั้น มันไม่มีรายได้เข้ามา ตอนนี้หนักถึงขั้นมีเจ้าหนี้มาทวงด้วย แต่ทวงแล้วไม่มีให้เขา ขอผัดไปก่อน โทร.มาทวง บอกขอเวลาหน่อย เดี๋ยวก็มีงานเข้ามา รอโควิดหายก่อนแล้วค่อยว่ากัน มันจุกอกเหมือนกัน มันก็ไม่รู้จะโทษใคร ก็โทษตัวเอง เราต้องยอมรับตัวเอง ยอมรับสภาพว่าเขาดูถูกก็เขาดูถูก ช่างมัน เราเป็นจริงนิ ไปโทษใครได้

การได้เงินมาแล้วใช้ไป มันเป็นการบริหารเงินที่ผิดพลาด เราบริหารจัดการยังไม่เก่ง ยังไม่รู้จะจัดการระบบไหน พอได้มาก็ใช้ไป ไม่รู้จักวางแผนระยะยาว มันก็เป็นแบบนี้”

คำว่าตกอับ ได้ยินคำนี้ รู้สึกยังไงบ้าง?
“คิดว่ามันเป็นวาทกรรมมากกว่า ตลกตกอับ ศิลปินตกอับ เราก็ยอมรับนะ ผมโอเค ผมตกอับ คนจะพูดก็พูดไป ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว หมดหนทางจริงๆ ผมจะไปโต้แย้งอะไร ผมก็อับจริงๆ ถ้าเราอับไม่จริงเราเถียงได้ เราเถียงไม่ได้ เรายอมรับ”

หลายคนก็มีคำถามว่ามันมีทางอื่นที่หารายได้ได้ ทำไมไม่ไปทำแบบขายลูกชิ้น ขายหมูปิ้ง ซึ่งสร้างรายได้ได้เหมือนกัน?
“มีคนแนะนำว่าไปขายลูกชิ้นไหม วันนึงก็ได้ 500 กว่าบาท ก็โอเคนะผมไปรับลูกชิ้นมา เราคนเดียว ต้องไปรับลูกชิ้น ตื่นแต่เช้า ไปก่อไฟ ย่าง เข็นรถไป เราไม่สะดวก ด้วยสุขภาพของตัวเองหอบ เหนื่อยง่าย จะทำอะไรคล่องแคล่วไวๆ แค่เดินขึ้นบันได 2 ขั้นก็สภาพนี้แล้ว เพราะ 3 เดือนต้องไปหาหมอที เลยทำอะไรหนักๆ ไม่ได้ เหนื่อยมากๆ เราจะไปทันอะไรกินเขาล่ะ แล้วอดีตภรรยาขายน้ำส้มอยู่หน้าหมู่บ้าน ก็ช่วยค่ากับข้าว ช่วงหลังๆ ก็ขายไม่ค่อยดี ให้เขามาช่วยเขาคงจะไม่เอา เขาจะตามใจเขา เขาชอบขายแบบนี้”

แล้วลูกสาวมีส่วนช่วยอะไรบ้างไหม?
“เขาเรียนอยู่ ไม่อยากให้อะไรมากมาย เขาช่วยในช่วงปิดเทอม มีเวลาว่างแล้วไปรับจ๊อบพิเศษเพื่อหารายได้มาช่วยบ้าง แต่เราก็ไม่อยากให้ลูกหักโหมมาก เพราะเขาเรียนอยู่ เราอยากจะช่วยลูกมากกว่า”

เห็นบอกว่าต้องพกยาฉุกเฉินไว้ในตัวตลอด?
ต้องพกตลอด ผมมีโรคประจำตัว คือหอบหืด พอเดิน หรือวิ่งไม่ได้ก็ต้องพ่นแล้ว แต่ถ้าไม่ฉุกเฉินจะมีเครื่องพ่น ต้องซื้อเอง 2 พันกว่าบาท ราคาถูกนะ ถ้าแพงๆ ก็ 4-5 พัน แล้วก็ต้องซื้อยามาเอง กล่องก็ 800 ต้องประมาณ 2 โดสถึงจะอยู่ ผมเป็นมานานแล้วพอไปหาหมอเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองหนัก แต่ก่อนไม่เคยไปหาหมอเราไม่รู้ ตอนหลังไปหาหมอ หมอบอกหนัก 4-5 ปีแล้ว สภาพนี้ต้องไปหาหมอทุกๆ เดือน

มีเข้า ICU ครั้งนึง แรงมาก วันนั้นมันก็เพลีย ก็บอกลูกขับรถไปที่โรงพยาบาล หมอก็เข้าห้องฉุกเฉินเลย เขาใส่อะไรเต็มไปหมด แล้วเขาฉีดยาสะดุ้ง คืนมาได้ ตอนนั้นเกิดจากเพราะหลอดลมมันตีบตัน แล้วอีกอย่างไม่ใช่แค่หอบหืด กระเพาะด้วย จะไปทำงานก็พกยาเป็นถุง ใครจะไปทำงานสะดวกคนเดียว ใครจะไปไหว”

พอมีข่าวมาแบบนี้ มีพี่น้องในวงการ ติดต่อมาช่วยบ้างไหม?
“ก็มีอยู่หลายๆ ท่าน ท่านนายกโอบะก็โทร.มาให้กำลังใจ แล้วเพื่อนๆ ตลกรุ่นน้อง รุ่นพี่ โทร.มาให้กำลังใจ พี่ถั่วแระ ด้วย ก็ให้กำลังใจ สู้ๆ บางคนเขาก็แย่เหมือนกัน พอรู้เรื่องพี่บิณฑ์กับพี่เอกพันธ์ก็ช่วยทันทีเลย แล้วท่านดร.มนัสด้วย พอพี่บิณฑ์รู้ก็โอนมาเลย คุยผ่านน้องผึ้ง เพราะเขาสนิทกัน ก็ฝากขอบคุณไปแล้ว ส่วนตัวก็รู้จักแต่ไม่สนิทกัน เขาก็มาช่วย ได้มาแบ่งเบาภาระเบื้องต้น ค่าไฟก็จ่ายหมดเลย 5 เดือน”

ไลฟ์สดขอรับบริจาค?
“คือมันไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาพูดมาคุย ไปๆ มาๆ ก็มีเพื่อนๆ แนะนำมา ลองไปไลฟ์สดร้องเพลง ขอพวงมาลัยออนไลน์ คนอื่นก็มีเยอะแยะ เราก็เอาวะ วันแรกก็เงียบ ไม่มีเลยสักพวงเดียว วันที่ 2 มีมาพันนึง พอวันที่ 3 ไม่มีสักบาท วันที่ 4 ก็ไม่มีสักบาท ก็ไม่ทำต่อ รู้สึกละอายใจ”

เหรียญมันมีสองด้าน แต่ก็มีคนบางกลุ่มคิดว่ามีคนที่ลำบากกว่าเราคิดยังไง?
“มองอยู่เหมือนกัน รู้สึกละอายใจ ยอมรับว่าตัวเอง มือ เท้า มี แต่ด้วยสุขภาพ และอายุ เราเข้าใจสถานการณ์ว่าคนลำบากกว่าเราเยอะ เราก็ไม่ใช่จะมาขอบริจาค แต่ว่าหากผู้ใหญ่เมตตา แบ่งเบาภาระ ก็โอเค แต่จริงๆ พี่อยากจะมาพูดขอเรื่องงานมากกว่า ไม่ได้เน้นเรื่องบริจาคของ ตอนนี้ก็มีงานเข้ามาแล้ว”

ชีวิตทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยถุงยังชีพ?
“ถุงยังชีพจริงๆ ข้าว น้ำปลา น้ำมันพืช อยู่ในนั้นครบ ซึ่งได้มาจากสมาคมตลก วัดพระบาทน้ำพุก็มาช่วยบ้าง แล้วมูลนิธิต่างๆ ก็มาช่วยผ่านสมาคมตลก มันก็มีอยู่เรื่อยๆ ก็จะมีปลากระป๋องหมดก็ไม่มีอะไรกินแล้ว ถุงนึงข้าวอยู่ได้นาน แต่อาหารมันมีน้อย ปลากระป๋องมีอยู่ 4-5 กระป๋อง ก็ไม่มีอะไรกินแล้ว เงินจะซื้อไข่ก็ไม่มี
ตอนนี้มีเงินในบัญชีเหลืออยู่ 8,000 ครับ เพราะว่าที่ได้มาก็ไปจ่ายเขา ค่าไฟ ค่าบ้าน ใช้หนี้ใช้สินเขาบ้าง ตอนนี้เหลือ 8,000 เพราะว่าเราไม่ได้รับบริจาค มีเพื่อนๆ ก็โอนมาให้บ้าง บ้านที่อยู่ตอนนี้ ก็หลุดจำนอง ขายฝาก เป็นของเขาไปแล้ว ตอนนี้อาศัยเช่าบ้านตัวเองอยู่ ช้ำใจไหมละ ทั้งๆ ที่จะเป็นของตัวเองอยู่แล้ว”

เคยคิดไหมว่าวันนึงชีวิตจะมาถึงจุดนี้?
“ไม่เคยคิดเลย บ้านหลังนี้คิดว่าให้เป็นทรัพย์สมบัติของลูก เราก็มาจากบ้านนอกไม่มีอะไรติดเนื้อ ติดตัวมา มาจากบ้านก็มีลังกระดาษใส่เสื้อผ้า สร้างฐานะตัวเองได้ก็โอเค ตอนนั้นภูมิใจ ผ่อนบ้านจะหมดอยู่แล้ว มันมาเกิดปัญหาลูกจะเข้ามหาวิทยาลัย สรุปงานการไม่มี ต้องไปขายฝากพอขายฝาก 7 แสน ติดธนาคารอยู่ 3.8 แสน ใน 7 แสนต้องไปใช้ธนาคารให้หมดก่อน แล้วจะไปโอนเป็นของเขาได้ แล้วมาเสียดอกเบี้ย เหลืออยู่แสนกว่าบาท คือขายฝาก ถ้า 6 เดือนคุณไม่ไปเอา ก็เป็นของเขาไปเลย ทุกวันนี้พอดีมีผู้ใหญ่ใจดีไถ่มาให้ เราก็เลยได้เช่าต่อ 4,500 แล้วก็ค่าส่วนกลางอีก 400 ก็เท่ากับ 5,000 ต่อเดือน รถทุกวันนี้ไม่มีแล้ว”

เคยมีช่วงท้อๆ จนอยากจบชีวิตตัวเองไหม?
“เคยครับ ชีวิตเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง มันไปหาที่ไหนไม่ได้ มืดแปดด้านไปหมดเลย คนอื่นยังมีคนหยิบยื่นมาช่วยเหลือ เราไม่มีใครแล้ว แล้วลูกเรากำลังเรียนอยู่ ซึ่งเรารับผิดชอบ ทำไมเราทำเพื่อเขาไม่ได้ บางทีอยากไปๆ ให้มันจบ บางทีมันคิดไปไม่ได้ มันคิดถึงอนาคตเขา อยากเห็นอนาคตลูก อยู่ให้ลูกเรียนให้จบก่อน มันท้อใจนะ ต้องมาเช่าบ้านตัวเองอยู่ มันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ลูกก็ให้กำลังใจ สู้ๆ เขาเข้าใจพ่อ”

โดนอะไรบ้างจากกระแสที่ออกมา?
“ลูกคนเดียวเลี้ยงไม่ได้ บางคน 4 คนเขายังเลี้ยงได้เลย คือต้นทุนไม่เหมือนกัน”











กำลังโหลดความคิดเห็น