“บุ๋ม ตรีรัก” ใจอ่อนกับ“ฉอด สายทิพย์” รับเล่นละครในรอบ 25 ปี โอดรู้สึกเครียดตั้งแต่เวิร์กช็อก แต่แอบทึ่งเด็กรุ่นใหม่ เล่นละครเก่งจนน้ำตาไหล ลั่นยุ่งมากมี 2 บริษัท ต้องบินไปบินมาระหว่างไทยและอเมริกา หวั่นติดใจไม่ขอรับละครต่อเนื่อง
เป็นการหวนคืนงานละครอีกครั้งในรอบ 25 ปีเลยทีเดียว สำหรับอดีตนางเอกยุค 90 อย่าง “บุ๋ม ตรีรัก รักการดี” ในละครเรื่อง สายรุ้ง ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าปฏิเสธละครมาตลอด แต่พอรับปากไปแล้ว และเป็นช่วงว่างที่อยู่เมืองไทยช่วงโควิดด้วย
“กลับมารับละครในรอบน่าจะเกิน 25 ปี เพราะว่าบุ๋มไปอยู่อเมริกาประมาณ 20 ปี ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้เล่นละคร มีถ่ายแบบ เล่นคอนเสิร์ต เพราะฉะนั้นไม่น่าจะต่ำกว่า 25-26 ปี สาเหตุที่กลับมารับละคร คือช่วงนี้อยู่เมืองไทยนาน เพราะติดสถานการณ์โควิด แล้วก็มาทำบริษัทที่นี่ พอดีทางทีมของพี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) ติดต่อมา จริงๆ บุ๋มปฏิเสธมาตลอด บอกว่าไม่เล่นละครแล้ว เพราะไม่ได้อยู่เมืองไทย บินกลับมาแป๊บๆ ไม่ถึงเดือนก็บินกลับ จริงๆ เรื่องนี้จะถ่ายตั้งแต่เดือนเมษายนแต่เลื่อน แต่พอรับปากแล้วก็ต้องเล่น
คือตอนแรกคิดว่าจะถ่ายเสร็จก่อนบินกลับอเมริกาเดือนตุลาคมนี้ ก็รับปากไปแล้ว และสาเหตุแรกที่รับละครเรื่องนี้ในรอบ 20 กว่าปี เพราะว่าเป็นของพี่ฉอด เรารู้ว่าเป็นผลงานที่มีคุณภาพไหนๆ กลับมาเล่นละครครั้งแรกในรอบ 20 กว่าปี อยากร่วมงานกับทีมที่มีคุณภาพ แล้วเห็นชื่อนักแสดงน่ารักทุกคนเลย ไม่เคยร่วมงานกับน้องๆ กลุ่มนี้มาก่อน ที่รู้จักตามงานเคยเจอกันบ้างก็แคท (แคทรียา อิงลิช) เพราะยุค 90 เหมือนกัน และเคยเจอป้อง (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) ครั้งนึง ตอนหนุ่มสาวแพรวรียูเนียน เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน นอกนั้นก็เพิ่งเจอครั้งแรกค่ะ”
บอกเครียดตั้งแต่ไปเรียนเวิร์กช็อปแล้ว
“ถามว่าเคาะสนิทไหม บอกตรงๆ เลยตอนที่ไปเวิร์กช็อปกัน ยอมรับว่าเครียด เพราะบุ๋มไม่เคยเล่นละครมา 20 กว่าปี เลยรู้สึกว่าลืมแอ็กติ้งไปหรือเปล่า ลืมตีบทแตกไปหรือเปล่า ก็ได้บอกกับผู้กำกับว่าอาจจะเล่นได้ไม่ดีนะในตอนแรกๆ เพราะยังไม่คุ้นเคยกับกล้อง รู้มาเหมือนกันว่าตอนนี้กล้องที่ถ่ายไม่เหมือนแต่ก่อน เทคนิคต่างๆ มุมกล้อง แตกต่างกัน ซึ่งก็เป็นห่วงตรงนี้ ซึ่งทางผู้กำกับก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวมาตบๆ กัน แต่หลังจากเวิร์กช็อปก็สรุปว่าเข้าขากับนักแสดงได้ ต้องขอชมว่าเด็กยุคนี้เล่นละครเก่งมาก น้ำตาไหลได้เลย
แอบหวั่นว่าจะเข้าไม่ถึงบทบาทการแสดงไหม คือก็ต้องยอมรับความจริงว่าเราห่างการแสดงมานาน เพราะฉะนั้นเลยค่อนข้างที่จะตั้งใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เหมือนเคาะสนิม ก็บอกผู้กำกับว่าถ้าเล่นแล้วไม่ถึงให้เทกนะ อย่าปล่อยฉากนั้นออกไป เพราะอย่างน้อยๆ บุ๋มกลับมาแล้วต้องเต็มที่กับงาน อยากทำให้สมบทบาท และยิ่งบทแม่นางเอกเป็นตัวปัญหาเลย มีหลายคาแร็กเตอร์มากๆ ไม่ว่าจะติดเหล้า ติดพนัน เป็นผู้หญิงที่คิดว่าทำถูก รักลูก แต่จริงๆ รักลูกผิด ทำให้นางเอกติดเหล้าด้วย ก็เป็นตัวปัญหาของเรื่อง ก็บอกไปว่าอย่าเกรงใจเรานะ วันที่เวิร์กช็อปคนเขียนบทก็มาดูด้วย ก็คุยกับเขาต่อได้ให้ทีมงานรู้จักตัวเราว่าเป็นยังไง การร่วมงานโอเคไหม เขาก็บอกว่าเราไปต่อได้ เราก็รู้สึกดีว่าเด็กรุ่นน้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับหรือคนเขียนบทเราเวิร์คช็อปกันหนเดียวแล้วเขาโอเคกับเรา นั่นแปลว่าสิ่งที่เราเตรียมตัวมาอย่างน้อยๆ ก็คงจะผ่านมาตรฐานของคนรุ่นใหม่ยุคนี้”
เผยเตรียมกลับไปอยู่ที่อเมริกาเหมือนเดิม แต่จะบินไปบินมา
“ถามว่าจะรับละครต่อเนื่องเลยไหม ไม่ค่ะ ถ้าเล่นเรื่องนี้แล้วคงหายยาวเหมือนเดิม ก็กลับไปอยู่อเมริกาเหมือนเดิม แต่ก็บินไปบินมาอยู่แล้ว เพราะเปิดบริษัทที่นี่ คือระหว่างช่วงโควิดก็หาอะไรทำ จะได้ไม่เครียด เดี๋ยวเดือนตุลาคมนี้จะบินกลับแล้วค่ะ แต่ก็ไปแป๊บเดียว เพราะละครยังไม่เสร็จ ก็มีคุยกับทางทีมงานบอกคิวเขา ก็ไปหนึ่งเดือนแล้วบินกลับมา
ถามว่ามีแผนสำรองไหม คือที่คุยก็น่าจะเปิดกล้องเดือนหน้า เราก็สาธุว่าขออย่าให้มีอะไรเปลี่ยนแปลง สถานการณ์ ณ เวลานี้เขาปลดล็อกแล้ว กลับเข้ามาก็กักตัว คือจากบทก็มีเราเยอะเหมือนกัน ก็ดูแล้วให้คิว 3 วัน อาจจะคิวรวน สงสารน้องๆ เราอยู่วงการมาก่อนรู้ว่าอย่างน้อยๆ ละครต้อง 4 วัน ยิ่งคนมีบทเยอะด้วย ก็เลยบอกทีมงานว่าให้คิวเป็น 3 วันครึ่ง คือด้วยความที่เรามีงานที่บริษัทด้วย และก็มีคุยว่าถ้ามีปัญหาเรื่องคิวหรืออะไรก็บอกกันได้ เคลียร์ได้ ถ้าจำเป็นก็จะสลับคิวให้ ถ้าต้องงดประชุมที่บริษัทก็ต้องงด แต่ต้องมีเหตุผลมาบอกกัน
ไม่ได้กลับมารับละครเต็มตัวค่ะ เพราะสถานการณ์นี้ทำให้อยู่เมืองไทยนาน คือก็ยังคุยกับทีมงานเลยว่าสาเหตุที่เมื่อก่อนไม่รับละครตอนที่ยังอยู่ที่โน่นเพราะว่ากลัวติดใจอีก เราเคยอยู่วงการมานาน ตั้งแต่วัยรุ่น กลัวความผูกพันพี่ๆ น้องๆ ในวงการ เพราะฉะนั้นก็ต้องใจแข็ง เดี๋ยวงานรวน ตอนนี้ก็ยุ่งมาก มี 2 บริษัท แล้วเราก็อายุขนาดนี้แล้วก็เลยอยากทำอะไรที่จริงจัง และต้องเดินทางไปๆ มาๆ อีก คิวอาจจะรวนได้ จะมีรับเชิญเล็กๆ น้อยไหมเหรอ (หัวเราะ) ไม่รับปากเลย เพราะนี่ก็ปฏิเสธละครมา 20 กว่าปีแล้ว ถ้าใครเกิดทันยุค 90 ก็อาจจะจำพี่สาวคนนี้ได้บ้าง (ยิ้ม)”