หรือจะดักดานกันทั้งคู่?

ต้องบอกว่าเป็นไปตามคาดกับการออกมาให้ความเห็นของรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ที่มีการพูดถึงซีรีส์ Squid Game ในทำนองที่ว่าซีรีส์ดังกล่าวค่อนข้างจะมีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง และเป็นเรื่องน่าห่วงหากมีคนดูโดยเฉพาะที่เป็นเด็กไม่สามารถแยกแยะได้และเกิดพฤติกรรมเลียนแบบขึ้นมา

หลังความเห็นดังกล่าวก็ได้กลายเป็นเรื่องขัดหู ขัดตา บางคนขึ้นมาทันที รวมไปถึงการมีคนในแวดวงบันเทิงออกมาแสดงความเห็นทั้งโดยตนเองและถูกสื่อถาม ซึ่งมีบทสรุปคล้ายๆ กันว่าความคิดทำนองนี้แหละที่แสดงถึงความดักดานของคนพูด และมีส่วนที่ทำให้วงการบันเทิงบ้านเราหรือแม้กระทั่งประเทศไม่พัฒนาเสียที

ว่ากันไปถึงขนาดนั้น?

ทั้งนี้หากพิจารณาทุกถ้อยคำในสิ่งที่รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติพูดออกมาจะว่าไปแล้วก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องที่เสียหายอะไร เพราะเป็นการพูดในภาพกว้างถึงความเป็นห่วงในเนื้อหาที่เด็กจะได้รับในสถานการณ์ที่คนอยู่บ้านและใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น ส่วนการยกตัวอย่างซีรีส์ดังกล่าวขึ้นมาก็เพราะคนกำลังนิยม และความจริงในความสนุกของซีรีส์เองก็ค่อนข้างจะมีเนื้อหาและภาพการแสดงที่รุนแรงอยู่จริงๆ

ที่สำคัญการพูดที่ว่าก็อยู่ในสายงานของเจ้าตัว ซึ่งแม้บางคนอาจจะมีความขัดใจเป็นทุนเดิมกับข่าวด้านลบต่างๆ ในการทำหน้าที่ของตำรวจ หรืออาจจะรู้สึกว่าเอาเวลาไปทำเรื่องอื่นที่เกี่ยวกับตัวเองดีกว่ามั้ย? แต่ส่วนหนึ่งก็คงจะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามันก็มีคดีหรือกรณีที่ผู้กระทำผิดรับว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นเพราะเลียนแบบหรือได้แรงบันดาลใจมาจากเกม หนัง หรือละครนั้นมันก็มีจริงๆ

เพราะฉะนั้นการที่จะไปเหมารวมกับการออกมาทักท้วงด้วยความเป็นห่วงในประเด็นนี้ชนิดเอาเป็นเอาตายทำนองว่าคนพูดโง่ คนพูดดักดาน ก็ดูจะเป็นอะไรที่รุนแรงไปหน่อยหรือไม่?

ที่น่าสนใจก็คือที่ผ่านมาก็เคยมีคนออกมาพูดการพูดในลักษณะเดียวกับรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วหลายครั้ง และก็เช่นเดียวกันที่ก็มีคนในวงการบันเทิงออกมาแสดงความเห็นในลักษณะเดียวกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้ คือรู้สึกว่าคนพูดแยกแยะชีวิตจริงกับการแสดงไม่ออก ไม่ยอมรับความจริง พร้อมพยายามชี้ว่าความคิดแบบนี้แหละที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วงการบันเทิงบ้านเราไม่พัฒนา หรือไม่ไปไหนเสียที

ทั้งที่ในความเป็นจริงในช่วงเวลาที่ผ่านมามันก็มีละครไทย มีหนังไทยหลายเรื่องที่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติ ไปได้รางวัล สร้างชื่อให้กับผู้กำกับหรือดาราไทยในระดับโลกอยู่ จนบางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วใครกันแน่ที่ดักดาน ใครกันแน่ที่ไม่ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีเอาแต่โทษนู่นโทษนี่อยู่?

อันที่จริงปรากฏการณ์ความนิยมของซีรีส์ Squid Game ที่กำลังเป็นอยู่ในบ้านเราตอนนี้ จะว่าไปก็ไม่ต่างอะไรไปจากสิ่งที่ละครไทยอย่าง "บุพเพสันนิวาส"ของช่อง 3 เองเคยทำเอาไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วแต่อย่างใด

หลายคนคงจะจำกันได้ว่าหลังจาก "บุพเพสันนิวาส" ได้รับความนิยม ก็มีคนออกมาแต่งชุดไทยไปเที่ยวอยุธยาตามรอยกันอย่างคึกคัก จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาขออิงกระแส ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว ขนมไทย ฯ

ไม่ต่างอะไรไปจากกระแสข่าวมีคนแห่ไปซื้อรองเท้าแบบเดียวกับที่ตัวละคร Squid Game ใส่, คนแห่กิน “ทัลโกนา” ขนมน้ำตาลของเกาหลี รวมถึงข่าวล่าสุดที่ว่าศูนย์วัฒนธรรมในเกาหลีใต้ใน UAE ได้ออกมาอิงกระแส Squid Game ด้วยการชักชวนคนมาสมัครทำกิจกรรมเป็นผู้เล่นจำลองในเกมแบบในซีรีส์แต่อย่างใด

จะต่างกันอยู่บ้างก็คงเป็นความคิดของบางคนที่อาจจะมองว่าเวลามีคนแห่แต่งชุดไทย มีหน่วยงานภาครัฐออกมาอิงกระแสความดังของละครไทย มันคือการบ้าเห่อ มันคือการเกาะกระแส ไม่มีปัญญาคิดเอง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าคนที่อินซีรีส์ต่างประเทศจนแห่ไปซื้อรองเท้า มีหน่วยงานออกมาชวนเล่นเกมทำกิจกรรมเลียนแบบซีรีส์ มันคือความอินเทรนด์ มีรสนิยม มันคือการต่อยอดที่สร้างสรรค์

เป็นอย่างนั้นไปซะอีก...