“กวาง กมลชนก” กลัวโควิดจนจิตตก ปฏิเสธหนัง-ละคร 6 เรื่อง เงินก็อยากได้ แต่สุขภาพสำคัญกว่า เรื่องสุดท้ายที่รับคือ “บ่วงใบบุญ” ตรวจ RT-PCR ทุกครั้งก่อนทำงาน บอกชีวิตนักแสดงเสี่ยงมากเพราะถอดมาสก์ เผยตัวตนในโลกโซเชียล กระแสดีมีทุกแอปฯ คู่ชีวิต 21 ปี “น็อต นุติ” หวานไม่เปลี่ยน เพราะเป้าหมายคือครอบครัว พร้อมเสมอที่จะก้าวออกจากวงการ
อุตส่าห์กลับมารับงานแสดงในรอบหลายปี แต่ก็ดันเจอจังหวะไม่ดี ทำเอานางเอกดังในตำนาน “กวาง กมลชนก โกมลฐิติ” ต้องตัดใจปฏิเสธโอกาสไปกว่า 6 ครั้ง ทั้งหนังและละคร เหลือเพียงแค่ “บ่วงใบบุญ” ที่กำลังเร่งถ่ายทำให้จบเท่านั้น โดยเจ้าตัวได้เผยสาเหตุ ที่ไม่รับงานเพิ่มตอนนี้ เพราะมีความกลัวและกังวลหนักมาก กับสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากเป็นโรคภูมิแพ้ และห่วงคุณแม่กับลูกๆ วัคซีน 2 สองเข็ม แค่ช่วยให้ไม่หนัก ไม่ใช่ไม่ติด
“งานแรกหลังจากมีโควิดมา เพราะไม่กล้าออกไปไหนเลย ละครก็ไม่ได้รับ รับอยู่เรื่องเดียวนะคะ ก็ถ่ายค้างไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน หยุดไป 6 เดือนนะคะ แล้วงานต่างๆ ก็ไม่กล้ารับ เพราะตอนนั้นยังไม่ฉีดวัคซีน แต่ตอนนี้ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว ชีวิตทุกวันนี้ ทุกสัปดาห์ต้องทำ RT-PCR (Polymerase chain reaction) เพื่อเข้ากองถ่าย เพราะการถ่ายละครต่อ ต้องถอดหน้ากากทำการแสดง มันเสี่ยงมาก หลายชั่วโมงตั้งแต่เช้ายันดึก
ชีวิตเราตอนนี้มันอยู่ในความเสี่ยงมากๆ เลย โดยเฉพาะอาชีพนักแสดง เราว่าเสี่ยงที่สุด มากกว่าหมอพยาบาลอีก เพราะมันถอดหน้ากาก เรากังวลใจมากๆ เลยค่ะ ก็ทำตัวเองให้แข็งแรง ออกกำลังกายแล้วก็กิน พ่นจมูก พ่นคออะไรทุกอย่าง ที่เขาบอกว่าจะช่วยเรื่องโควิด กลัวมาก”
บอกกับทางกองถ่าย ถ้าไม่มีการตรวจแบบ RT-PCR ก่อนเข้าทำงาน ก็จะไม่ไปถ่ายต่อ เพราะมันเสี่ยง
“นักแสดงทุกคน ต้องตรวจ RT-PCR ของทางช่อง 8 เราก็รู้สึกดีใจ แต่ตอนแรกเราบอกไปว่า ถ้าไม่มีการตรวจ เราไม่ไปถ่ายนะ เพราะต้องถอดหน้ากาก แบบ ATK เฉยๆ ก็ไม่ได้นะ เพราะ ATK เฉยๆ คือการบอกว่า วันนี้คุณไม่เป็น แต่ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีเชื้อ เชื้ออาจจะอยู่ในตัว แต่มันไม่ออกอาการนะคะ
แต่ RC-PCR เนี่ย 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ แปลว่าคุณไม่เป็น แล้วก็ถอดหน้ากาก มันก็จะอยู่ได้ 3 วัน อย่างชัวร์ๆ อาจจะไปถึง 5 วัน ก็เป็นเงื่อนไข ซึ่งนักแสดงทุกคนก็อาจตรวจแบบนั้น ตรวจทั้งจมูกและคอ แต่ทีมงานเขาตรวจแค่ ATK แต่เขาก็ต้องใส่หน้ากากตลอด ห้ามถอด เพราะมีวัคซีนก็ใช่ว่าเราจะไม่เป็นไง วัคซีนแค่เป็นแล้วไม่หนัก ไม่ตายค่ะ เพราะฉะนั้นชีวิตของนักแสดงเสี่ยงมาก”
ไปทำงานทุกวันด้วยความกลัว ปฏิเสธหนัง-ละครไปกว่า 6 เรื่อง รอให้มีวัคซีนดีๆ หรือยาที่ปลอดภัยก่อน ค่อยกลับมารับ เพราะสุขภาพสำคัญกว่าเงิน
“ก็กลัวทุกวันจริงๆ เพราะว่าเราเป็นห่วงคุณแม่กับลูกๆ ค่ะ แล้วเราเป็นโรคภูมิแพ้อย่างแรงด้วย เวลาเป็นถ้าลงปอดมันจะหนัก แล้วมันจะไม่หายสนิท ก็แย่ค่ะ เลยเป็นเหตุทำให้กวางปฏิเสธละครกับหนังไป ตั้งแต่เมษายนก็ 4-6 เรื่อง มันเป็นจังหวะด้วยค่ะ ที่ติดต่อมา จำเป็นเพราะว่าเกรงใจเขา
เรามาคิดว่าทุกคนอยากทำงาน อยากมีเงินเก็บ แต่ว่าถ้าแลกกับสุขภาพ เราว่าสุขภาพสำคัญกว่า บางทีเงินก็ซื้อสุขภาพไม่ได้ ทีนี้ละครเรื่องบ่วงใบบุญเรารับไว้แล้ว ถ่ายไว้แล้วครึ่งเรื่อง เราจำเป็นต้องเดินหน้า แล้วเราเป็นตัวเอกของเรื่อง บทเยอะ ถ้าเราไม่ไปถ่าย ทีมงานตายกันหมดแน่ ตายที่หมายถึงว่าไม่มีจะกิน เราต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ให้หมดก่อน แล้วเรื่องอนาคตเดี๋ยวว่ากัน ว่าเราจะมีวัคซีน มียาอะไรที่ปลอดภัยกว่านี้”
หลังจากนี้ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็จะเลือกรับแค่งานที่ไม่ต้องถอดหน้ากาก
“(หัวเราะ) เราจะไม่รับละครที่ยาวๆ คือไม่รับอะไรที่ถอดหน้ากาก ก็ยอมรับว่ากลัวมากจริงๆ ค่ะ ต้องขอโทษทุกๆ ท่านๆ ด้วย เพราะกวางคิดว่าไม่คุ้ม ที่จะได้เงินแล้วป่วย แล้วกวางก็ได้แต่หวังว่า พอกวางกลับมารับ แล้วยังมีคนสนใจ เพราะบางทีในวงการนี้มันเป็นจังหวะจริงๆ ก็ทำใจยากมาก แต่เดี๋ยวทุกคนจะต้องมารอเราคนเดียว ก็ไม่เอาดีกว่า ให้เขาเอาคนอื่นที่พร้อมกว่าเราดีกว่าค่ะ”
เผยละครบ่วงใบบุญ เป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญ มีใช้สแตนอินในฉากหวือหวา เร่งถ่ายทำให้ปิดทันสิ้นปี เพราะจะออนแอร์เดือนม.ค. แล้ว
“บ่วงใบบุญ ตอนนี่เร่งถ่ายมากๆ เลย ก็อยากจะปิดกล้องให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อที่จะออกอากาศมกราคม ทางช่องบอกว่าแบบนั้น เพราะว่าเราทำงานกันมาปีหนึ่งแล้วนะคะเนี่ย เป็นปีหนึ่งที่หยุดไป 6 เดือน แล้วบังเอิญเรื่องนี้ เราเล่นกระชิดตัวนักแสดงเยอะมาก หมายความว่าต้องกอดผู้ชายเยอะ (หัวเราะ) ตั้งแต่แก่ยันเด็ก แล้วก็ต้องตบคนเยอะมาก
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่า คนจะเห็นภาพแบบนี้ได้ ผู้กำกับยังไม่เชื่อเลย ขนาดตัวเองก็ยังไม่เชื่อตัวเอง แล้วมาเจอโควิด เวลาซีนหนักๆ เราก็คุยตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้าหวือหวามาก เราขอใช้สแตนอิน เพราะเราจะไปโป๊อะไรมากไม่ได้ เพราะฉะนั้นประกาศให้คนรู้ว่า นั่นไม่ใช่กวางนะคะ (หัวเราะ)”
เพราะโควิดเลยต้องปรับบทกันเยอะมาก
“ยิ่งมีโควิดเราก็ต้องปรับบทกันเยอะมาก เช่นใกล้หน้า จูบ มันทำไม่ได้ มีกัดด้วยนะ แม้กระทั่งกอดกับตัวพระเอกคนหนึ่ง ที่ถอดเสื้อแล้วมีเหงื่อ ทำยังไง มันทำงานยากมาก แต่ผู้กำกับเก่ง นักแสดงก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ เราก็ใจดีสู้เสือตลอด เวลาถ่ายไปเราก็มอง ว่ามีใครแอบถอดหน้ากากหรือเปล่า หรือใครสูบบุหรี่ ก็ไม่ได้นะ มันมากับกลิ่นบุหรี่ เราก็จะประสาทเสียเวลาทำงานเหมือนกัน”
กลายเป็น QC ของกอง คอยเช็กความปลอดภัย
“เราเป็นบุคลากรด่านหน้าของกอง (หัวเราะ) เป็นคนที่ออกไปลุยให้ทุกๆ คน ตอนนี้กลัวว่าทุกคนจะชิน ชินแล้วละเลย อย่าคิดว่าจำนวนคนติดมันลดลงนะ 2 หมื่นกว่านะ ทำเหมือนให้กำลังใจกันเองว่ามีน้อย แต่จริงๆ เยอะ แต่คนตายอาจจะน้อยลง เพราะเรามีวัคซีน แต่เราว่าอีกหน่อยมันก็เหมือนไข้หวัดใหญ่ อีกหน่อยเราอาจจะเป็น แล้วก็กินยาแก้อักเสบธรรมดา ก็รอวันนั้น”
สงสารลูกชาย เรียนหนักมาสอบจุฬาฯ ได้ แต่ไม่มีรับน้อง ทำทุกอย่างผ่านออนไลน์หมดทั้งเทอม
“ลูกไม่ได้ไปไหนเลย อยู่แต่บ้าน ลูกชายคนโตน้องเน็ต เพิ่งสอบจุฬาฯ ได้ ก็น่าสงสารมาก ไม่มีรับน้อง ไม่มีงานบอลประเพณีอะไรเลย เทอม 1 เรียนออนไลน์ มีพี่รหัสส่งของมาให้ทางออนไลน์ รับน้องทาง ZOOM น่าสงสารที่สุดค่ะ อุตส่าห์เรียกหนักมา เพื่อจะเข้าให้ได้ ส่วนลูกสาวอยู่นานาชาติร่วมฤดี ก็เรียนออนไลน์ สองออนไลน์ ทั้งเทอมเลยค่ะ”
ขยันเล่นโซเชียลจนครบทุกแพลตฟอร์ม
“ก็ไปไหนไม่ได้ โซเชียลกับลูกอยู่ในบ้านถอดหน้ากากได้ ทำ YouTube ด้วย เอาพี่น็อตมาด้วย ก็เป็นกิจกรรมในครอบครัวของเรา มาเป็นยูทูปเบอร์แบบไม่รู้ตัวเลย ทำไปทำมาคนดูเยอะ คือไม่ได้ทำที่จะเอาตังค์ เราทำสนุกๆ แต่คนชอบก็ดีใจ แล้วตอนนี้หัด TikTok ด้วยนะ คนดูเยอะเหมือนกัน เอาหมดเลย เฟซบุ๊ก ไอจี ด้วย คือตามลูกให้ทัน ตามเด็กรุ่นใหม่ให้ทัน ตอนนี้กำลังคิดว่าจะทำอะไรในสิ่งเหล่านี้ เพื่อเป็นประโยชน์กับสังคม ที่ผ่านมาก็มีร้องเพลงให้กำลังใจโควิด ส่งให้ตามโรงพยาบาล”
เผยตัวตนอีกมุม ให้ทุกคนได้เห็นผ่านโลกโซเชียล
“คลิปใน YouTube บางทีก็ไม่ได้ตัดต่อเลยค่ะ ก็เรียลๆ ไป ส่วนมากคนจะเห็นไลฟ์ ก็สดๆ ไปเลย บางทีไลฟ์ๆ อยู่ แม่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะลูก คือทุกอย่างเป็นธรรมชาติ เราคิดว่าในโซเชียลสำหรับเราคือตัวตน”
กระแสตอบรับดี จนมีลูกค้าติดต่อ แต่ยังไม่กล้ารับ
“ก็มีคนติดต่ออยู่ค่ะ ก็คุยอยู่ แต่เป็นคนที่ถ้าพอจะจริงจัง ก็อยากให้มันคุณภาพดี มันก็เลยกลายเป็นยังไม่กล้ารับ ทำเล่นๆ ของเราไปก่อน แต่ที่ผ่านมาอย่างเพลงเนี่ยมี หลายเพลงนี่ทำเป็นเรื่องเป็นราว แต่บางเพลงก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาดีด ร้องเล่นกับพี่น็อตซะอย่างนั้น กลายเป็นอันนั้นยอดเยอะ แล้วก็ไม่ได้เปิดเอาตังค์ด้วยนะ
ดูน้อยก็น้อย ดูเยอะก็ดีใจ เราได้สัมผัสกับแฟนคลับอย่างใกล้ชิด สมัยก่อนแฟนคลับมาหา เดี๋ยวนี้เข้ามาในโซเชียลแทน มีให้ดาวด้วยนะ บางทีไปนั่งกินอาหารกับลูก ก็ถ่าย ทำไมคนดูเยอะจังเลย ก็งง ทำไมคนชอบดูเรากิน (หัวเราะ) งั้นเดี๋ยวหมดละครจะทำ YouTube เต็มที่แล้ว (หัวเราะ)”
ความรัก 21 ปีกับสามี “น็อต นุติ เขมะโยธิน” ยังหวานไม่มีเปลี่ยน เสมอต้นเสมอปลาย เพราะเป้าหมายคือครอบครัว พร้อมเสมอที่จะก้าวออกจากวงการ
“มันคือความจริงไง คนไม่ค่อยเห็น ก็เป็นคนอารมณ์ดี แต่คนจะเห็นแต่เราเศร้า ในละครจะรันทดตลอด อันมันเป็นภาพลวงตามาตลอด 30 ปี เราแต่งงานปี 2000 ก็ 21 ปีแล้ว ก็เป็นแบบนี้ เสมอต้นเสมอปลาย มันอาจจะเป็นความเข้ากัน เป้าหมายเราคือครอบครัว ครอบครัวเราออกจะเป็นครอบครัวที่ธรรมชาติ ไม่ได้เงินเป็นใหญ่ ความรักความเข้าใจในครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เงินก็อยากได้นะ แต่จะรองลงมา อยู่แบบนี้ดีกว่า ไม่ใช่ออกมาข้างดูดี ได้เงินเยอะๆ แต่อยู่ในบ้านแล้วอึดอัด ไม่เอาแบบนั้น แล้วลูกก็เติบโตมากแบบนี้ เราอยากเป็นคนธรรมดา แล้วจริงๆ ต้องบอกว่าเรากับพี่น็อต เป็นคนธรรมดาที่สุด พร้อมเสมอที่จะก้าวออกจากวงการ คิดอย่างนี้มาตลอดเลยค่ะ แล้วยืนให้สัมภาษณ์ เราก็ไม่ได้คิดว่าเราวิเศษวิโสเลยนะ เราก็ธรรมดา เพียงแต่ว่ามีหน้าที่เป็นนักแสดง แล้วก็มีหน้าที่ต้องมาให้สัมภาษณ์ คือมันอยู่อย่างนี้มานานแล้ว ก็ต้องขอบคุณ”
