xs
xsm
sm
md
lg

วงการบันเทิงจีนยุค “อยู่ยาก” พร้อมโดนแบนได้ทุกวินาที

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ฟ้าธานี



"ซุนลี่" เป็นดาราจีนที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา โดยเฉพาะซีรีส์ "เจินหวน จอมนางคู่แผ่นดิน" ผลงานของ ซุนลี่ ถือว่าเป็นซีรีส์ฮิตระดับปรากฏการณ์ และยังทำให้เกิดกระแสซีรีส์แนวชิงรักหักสวาทขึ้นในวงการบันเทิงจีนในระยะหลัง

นอกจากวงการทีวีแล้ว ซุนลี่ ก็ยังมีผลงานภาพยนตร์ออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นหนังฟอร์มใหญ่ และเป็นการร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังมากมาย รวมถึง "จอมคนกระบี่เงา" ผลงานของผู้กำกับ จางอี้โหมว ที่ ซุนลี่ ได้ร่วมแสดงกับ เติ้งเชา สามีของตัวเองด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเมื่อมีข่าวว่า ซุนลี่ และดาราอีกหลายคนได้เข้ารับการอบรมที่จัดขึ้นโดยหน่วยงานด้านวัฒนธรรมของเชียงไฮ้ ที่มีเป้าหมายให้ความรู้ด้านค่านิยมที่ถูกต้อง และความรับผิดชอบต่อสังคมให้กับคนบันเทิง และผู้อยู่เบื้องหลัง

เห็นได้ชัดว่าการแสดงท่าทีดังกล่าวน่าจะเป็นการแสดงจุดยืนของ ซุนลี่ ดาราอีกหลายคนรับพวกเขาพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาลจีนเพื่อไม่ให้ตัวเอง ต้องเจอกับปัญหาอย่างที่ดาราหลายคน กำลังโดนอยู่

ทั้งนี้ถ้าย้อนกลับไปตัวของ ซุนลี่ เองก็เคยทำเรื่องที่ถูกวิจารณ์นิดหน่อยอย่างการขอสัญชาติฮ่องกงเพื่อที่จะมีลูกสองคน ซึ่งตอนนั้นขัดกับนโยบายลูกคนเดียวของจีน แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรแต่ในยุค สมัยนี้ก็อาจจะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้

เอาเป็นว่าในปัจจุบันถ้าไม่มีปัญหาเรื่องภาษี ไม่เคยไปถ่ายรูปกับศาลเจ้าญี่ปุ่น ซุนลี่ ก็จะเป็นดาราอีกคนที่ยังคงปลอดภัยอยู่

ต้องยอมรับว่า ณ วินาทีนี้ ดาราชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทำตัวลำบากเหลือเกิน ความผิดพลาดในอดีตอันน้อยนิด อาจจะนำมาซึ่งอนาคตอันมืดมนในวันนี้ได้ แม้แต่ระดับองค์หญิงกำมะลอ อย่าง "เจ้าเหว่ย" ก็ยังไม่ปลอดภัย หลังคือหายไปจากโลกออนไลน์ของจีนอย่างไร้สาเหตุ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบายอะไรที่ชัดเจนว่าทำไม เจ้าเหว่ย ถึงโดนแบน ซีรี่ส์ฮิตของเธอถูกลบออกจากบรรดาบริการสตรีมมิ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ บ้างก็ว่าเพราะเธอเคยไปถ่ายรูปแฟชั่นที่มีภาพธงญี่ปุ่น บ้างก็ว่าเป็นเรื่องของการที่เธอมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดในเรื่องการทำธุรกิจกับ แจ็ค หม่า ที่กำลังโดนทางการจีนหมายหัวอยู่

แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มี คำอธิบายอย่างเป็นทางการใดๆ ต่างจากดาราจอมอื้อฉาวอย่าง "คริส วู" ซึ่งถูกแบนด้วยเหตุผลที่ชัดเจน และตอนนี้ก็เข้าห้องขังไปเรียบร้อยแล้วจากคดีล่วงละเมิดทางเพศ

เห็นได้ชัดว่าหลายกรณีก็เป็นการแบนแบบไม่ต้องมีการประกาศเป็นทางการล่าสุดถึงขั้นมีข่าวลือว่าทางการจีนอาจจะแบนดารา ที่ถือสองสัญชาติในข้อหา ไม่จงรักภักดีต่อ ประเทศแม่

งานนี้ระดับซูเปอร์สตาร์ก็อาจจะซวยเพราะดาราระดับโลกหลายคนมักจะถือพาสปอร์ตหลายเล่มเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและเดินทาง รวมถึงดาราดังอย่าง "เจ็ทลี"

หรือดาราที่ครั้งหนึ่งแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของวงการภาพยนตร์จีน อย่าง "กงลี่" ที่ปัจจุบันนอกจากสัญชาติจีนแล้วก็ยังมีสัญชาติสิงคโปร์จากการเคยแต่งงานกับชาวสิงคโปร์ ก็กลายเป็นความสุ่มเสี่ยง ที่จะโดนแบนขึ้นมาทันที

แม้แต่ดาราสาวขวัญใจคนจีนอย่าง "หลิวอี้เฟย" ก็เข้าข่ายด้วยเหมือนกัน เพราะการเคยใช้ชีวิตในอเมริกาตั้งแต่เด็กทำให้เธอมีสัญชาติอเมริกาอยู่ด้วย แม้จะเคยเล่นหนังดังมาหลายเรื่อง แถมเอาชื่อเสียงตัวเองไปเสี่ยง กับการด่าตำรวจฮ่องกง แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าอนาคตของ หลิวอี้เฟย กลายเป็นเรื่องไม่แน่นอนไปแล้ว

"เซียะถิงฟง" เป็นอีกคนที่กำลังมีปัญหาในเรื่องนี้ เพราะเขามีสัญชาติแคนาดา จากการไปใช้ชีวิตที่นั่นตั้งแต่เด็กเพราะพ่อไม่อยากให้ลูกๆ โตมาโดยถูกจับจ้องเป็นพิเศษจากการมีพอเป็นดาราดัง ล่าสุด เซียะถิงฟง ถึงขั้นประกาศ แล้วเขามีแผนที่จะขอ ถอนสัญชาติแคนาดาของตัวเอง และยืนยันว่าตัวเองเป็นคนจีนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเกิดในฮ่องกง เรียกว่าแสดงความชัดเจนแบบ สิ้นสงสัยจะได้ไม่ต้องมีปัญหากันต่อไป

ว่าดาราจีนแผ่นดินใหญ่ใช้ชีวิตลำบากแล้วดาราฮ่องกงยิ่งลำบากไปใหญ่ในยุคนี้ เพราะถ้าจะยืนอยู่ฝั่งรัฐบาลจีนแบบเต็มตัวก็เตรียมตัวโดนด่าจาก ชาวฮ่องกงบ้านเกิดเมืองนอนได้เลย

ปัจจุบันมีดาราฮ่องกงหลายคนที่ถูกชาวฮ่องกงด้วยกันจงเกลียดจงชัง อย่าง "อลัน ทัม" ที่ประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในการจัดการกับ ผู้ชุมนุม ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ก็โดนยี้ถึงขั้นมีการเอาแผ่นซีดีเก่าของเขามาหักทิ้งกันเลยทีเดียว

เบอร์ใหญ่อย่าง "เฉินหลง" ไม่ต้องพูดถึง คนฮ่องกงแทบจะไม่เอาด้วยแล้ว เพราะจุดยืนของเฉินหลงถือว่าชัดเจน แบบสุดๆเพราะเขาขออยู่ฝั่งรัฐบาลปักกิ่ง อย่างเต็มตัว หนังของเฉินหลงในระยะหลังๆก็เลยแทบไม่ทำเงินในฮ่องกงเลย

ครั้นจะเข้าข้าง ผู้ประท้วงฮ่องกง หรือต่อต้านรัฐบาลปักกิ่ง ก็ไม่ต้องลุ้นหมดอนาคตในจีนแผ่นดินใหญ่ที่เป็นตลาดบันเทิงใหญ่ทันทีแน่นอน อย่าง "แอนโทนี่ หว่อง" ที่เคยไปได้ดีมากในวงการบันเทิงจีน มีผลงานเด่นมากมายตอนนี้ก็หมดอนาคตไปแล้วเพราะจุดยืนทางการเมือง

ตัวเขาเองคงไม่เปลี่ยนจุดยืนง่ายเช่นเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ก็คงไม่เปลี่ยนนโยบายง่ายๆ เหมือนกัน พูดได้ว่าใน อนาคตข้างหน้าดังนี้ แอนโทนี่ หว่อง ก็คงต้องเน้นเล่นหนังอินดี้ ฉายตามเทศกาล เป็นหลักต่อไปอีกหลายปี

ดาวตลกอย่าง "แชปแมน ตู้" ที่เคยมี บทบาทในหนังดังหลายเรื่อง อย่างสองคนสองคม เขาก็ได้เล่น เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญพอสมควร แต่ปัจจุบัน เพราะจุดยืนทางการเมืองสนับสนุนประชาธิปไตย ทำให้ แชปแมน ตู้ ต้องหันไปรับงาน ในไต้หวัน รวมถึงมาเลเซียสิงคโปร์เสริมจากงานที่ฮ่องกง เพราะเขาไม่สามารถไปทำงานในจีนแผ่นดินใหญ่ได้อีกต่อไปแล้ว ขณะที่เจ้าตัวก็ยังแสดงความชัดเจนว่าจะไม่เปลี่ยนท่าทีทางการเมืองด้วย

กลายเป็นว่ายุคนี้ อยู่ฝั่งไหนก็ลำบากเหมือนกันหมด

นับเฉพาะตัวท๊อปอาจจะเหลือแค่ "หลิวเต๋อหัว" เท่านั้น ที่ยังคงอยู่รอดปลอดภัยทำงานในจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยไม่โดนคนฮ่องกงเกลียด ถือว่าเป็นยุคสมัยที่ วงการบันเทิงจีนเงินสะพัด แบบสุดๆ แต่ ก็ทำตัวลำบากอยู่ยากแบบสุดเช่นเดียวกัน













กำลังโหลดความคิดเห็น