ในยุคที่การแข่งขันของหน้าจอสมัยนี้อาจจะแผ่วลง ไม่ตื่นเต้นเหมือนแต่ก่อน ก็อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์โควิดระบาด จึงทำให้ละครที่มีอยู่ในสต๊อก ต้องหยุดถ่าย ไม่สามารถเปิดกองถ่ายทำได้ จึงทำให้คิวออนแอร์ต้องเลื่อนออกไปด้วยเช่นกัน จึงทำให้หลายช่องต่างตัดสินใจเอาละครเรื่องเก่ามารีรันใหม่ แต่ก็ไม่น่าเชื่อ!! “ละครรีรัน” บางเรื่องกลับทำเรตติ้งสูงกว่า “ละครใหม่” อีกซะด้วย
แต่ในถ้ามองในอีกมุมนึงการที่เอาละครฟอร์มไม่ยักษ์ แต่เป็น “ละครใหม่” ที่มาพร้อมอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำ มุมกล้องที่ไม่เคยเห็น หรือบทแบบใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แบบ “ละครไทยสไตล์” เหมือนที่เคยเป็นมา รวมไปถึงการเปิดซิงค์นักแสดงหน้าใหม่ๆ ว่าจะครองใจคนดูทีวีได้ไหม? ซึ่ง “ช่อง 3” ก็ได้ปฏิบัติการนี้แบบสอดไส้ ละครรีรันบ้าง ละครไทยสไตล์บ้าง รวมไปถึงละครใหม่ พล็อตใหม่ และที่สังเกตได้คือพระเอกใหม่ ที่ทยอยแจ้งเกิดกันแบบตามติด ชนิดที่ว่างานนี้ถ้าต้องวัดค่า KPI ได้ ก็คงวัดว่าใครจะปัง จะดัง หรือไม่ได้ต่อกันบ้าง
ย้อนดูวิธีสร้าง “พระเอก” กับแนวคิดของ “ช่อง 3”
ซึ่งถ้าพูดถึงการสร้างพระเอกของช่อง 3 ที่บอร์นทูบีตัดสายสะดือเองนั้น มักจะเกิดจากการสร้างแบบ “กลุ่มก้อน” หรือ “หมู่คณะ” ซึ่งย้อนกลับไปแรกๆ เลยก็โปรเจค “พาวเวอร์ทรี” ประมาณ พศ. 2548 เป็นโปรเจคที่ปั้นนักแสดงหน้าใหม่ มาประดับช่อง ซึ่งดาราที่เป็นหน้าเป็นตาของโปรเจคนี้ก็คงหนีไม่พ้น “ปอ ทฤษฎี” กับ “แพท ณปภา” ที่เรียกได้ว่าฮอตมากในช่วงเวลานั้น เพราะเป็นการฟาดฟันแย่งเรตติ้งกับช่อง 7 ที่มีแก๊งค์ดาราหน้าใหม่ โด่งดังมาจาก “เบญจา คีตา ความรัก” จากนั้นก็ส่งไม้ต่อให้ “สี่หัวใจแห่งขุนเขา(พศ.2553)” เป็นละครที่สร้างจากนวนิยายที่เป็นชุด 4 เรื่องติด ทำให้แจ้งเกิดพระเอกแห่งยุค “ณเดชน์, หมาก ปริญ, บอย ปกรณ์” และด้วยกระแสฮิตจากนวนิยายชุดจึงทำให้ช่อง 3 หยิบเอานิยายเรื่อง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ(พศ.2556)” มาทำเพื่อฉลองวันเกิดครบ 43 ปีของสถานี โดยพระเอกแต่ละคนที่รับบทเป็นคุณชายในเรื่องนี้ ถูกแจ้งเกิดอย่าง “เจมส์ จิรายุ, บอม ธนิน, เจมส์ มาร์” รวมไปถึงยังทำให้ “โป๊บ ธนวรรธน์, เกรท วรินทร์” กลับมาเป็นพระเอกในอันดับต้นๆ ของช่องอีกด้วย และตั้งแต่นั้นมาโปรเจคที่จะดันนักแสดงหน้าใหม่ให้เป็นพระเอกนางเอกของช่อง 3 ก็มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ต้องการ
“ดวงใจเทวพรหม” ละครชุดหมายมั่นปั้นมือ หวังแจ้งเกิดพระนางล็อตใหม่
ในปี 2559 ได้มีข่าวลือว่า “ช่อง 3” กำลังจะทำภาคต่อ “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ในรุ่นของลูกกับนิยายชุดชื่อ “ดวงใจเทวพรหม” ซึ่งก็ยังไม่มีใครออกมาคอนเฟิร์มว่าเป็นเรื่องจริงไหม? และในปี 2562 ก็เริ่มเปิดโผว่าช่อง 3 จะใช้ผู้จัดทีมเดิมที่เคยสร้างปรากฎการณ์คุณชายมาแล้ว แต่ด้วยความที่แคสไปแคสมาก็ยังไม่ลงตัวซะที เพราะโจทย์ที่ถูกตั้งเอาไว้ว่าจะต้องเป็นการแจ้งเกิดพระเอกนางเอกหน้าใหม่เกือบทั้งหมด แต่จนแล้วจนเหล่าโปรเจคนี้ก็เหมือนลมพัดหวน หวนมาแล้วก็หวนไป ขนาดมีชื่อออกมาแล้วว่าคุณชายใหญ่แห่งบ้าน “เทวพรหม” จะเป็น “กลัฟ คณาวุฒิ” รวมไปถึงรายชื่อลูกๆ คุณชายคนอื่นๆ อย่าง “นาย ณภัทร, ภณ ณวัสน์, ริว วชิรวิชญ์, มาสุ, อิน สาริน” แต่ทุกอย่างก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์มแต่อย่างใด ก็เลยทำให้โปรเจคนี้เหมือนถูกพักเบรคไปแบบไม่มีกำหนดเปิดกล้อง
“พระเอกเลือดใหม่” ทยอยแจ้งเกิดช่วงโควิด “ดังหรือดับ”
และในเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน แผนก็ต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน! เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “ช่อง 3” ได้เปิดบ้านรับนักแสดงเลือดใหม่เอามาไว้ใต้ชายคากว่าครึ่งร้อย จับเซ็นสัญญาภายใต้กฎใหม่ เริ่มจากการเปิดโปรเจคดาวรุ่งดวงหใม่ Supernova ที่หมายมั่นจะปั้นมาเป็นพระเอกไม่ว่าจะ “ภณ ณวัสน์” หรือ “อิน สาริน” ที่เพิ่งฝากฝนงานเอาไว้ให้ชมไปก่อนหน้านี้ หรือจะเป็น “กองทัพ พีค” ที่ได้นางเอกระดับแม่เหล็ก “เบลล่า” มาช่วยผลักช่วยดันแต่เหมือนจะดังก็ยังไม่สุด รวมไปถึง “ริว วชิรวิชญ์” สูงยาวเข่าดีโตเต็มวัยซะทีก็มาอวดหน้าหล่อใสสไตล์โอปป้าใน “พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน” ออนแอร์ตอนแรกๆ ก็ฮือฮาแต่พอดูไปดูมาเรตติ้งก็เริ่มนิ่งแล้ว แต่น่าจะเป็นความหวังได้อีก 1 คนก็ต้องยกให้ “กระทิง ขุนณรงค์” ละคร 2-3 เรื่องที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น “เทพธิดาปลาร้า” เรตติ้งก็โดนใจช่อง รวมไปถึง “พราวมุก-แค้นลับสลับชะตา” ที่โดดเด่นไม่แพ้พระเอกเลยก็ว่าได้ จนได้เลื่อนขั้นมาพระเอกเต็มตัวในเรื่อง “สาปซ่อนรัก” ซึ่งเลือดใหม่ของช่อง 3 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะเป็น “ไอซ์ ภาณุวัฒน์” หรือ “มีน พีรวิชญ์” ที่ถูกจับตามองว่าจะช่วยผลักช่วยดันเรตติ้งช่อง 3 ได้มากแค่ไหน
หรือจะเป็นความหวังของหมู่บ้านอย่าง “กลัฟ คณาวุฒิ” ที่แม้จะต้องพักจากโปรเจคลูกคุณชายไปแล้ว แต่ก็ยังได้ลงละครฟอร์มยักษ์คู่กับการกลับมาคืนจออีกครั้งของ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ในเรื่อง “มัดหัวใจยัยซุปตาร์” ถือว่าทุกอย่างลงตัว เพราะแค่ขนาดมีความเคลื่อนไหวอะไรก็จะติดเทรนด์ทวิตเตอร์ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นความใหม่ที่ช่อง 3 ไม่เคยมี แต่พอมีกระแสแบบนี้ จึงไม่แปลกใจถ้าใครจะเข้ามาเซ็นสัญญาก็อาจจะต้องดูยอดคนติดตามหรืออยู่ในกระแสเป็นอันดับต้นไปในการตัดสินใจ
ส่วนคำถามว่า “เลือดใหม่เหล่านี้จะแทนที่พระเอกรุ่นพี่อย่าง ‘หมาก-ณเดชน์’ เหรอ?” อย่างแรกมันคือวัฎจักรของทุกวงการมันต้องมีใหม่เพื่อเข้ามาแทนที่เก่า แต่ถ้าถามว่าจะมาแทนตอนนี้เลยไหม? คงยังไม่ใช่ในเร็วนี้วันนี้ เพราะทั้ง “หมาก-ณเดชน์” ยังเป็นที่ต้องการของตลาดและเอเจนซี่อยู่ และจะไม่มีใครเป็นตัวตายตัวแทนของใครได้ เพราะการแสดงในยุคสมัยนี้ไม่ได้อาศัยเพียงแค่หน้าตาดีอย่างเดียว แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือความสามารถและเสน่ห์ของแต่ละบุคคล นั่นแหละถึงจะทำให้อยู่ยั้งยืนยงค์ เพราะไม่งั้นคุณจะเป็นเพียงแค่ “ดาวรุ่งผีพุ่งใต้” เท่านั้น