xs
xsm
sm
md
lg

“เป้ vs ษา” ดรามากีดกันเจอลูก! ฝ่ายหญิงพ้อลูกต่างหากไม่อยากเจอพ่อ เป้บอกสักวันคงได้เจอ หากไม่ตายจากกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ษา วรรณษา” ยันมีหลักฐานทั้งหมด ไม่เคยกีดกัน “เป้ ไฮร็อค” จากลูก แต่เป็นลูกที่ไม่อยากเจอพ่อ พ้อต้องให้ทำยังไง ติงก่อนเป้ให้ข่าวต้องมีสติ น้อยใจและเฟลที่พูดออกไปแบบนั้น ด้านเป้ลั่นไม่ได้เจอลูกนาน 10 ปีแล้ว แต่ก็เข้าใจ ไม่ซีเรียสลูกไม่อยากเจอ เพราะไม่ได้เลี้ยงมา แค่ให้รู้ว่าตนเป็นพ่อก็พอใจแล้ว รับมีความสุขแค่ได้เห็นหน้าลูกผ่านรายการ สักวันคงได้เจอกันถ้าไม่จากกันไปเสียก่อน

หลังจากที่ควงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปออกรายการ คุยแซ่บโชว์ ก็ทำให้คุณแม่สุดสตรองอย่าง “ษา วรรณษา ทองวิเศษ” ต้องเกิดประเด็นให้ปวดหัวอีกแล้ว เพราะอดีตสามี “เป้ ไฮร็อค” หรือ “อนุวรรตน์ ทับวัง” ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่รู้ว่า “น้องเซย์เดย์” ไปออกรายการด้วย และไม่ได้เจอลูกมานานหลายปีแล้ว ได้แต่คอยถามอัปเดตผ่านไลน์เท่านั้น ซึ่งล่าสุดสาวษาก็ยืนยันกับทีมข่าวบันเทิง MGR ว่า ไม่เคยกีดกันพ่อกับลูกแน่นอน แต่ลูกเองที่เป็นฝ่ายยังไม่พร้อมจะเจอ

“ก็คือว่าษาให้สิทธิลูกค่ะ ษาจะเป็นคนมีสิทธิแค่ถามเขาเท่านั้น เวลาที่พ่อเขาอยากเจอ เขาก็จะไลน์มาบอกว่าอยากเจอลูก ษาก็จะถามลูกว่าพ่ออยากเจอจะยังไง ลูกก็บอกว่ายังครับ ล่าสุดที่เขาได้เจอกันก็น่าจะตอนที่น้องอายุ 11-12 ขวบมั้งคะ ษาพาเขาไปหาพี่เป้ที่บ้าน ก็หลายปีแล้ว ษาก็ให้สิทธิลูกนะ ลูกอยากจะไปเจอใคร อยากจะออกจากบ้านหรืออยากจะไปไหนคือต้องออกจากปากเขาว่าเขาอยากไป ไม่ใช่บอกว่าพ่ออยากเจอ ไปหาพ่อกัน แต่เขาไม่อยากจะให้ษาทำยังไง จะมาบอกว่าษาเป็นคนที่ห้ามไม่ให้ไปเจอ ไม่ใช่สิ หรือเขาไม่สะดวกที่จะพาลูกมาเจอผม ก็ไม่ใช่อีก มันใช้คำพวกนี้ไม่ได้เลยค่ะ มันกลายเป็นว่าคนมองมาที่ษาไม่ดีเลย มองว่าษาเป็นคนกีดกันไม่ให้พ่อลูกเจอกัน ไม่ใช่ค่ะ คือใครมาถามเดย์ในคำถามแบบนี้ เขาก็ตอบแบบนี้ค่ะ ษามั่นใจ

เขาก็ติดต่อมาตลอดค่ะ และษาเคยให้ข่าวไปหลายครั้งมาก ษาจะบอกว่าษาคุยไลน์กับเขาตลอด แต่ไม่ใช่ทุกวัน หมายความว่าพอลูกได้เกรดเฉลี่ยมาแล้วษาจะส่งให้เขาเลย ว่านี่คือผลการเรียนของลูก หรือลูกไปทำกิจกรรมอะไรก็จะส่งไป เขาบอกว่าอยากได้รูปลูกก็ส่งไป เขาบอกอยากจะส่งหูฟัง อยากจะส่งคอมพิวเตอร์มาให้ ษาก็ถามลูกตลอดว่าพ่อจะส่งคอมพิวเตอร์มาให้นะ ส่งหูฟังมาให้นะอยากได้หรือเปล่า เขาก็บอกว่าของเก่าเขามีอยู่ แต่ถ้าจะส่งก็ส่งมาได้ครับ ก็ส่งคลิปวิดีโอไป ลองถามเขาสิคะว่ามีวิดีโอลูกขอบคุณไปหรือเปล่า แต่อย่ามาพูดกับษาแบบนี้ อย่าไปพูดกับทุกคนว่าไม่มีการติดต่อใดๆ ของลูกเลย เพราะษามีไลน์เขาหมด ษาไม่ลบ เพราะษารู้ว่าสักวันจะต้องเกิดเหตุแบบนี้แน่ๆ ษาเลยเก็บทุกอย่างไว้หมด”

บอกไม่โกรธ เพราะเข้าใจว่าอดีตสามีเป็นคนยังไง
“ถามว่าพอมีข่าวออกไปษาได้คุยกับเขาไหม ไม่คุยค่ะ คือเรามีวุฒิภาวะกันแล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะให้ข่าวหรืออะไรษาอยากจะให้ทุกคนเล็งมาที่เด็กด้วย เพราะเด็กโตขึ้นมากแล้ว และเขาก็เริ่มมีความคิดของเขาแล้ว คือเขาเปิดคอมพิวเตอร์เป็น และตอนนี้มันเป็นยุคไอที ทุกอย่างมันอยู่ในคอมพิวเตอร์หมด เขาจะเปิดหาว่าพ่อพูดยังไง แม่พูดยังไงถึงเขา เขาเปิดได้หมดถูกไหมคะ เพราะฉะนั้นเวลาที่จะให้ข่าวต้องมีสตินิดนึงค่ะ แต่ยอมรับว่าตอนไปออกรายการล่าสุดษาไม่ได้แจ้งเขา ก็มีอันนี้แหละที่ษาไม่ได้แจ้ง

แต่รายการที่ษาไปออกก็ไม่น่าจะเป็นลับแล้วนะ (หัวเราะ) ก็คือเป็นรายการที่เขาดูกันทั่วไป ซึ่งก็น่าจะถึงเขารวดเร็วอยู่แล้ว เพราะเพื่อนๆ เขาก็มี เขาก็น่าจะส่งลิงก์กันอยู่แล้ว อย่างษาเองบางทีเป็นลิงก์ข่าวของพี่เขาที่พูดถึงษา เพื่อนๆ ยังส่งมาให้ษาเลยค่ะ และเมื่อวานษาไปอ่านบทสัมภาษณ์เขาล่าสุด นักข่าวถามว่าได้ดูรายการหรือยัง แต่เขาใช้คำว่าไม่มีเวลาที่จะดู หรือษาต้องส่งลิงก์ให้เขา (หัวเราะ) คือถ้าเป็นษา ษาจะกระตือรือร้นในการดูค่ะ เพื่อดูว่าลูกเป็นยังไง

แต่ษาไม่โกรธเขาหรอกนะ เพราะษาเข้าใจและทราบว่านิสัยเขาเป็นยังไง เพราะษาก็อยู่ในช่วงนึงที่ผ่านมา ษาก็เลยไม่โกรธค่ะตั้งแต่ที่แยกทางกับเขาไป และช่วงที่ษาบำบัดลูก ษาก็บำบัดตัวเองไปด้วย ษาถึงเข้าใจและแจ่มแจ้งว่าเขาเป็นแบบนั้น เราคงเปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้ ถ้าเขาจะพูดอะไรมาเขาก็คงจะพูดแบบนี้ บางทีษาเลยต้องเก็บหลักฐานเอาไว้ เพื่อที่มันตีกลับษามาแบบนี้ ษาก็มีหลักฐานให้ดูทุกอย่างว่าษาไม่ได้ทอดทิ้ง ษาไม่ได้กีดกันนะ”

บอกไม่เคยถามเหตุผลลูก เพราะตนเองกว่าจะได้เจอหน้าพ่อก็อายุ 20 ปีแล้ว
“ล่าสุดที่ได้คุยกับพี่เป้ก็เรื่องหูฟังกับเรื่องคอมพิวเตอร์นี่แหละค่ะที่เขาส่งมา ก็ประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ถามว่าษาถามเหตุผลน้องไหมว่าทำไมถึงยังไม่อยากเจอพ่อ ษาว่าบางครั้งเราไม่จำเป็นต้องถามค่ะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องเซนซิทีฟ อย่างบางทีเรามีปัญหาอะไร เพื่อนสนิทโทร.มาถามบางทีเรายังไม่อยากบอกเลย เพราะบอกไปบางทีอีกคนก็ไม่เข้าใจหรอก แค่เขาอาจจะมีความรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอ

ษาเองพ่อกับแม่เลิกกัน แล้วษามาเป็นดารา ษาเพิ่งจะได้เจอพ่อตอนอายุ 20 นะคะ ษาไม่เคยเจอพ่อมาเลย ษาก็เลยเข้าใจในความรู้สึกตรงนี้ เพราะวันแรกที่เจอพ่อ ษาก็ไม่ได้อยากไป เพราะษาสงสารแม่ เพราะแม่เลี้ยงษามา แต่สรุปสุดท้ายเราแค่อยากไปเจอว่าหน้าตาพ่อเป็นยังไง ซึ่งเซย์เดย์ผ่านตรงนั้นมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ครั้งที่ 2 มันจะต้องใช้ความรู้สึกของเขาที่อยากจะเจอด้วย อีกอย่างเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เขาก็รับรู้ว่าคนนี้คือพ่อ พ่อหน้าตาแบบนี้ พ่อร้องเพลงร็อก พ่อเป็นนักร้อง

น้องก็ไม่ได้ถามถึงพ่อนะคะ จะมีช่วงนึงเขาคงโดนเพื่อนถามมา หรือไม่ก็ถามว่าพ่อเธอเป็นนักร้องเหรออะไรประมาณนี้ เขาเลยมาถามกับษาว่าเป็นนักร้องเหรอ ษาเลยถามเขาว่าอยากเจอไหมล่ะลูก เขาก็บอกว่าอยากเจอ วันนั้นษาก็ขับรถพาไปเลยค่ะ เขาก็ได้ถ่ายรูปกันลงในไอจี คนกดไลก์เป็นพัน แล้วหลังจากนั้นพอถามเขาอีกเขาก็บอกว่ายังครับๆ แต่ให้อัดคลิปวิดีโอขอบคุณเขาก็ยอมนะ เขาไม่ได้ว่ารังเกียจหรือปฎิเสธ”

บอกไม่อยากไปบังคับลูก เพราะถ้าเกิดลูกไม่อยากเจอขึ้นมาเลยจะลำบาก
ถามว่าพี่เป้เคยส่งเงินมาให้พิเศษบ้างไหม ไม่มีค่ะ เวลาแกอยากจะให้อะไรลูกแกก็จะถามมาในไลน์ว่าลูกอยากได้อะไร ษาก็บอกว่าลูกชอบคอมพิวเตอร์ ลูกไม่ได้อยากได้อะไรเลย ณ ปัจจุบันนี้ษาไม่ค่อยเสียเงินอะไรกับเซย์เดย์เลยค่ะ นอกจากโปรแกรมที่จะต้องซื้อแค่นั้นเอง ษาก็บอกเขาแบบนี้มาหลายปีแล้ว บอกกันเกือบทุกปีมั้ง เขาก็ถามแบบนี้ทุกปี

พอมีข่าวแบบนี้ษาจะบอกน้องไหม ไม่หรอก มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องของเขา มันเป็นผู้ใหญ่สองคนออกมาโต้เถียงกันว่าทำไมถึงไม่เอาลูกมาให้ คือเราก็ต้องดูที่เด็กค่ะ ว่าเด็กเขายินยอมพร้อมใจไหม เขาอยากจะไปไหม เขาพร้อมหรือเปล่า แต่ในเมื่อเขาไม่พร้อมเราก็ควรที่จะให้เกียรติและให้สิทธิเขา เราจะไปยื้อยุดฉุดกระชากแล้วบอกว่าไปหาพ่อ มันไม่ใช่ มันทำให้ฝังลึก แล้วเดย์เขาเป็นเด็กกลุ่มแบบนี้ด้วย ษาเลยไม่สามารถที่จะทำอะไรที่มันไปกระทบกับอารมณ์เขาได้เลย ถ้าเกิดว่าทำอะไรไปแล้วเขายังไม่พร้อม แต่ไปฝืนเขาก็อาจจะไปปักใจว่าเขาจะไม่ไปเอานะ (หัวเราะ) มันไม่ได้เลย

ออกรายการเหมือนกัน กว่าษาจะให้เขาออกรายการล่าสุดนี่ได้นานมากนะคะ เพราะมีหลายรายการติดต่อมาแต่เขาไม่ไป ก็พูดกับเขาเหมือนทุกรายการที่ติดต่อมา แต่รายการนี้เขาบอกว่าเขาจะไป เขาพร้อม ษาก็งง พร้อมแล้วเหรอ ถ้าพร้อมก็ไป เขาแค่ขอเงื่อนไขว่าขอให้เขาสอบเสร็จก่อน”

ยอมรับเสียใจกับสิ่งที่ “เป้” พูด เพราะตนไม่เคยคิดกีดกัน
“แล้วก็เรื่องไลน์ที่เขาบอกว่าอยากจะขอไลน์ลูก ษาก็คุยกับเซย์เดย์ คือเวลาเขาไลน์อะไรมาษาก็จะคุยกับลูกเลยนะคะ เพราะอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ษาก็ถามลูกว่าพ่อเขาขอไลน์จะให้ไลน์พ่อไหม เขาก็บอกไม่เป็นไรครับ เพราะว่าเดย์ไม่ค่อยคุยไลน์อยู่แล้ว ก็เขาพูดแบบนี้จะให้เราทำยังไง ไลน์ก็คือเรื่องส่วนตัวของเขาถูกไหมคะ มันก็เหมือนเบอร์โทรศัพท์ ไปให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วเขาไม่ได้ยินยอม เขาก็ไม่โอเค แล้วเดย์ก็ไม่คุยไลน์จริงๆ ค่ะ ษาส่งอะไรไปเขาก็ไม่คุยกับษา (หัวเราะ) เพื่อน อาจารย์ส่งไปก็ไม่คุยค่ะ เซย์เดย์ไม่เล่นเฟซ ไม่เล่นไอจี ไม่เล่นอะไรที่เป็นโซเชียลเลยค่ะ ดูแต่ยูทิวป์อย่างเดียว

ษาก็บอกพี่เป้ไปตามนั้น เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอนักข่าวไปถามแล้วเขาพูดแบบนี้มา ษาก็เสียใจนะคะ เพราะสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดมันก็เลวร้ายในช่วงแรกๆ เราก็ทำใจแล้วว่ายังไงก็ให้ลูกเป็นที่หนึ่ง ไม่ได้กีดกันอะไรทั้งสิ้น แต่พอพูดแบบนี้ออกมาษาก็รู้สึกเฟล ว่าที่เราทำมาทั้งหมดคืออะไร ษาจะไม่คุยกับเขาในเรื่องส่วนตัวค่ะ ษาจะคุยแต่เรื่องลูกอย่างเดียว จริงๆ ถามว่าคุยกันทุกเดือนไหม ก็ไม่ขนาดนั้นค่ะ นานๆ เขาก็ทักมาค่ะ ษาจะไม่ได้ทักไป นอกจากส่งผลการเรียนลูกไปให้ หรือว่าลูกไม่สบาย อย่างล่าสุดลูกไม่สบายเข้าโรงพยาบาล ษาก็ส่งไปให้เขา เขาก็ไม่ได้อะไร ไม่ได้บอกจะมาหาลูกหรืออะไร แค่บอกว่าให้เซย์เดย์หายไวๆ อะไรประมาณนี้”

บอก “เป้” ไม่เคยมาหาลูก เพราะคงยังเข้าหน้ากันไม่ติดกับแม่ของตนด้วย
“เขามีแว๊บมาหาน้องเองไหม ไม่มีนะคะ มันด้วยเรื่องเซนซิทีฟอย่างอื่นด้วยค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้จากกันด้วยดี ก็คือผู้ใหญ่ทะเลาะกัน ทางคุณแม่ษาเองตอนที่เลิกกันไปก็ทะเลาะด้วย มันก็เข้าหน้ากันไม่ติดนะถ้าพูดกันตรงๆ จะมาแบบจอดรถทักทายสวัสดีมันก็คงไม่ใช่ (หัวเราะ) มันเหมือนเพื่อนโกรธกันน่ะ เราโกรธคนนี้มากเลย เราก็ไม่อยากเจอถูกไหมคะ ถามว่าตัวษาไม่สนิทใจที่จะเจอเขาไหม ษาสนิทใจนะ ษาไม่ได้มีอะไร เพราะเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วมั้งษาเล่นหนังเรื่องนึงเป็นหนังธรรมะ แล้วพี่เป้เขาทำเพลงให้หนังเรื่องนี้ ทางผู้กำกับเขาก็ให้ไปร้องเพลง เราก็ต้องไปบ้านเขา บ้านที่ษาเดินออกมาน่ะ คิดดู (หัวเราะ) คนเราถ้าเลิกกับแฟนเก่าไปนานมากแล้ว และต้องกลับไป ณ บ้านหลังนั้นอีกครั้งที่ยังมีความทรงจำอยู่ ต้องทำใจมากขนาดไหน แต่ษาทำได้แล้ว งานก็คืองาน

ษาผ่านมาหมดแล้ว ษาถึงบอกว่าพอเขามาพูดแบบนี้เราก็เฟล ก็เสียใจนะ แต่ไม่โกรธ เพราะเราเข้าใจ เขาก็เป็นแบบนี้แหละ (หัวเราะ) เขาไม่ได้เลวร้ายนะ แต่อารมณ์ศิลปินมั้ง แต่ตอนนี้เห็นเขาบอกว่าเขาทำร้านอาหาร ให้พาลูกมากินนะ ษาก็บอกว่าค่ะ ยินดีด้วย ขอให้ขายดีๆ นะคะ แต่ก็ต้องดูว่าลูกจะไปไหม เพราะษาก็บอกลูกไปแล้วว่าพ่อทำร้านสเต็ก พี่เป้เขาส่งรูปมา ษาก็เอาให้ลูกดู แต่น้องก็เฉยๆ (หัวเราะ) เขาก็คงอารมณ์แบบพ่อเขาล่ะมั้ง เขาก็ติสต์ๆ ของเขา”

ชินแล้วข่าวว่าตนกีดกัน เพราะโดนมาตลอด แต่ก็อยากให้คนเข้าใจกันใหม่ด้วย
จริงๆ ษาก็ชินแล้วล่ะข่าวว่ากีดกันเนี่ย 10 กว่าปีแล้วที่โดนมาตั้งแต่แรก จน ณ วันนึงษาก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอก เราก็ทำให้ดีที่สุด เดี๋ยวทุกอย่างที่เราทำมันก็จะเป็นคำตอบเอง แต่เราก็ไม่อยากให้ทุกคนแอนตี้ใครทั้งนั้นแหละ ไม่อยากให้แอนตี้ตัวเรา ไม่อยากให้แอนตี้ลูก แล้วก็พี่เป้ คือจริงๆ มันเป็นเรื่องของคนสองคน ทีนี้ถ้าเกิดว่าคนอื่นมาวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะๆ โดยที่ไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเลยเดี๋ยวเรื่องมันจะไปกันใหญ่ เพราะฉะนั้นให้จบที่นี่เถอะว่ามันไม่ใช่แบบนั้น

คือต่างคนก็ต่างมีอารมณ์ของตัวเองอย่างนั้นอย่างนี้ เด็กเขาก็มีอารมณ์ของเขา พ่อก็มีอารมณ์ของเขา ษาก็มีอารมณ์ของษา แต่ทุกอย่างมันต้องอยู่ตรงกลาง มันต้องเอาเด็กเป็นหลัก แต่อย่าพูดไปเรื่อยกัน บางทีด่ากันอะไรต่างๆ นานา ก็ใจเย็นๆ กลับมาก่อน (หัวเราะ) ทุกวันนี้มีความสุขดีค่ะ ถามว่าถ้าข่าวยังไม่จบจะเอาแชตไลน์ออกมาไหม ษาคิดว่ามันคงไม่ไปถึงขนาดนั้นหรอก เพราะแค่นี้ก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว ษาแค่เก็บไว้เฉยๆ ส่วนมากไลน์ในเครื่องษาก็จะเก็บไว้หมด เพราะษามีลูกค้าเยอะ ษาต้องคุยและเก็บข้อมูลลูกค้าของแต่ละคนที่เขาสั่งของมาประจำ เราจะได้รู้ว่าคุยอะไรกันมา กับพี่เป้ก็เช่นกัน”

ซึ่งทางด้าน “เป้” เองก็ได้ให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า ตนไม่ได้เจอลูกมานานเป็น 10 ปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเรียกร้องว่าต้องเจอขนาดนั้น ถ้าลูกไม่อยากเจอก็ไม่เป็นไร
“ไม่ได้เจอน้องมาตั้งแต่แยกกันเลยครับ น่าจะประมาณ 10 กว่าปี ก็มีขอเจอบ้าง แต่เขาคงไม่สะดวก ก็เลยไม่อยากวุ่นวาย เพราะเราก็ไม่ได้ไปดูแลอะไรเขามากมาย แต่ส่วนมากผมไม่ค่อยได้ขอเจอหรอก ส่วนใหญ่จะถามว่าลูกเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม เวลาเขาป่วยษาก็ส่งรูปมา อยู่โรงพยาบาลอาการเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ดีขึ้นแล้วนะอะไรประมาณนี้ เหมือนแจ้งมาว่าลูกเป็นอย่างนี้ ลูกสบายดี ลูกเรียนหนัก ลูกสอบได้ที่ 1 ลูกคุยเก่งมาก ษาเขาก็จะคอยบอกครับ แต่ก็นานๆ ที ไม่ได้คุยกันทุกวัน แต่ถามว่าเคยขอให้พาน้องมาเจอบ้างไหม ก็เคยบอกครับ แต่เขาบอกว่าไม่สะดวก เราก็เฉยๆ ไม่เป็นไร ไม่น้อยใจหรอก เพราะษาเขาดูแลเซย์เดย์ เลี้ยงดูกันมา เราไม่มีสิทธิจะไปอะไร นอกจากขึ้นอยู่กับตัวลูกเองว่าเขาอยากจะเจอพ่อ ถ้าอยากเจอก็เจอ ไม่อยากเจอก็ไม่เป็นไร

ที่เขาบอกว่าน้องยังไม่พร้อมจะเจอ ผมก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะเขาก็มีชีวิตของเขา ผมก็มีชีวิตของผม ต่างคนต่างใช้ชีวิตกันไป ผมเองก็ไม่เคยคุยกับลูกโดยตรง แต่ก็อยากคุยนะ ความเป็นพ่อมันก็อยากรู้ อยากคุยกับลูกว่าลูกเป็นยังไง แต่เราก็ให้เกียรติเขาที่เขาดูแลเซย์เดย์ ก็เลยไม่อยากอะไรมากมาย ขอไลน์ลูกไป เขาก็บอกว่าน้องยังไม่สะดวก ยังไม่พร้อม ก็ไม่เป็นไร ผมเป็นคนเฉยๆ เวลามันอาจจะยืดนาน 10 กว่าปีแล้ว

ถามว่าเป็นห่วงลูกไหม ก็เป็นห่วง แต่ษาเขาดูแลดีอยู่แล้ว ผมเชื่อเขา แต่ผมก็มีส่งของไปให้ลูกอยู่บ้าง คือฝากถามษาเขาไปว่าลูกอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวซื้อให้ อยากได้คอมบ์ Mac ที่ราคามันสูงๆ ก็ซื้อให้ได้ ไม่ใช่ให้เป็นของขวัญวันเกิดหรืออะไร แค่ษาเขาบอกมาว่าลูกอยากได้ หรือไม่อยากได้อะไร เขาอยากได้แค่นี้พอ เราก็ให้เขาเท่าที่เขาอยากได้”

มีความสุขได้เห็นหน้าลูกผ่านรายการ สักวันคงได้เจอกันถ้าไม่จากกันไปเสียก่อน
“ที่เขาไปออกรายการด้วยกันผมก็เพิ่งได้ดู ษาเขาส่งลิงก์มาให้ น้องเขาเป็นเด็กไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ดูแล้วเราก็มีความสุขนะ ได้เห็นหน้าลูกว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เขาโตหรือยัง เขารูปร่างเป็นยังไง ได้เห็นก็โอเค แต่ความคิดถึงมันไม่เหมือนกับช่วงแรกๆ ที่เราจากเขามาใหม่ๆ นะ ตอนนั้นฟูมฟายมาก แต่เหมือนตอนนี้มันห่างกันนานเกิน แต่ความเป็นลูกเป็นพ่อผมว่าวันนึงถ้าเขาอยากเจอก็น่าจะได้เจอ ถ้าเราไม่จากกันไปซะก่อน

ถามว่ากลัวไหมถ้านานกว่านี้ความสัมพันธ์จะแย่ลง ไม่นะครับ ผมว่าชีวิตมนุษย์ทุกคนมันต้องเจอเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ผมคนเดียว หลายๆ ครอบครัวก็เป็นแบบนี้ บางคนก็ไม่อยากเจอพ่อแม่ก็มี ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติของชีวิตมนุษย์ที่เกิดมาไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ปลงแล้วครับ ถ้าเขาบอกว่าผมอยากเจอพ่อมากเลยครับ ผมก็พร้อมทุกเวลา ทุกวินาทีอยู่แล้ว แต่ถ้าเขายังไม่พร้อม ไม่อยากเจอ ผมก็เฉยๆ ไม่อยากเจอก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าลูกเดือดร้อนอยากให้ช่วยเหลือ ผมพร้อมช่วยเหลือเต็มที่”

บอกตนไม่ได้พูดโกหกที่ว่าไม่ได้เจอลูก
“เขาบอกเสียใจกับคำพูดผมเหรอ ก็ผมไม่ได้เจอลูกจริงไหมล่ะ แต่ผมก็ไม่ได้เรียกร้องว่าเอาลูกมาเจอหน่อยสิ ทำไมไม่พามาเจอ คนมาถามว่าเจอลูกบ้างไหม ผมก็บอกว่าไม่ได้เจอจริงๆ จะให้ผมโกหกว่าได้เจอทุกวันเลยครับ ไปหาลูกทุกวัน มันก็ไม่ใช่ ผมพูดผิดตรงไหนล่ะ ผมไม่ได้ไปว่าษาเขาเลย แล้วยิ่งช่วงนี้โควิดด้วย แล้วษาจะมาน้อยใจทำไม ผมไม่ได้เรียกร้องว่าอยากจะเจอใจจะขาด คิดถึงลูก นอนร้องไห้ฟูมฟาย ไม่ใช่ เดี๋ยวสักวันพระเจ้าให้เจอก็ได้เจอเอง ถ้าไม่ให้เจอก็ไม่ต้องเจอ ไม่เป็นไร

ถึงบอกว่าต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตกันไป เขาก็มีครอบครัวเขา ผมก็อยู่ของผม ผมไม่ได้มานั่งคิดว่าอยากเจอลูกอีกแล้วนะครับ ผมคิดอย่างเดียวว่าทำยังไงให้ชีวิตอยู่รอด จะทำธุรกิจยังไงให้ชีวิตมันดีขึ้น จะช่วยญาติพี่น้องเรายังไง เขาลำบาก คิดแค่นี้อย่างเดียวตอนนี้ ไม่ได้คิดว่าต้องอยากเจอลูกขนาดนั้น แค่บางทีขอให้ษาเขาส่งรูปให้ดูหน่อย เซย์เดย์เป็นยังไงบ้าง โตหรือยัง น้ำหนักเท่าไหร่ อ้วนหรือเปล่า บางครั้งบางอารมณ์ก็อยากเห็นลูกบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าฟูมฟายทุกวัน เพราะเราก็มีสิ่งที่เราต้องทำทุกวันเรื่องปากเรื่องท้อง

ก็เคยถามษาเขาอยู่เหมือนกันว่าลูกมีถามถึงพ่อบ้างไหม ถามว่าเขารู้หรือเปล่าว่าใครเป็นพ่อ ษาเขาก็บอกว่ารู้ เขาบอกพ่อเป็นร็อกเกอร์ เป็นนักร้อง ษาเขาก็บอก เขาก็รู้ว่าพ่อเขาเป็นใคร ผมทำเสื้อไฮร็อคขาย ทำเสื้อวงของผมขายผมก็ส่งให้ลูกตลอด เพื่อให้เขารู้ว่าเราเป็นพ่อนายนะ ล่าสุดก็บอกษาว่าถ้าว่างก็พาลูกมานั่งทานข้าวกันนะ เพราะผมเปิดร้านสเต็กที่บ้าน เขาก็บอกได้ค่ะ ก็คุยกันปกติธรรมดา ไม่ใช่ว่าทำไมไม่มาสักที ไม่ใช่แบบนั้น”

บอกพัฒนาการของลูกไม่ได้มีปัญหาอย่างที่ใครคิด แถมยังอัจฉริยะอีกต่างหาก
“เรื่องพัฒนาการของลูกเนี่ย เมื่อวันก่อนผมเพิ่งเจอเด็กออทิสติกนะครับ เขานั่งร้องเพลงของผม เขามาหาผมที่ร้าน เขาบอกชอบผมมาก อายุแค่ 17-18 เขาร้องเพลงผมได้ทุกเพลงเลย ผมก็เลยรู้สึกว่ามันไม่เห็นต่ำต้อย ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เขาก็รู้เรื่องทุกอย่าง คุยอะไรก็รู้เรื่อง ผมว่าเซย์เดย์ยังดูดีกว่าเยอะเลย ดูฉลาด เรียนเก่งมาก เรียน โอ้โห 3.8 - 3.9 คือผมว่าเขาอัจฉริยะ ผมก็เลยไม่ห่วงอะไร เพียงแต่เขาเป็นเด็กที่พูดน้อยเท่านั้นเอง จากที่ดูในรายการนะครับ ผมก็เฉยๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมเองบางครั้งอยู่บ้านไม่ได้คุยกับใครเป็นวันก็ยังอยู่ได้ ผมไม่ห่วงเลยครับ เพราะคุณแม่ของษาหรือตัวษาเองเขาก็ดูแลเซย์เดย์ได้ดีอยู่แล้ว ถ้ามาอยู่กับผม ผมอาจจะดูแลไม่ดีเท่าเขาก็ได้ ก็ปล่อยเป็นหน้าที่เขาไปดีกว่า”



















กำลังโหลดความคิดเห็น