หลังนักธุรกิจชาวต่างชาติ “เอเดรียน เคิร์ท เอเกอร์เทอร์” เจ้าของบริษัท สวิสสยาม เทรดดิ้ง ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ เหตุถูกโกงเงินมัดจำค่าหน้ากากอนามัย 170 ล้านบาท แต่คดีความไม่คืบหน้า สร้างความเสียหายหนัก
ล่าสุดวันนี้สาว “เอ็มมี่ แม็กซิม” หรือ “เอ็มมี่ อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์” ก็เลยขออาสาในฐานะเพื่อน พา “เอเดรียน เคิร์ท เอเกอร์เทอร์” พร้อมภรรยา “ชนิลทร เอเกอร์เทอร์” เข้าร้องกับปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) อีกครั้ง ก่อนจะพามาให้สัมภาษณ์กับสื่อ หวังเป็นการช่วยเหลืออีกทาง
เอ็มมี่ : “วันนี้ก็มาในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ที่มาช่วยเพื่อนค่ะ เพื่อนๆ ได้ร้องเรียนมา ว่ามีการโกงหน้ากากกัน 170 ล้านบาท คือเขาบอกว่าก่อนหน้านี้ ได้มีการดำเนินคดีไปแล้ว แล้วเรื่องมันเงียบไป เราก็เลยมาช่วยในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง เรื่องหน้ากากนี้นะคะ ก็จะมีการส่งไปที่กองทัพสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ เราก็เลยมองว่า มันเป็นหน้าตาของประเทศด้วย เพราะเขาบอกว่าเขาเชื่อในคนไทย แต่สิ่งที่เขาได้รับ มันมีการโกงกันเกิดขึ้น เลยทำให้เราต้องออกมาช่วยเพื่อนในวันนี้ค่ะ”
พิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล (ตัวแทนรับเรื่องร้องเรียน): “วันนี้ก็ต้องขอสื่อมวลชน ที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ ณ วันนี้ผมได้นำคุณเอเดรียน มานำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในการโกงหน้ากากอนามัย 170 ล้าน โดยเรื่องราวทั้งหมด คือบริษัทสวิสสยาม เทรดดิ้ง เป็นผู้สั่งซื้อสินค้ากับบริษัทหนึ่ง แล้วมีการวางมัดจำกัน 170 ล้าน หลังจากที่มัดจำไปแล้ว เราก็มีข้อตกลงกัน ว่าจะมีการส่งมอบสินค้า
แต่เจ้าของบริษัท และบริษัทผู้รับออเดอร์ ไม่มีการส่งสินค้าให้ ทางเราก็ได้นำผู้เสียหาย เข้าไปร้องเรียน ไม่ใช่ว่าปปง. ที่เดียว มีทั้งสำนักนายกรัฐมนตรี และสภาผู้แทนราษฎร แล้วก็ยังเดินเรื่องต่อ แต่วันนี้เรามาที่ปปง. ก็ต้องการที่จะนำเรื่องราวตรงนี้มาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปรับทราบ ว่าเหตุการณ์ตรงนี้ มันไม่ชอบมาพากล”
เอเดรียน (เจ้าของบริษัท ผู้เสียหาย) : “(พูดภาษาอังกฤษ) ผมได้มีการโอนเงินถูกต้องตามกฎหมายให้กับทางบริษัทดังกล่าว 170 ล้านบาท เพื่อที่จะส่งหน้ากากอนามัยไปที่กองทัพ แต่ปรากฏว่าไม่ได้ของ เลยมีการไปแจ้งความ แต่เรื่องทุกอย่างมันเงียบ เลยรู้สึกว่า อยากจะให้คนไทยช่วยผมหน่อย ผมรักเมืองไทย และชอบเมืองไทยมาก ก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
พิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล (ตัวแทนรับเรื่องร้องเรียน) : “ตอนนี้ทางผู้ที่สร้างความเสียหาย ก็ยังใช้ชีวิตปกติ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยังอยู่ในสังคมไฮโซ แล้วก็ใช้ชีวิตดีมากครับ แต่ผู้เสียหายกลับต้องสูญเสียทุกอย่าง จนต้องมาร้องขอความช่วยเหลือวันนี้ครับ (คนโกงเป็นไฮโซ?) อย่าเรียกว่าเป็นไฮโซเลยครับ ก็ประมาณว่า กำลังจะเป็นไฮโซครับ”
เอ็มมี่ : “เหตุผลที่เขากล้าลงทุน เพราะเขาเชื่อในคนไทย ก็ไม่คิดว่าจะได้สิ่งตอบแทน กลับมาแบบนี้”
ชนิลทร (ภรรยาคุณเอเดรียน): “ก็ตามที่คุณเอเดรียนพูดไว้นะคะ คือเราพรีออเดอร์ จะส่งไปกองทัพสวิตเซอร์แลนด์ สั่งผ่าน บริษัท สวิสสยาม เทรดดิ้ง ก็คือบริษัทเรา เราเชื่อใจไว้ใจ เพราะว่าเราเช็กบริษัทเขาแล้ว เขาก็มีตัวตน มีทุกอย่าง เขาก็บอกเราว่า เขามีหน้ากากเรียบร้อยแล้ว 30 ล้านชิ้น ที่เราจะสั่ง แต่ทีนี้ครั้งแรกที่ส่งเงินไปบล็อกของ ก็ไม่ได้ของ พอเดือนที่สอง เดือนเมษายน เราก็เลยโอนเข้าอีกบริษัทหนึ่ง 5 ล้าน 4 แสนเหรียญ ก็ยังไม่ได้ของสักชิ้น แล้วในสัญญาบอกว่า ภายใน 5 วันจะได้ของ”
กวินนาถ ตาคีย์ (สส.พรรคพลังท้องถิ่นไทย) : “วันนี้ผมมาในฐานะของผู้แทนราษฎร ทางคุณเอเดรียน ได้เปิดกิจการอยู่ที่พัทยา เป็นพื้นที่ที่ผมดูแลอยู่ ผมเองได้รับทราบปัญหาของเขา ก็พูดตรงๆ ว่า เขาไว้วางใจคนไทย ในการประกอบธุรกิจในครั้งนี้ แล้วเหตุผลที่เขามาวันนี้ เพื่อที่จะขอความเป็นธรรมจากคนไทย เพราะคู่กรณีก็ค่อนข้างที่จะมีหน้ามีตาในสังคม เป็นถึงผู้จัดการประกวด แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยนามนะครับ ก็ขอให้เป็นในขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
คือในครั้งนี้เขามองว่า การที่ผู้ที่มีหน้าตาทางสังคม มาทำกับเขาแบบนี้ เขาไม่แน่ใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ เขาเลยมาร้องกับทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นปปง. สำนักนายกรัฐมนตรี หรือทุกที่ที่เขาสามารถที่จะร้องไห้ เพราะหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม จากหน่วยงานต่างๆ และอย่าวิงวอนสื่อ ว่าอยากจะให้เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่จะให้ผู้ที่กระทำความผิดได้เห็น ว่าการที่เขาทำแบบนี้ เรื่องมันไม่เงียบ เพราะยังมาอีกหลายคนที่รอจับตาดูอยู่ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ที่เขาได้ทำในครั้งนี้ มันเกิดผลกระทบกับผู้ประกอบกิจการ ซึ่งเขาเองเป็นชาวต่างชาติ และไว้ว่าใจคนไทย
ถ้าครั้งนี้เกิดความเสียหาย ผมเชื่อว่าผลกระทบโดยรวม มันเกิดขึ้นอยู่แล้ว วันนี้เราเป็นคนไทย หน้าตาของคนไทยก็เสียหายไปด้วย จึงอยากจะฝากสื่อช่วยติดตามเคสนี้ แล้วก็ขอให้เป็นกรณีตัวอย่าง และอย่าให้เกิดกับใครอีก ซึ่งในกระบวนการทางกฎหมาย ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็มีส่วนหนึ่ง ที่ดำเนินคดีไปแล้ว แต่เนื่องจากระยะเวลากว่า 8 เดือนแล้ว ก็ไม่มีความคืบหน้า มีการจับ แล้วก็ประกันตัวออกไปเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ยังไม่ได้ส่งยื่นอัยการ ซึ่งทางผมเองก็ ให้ทีมกฎหมายช่วยดู ว่าตอนนี้ถึงขั้นตอนไหน ในส่วนไหนที่สามารถจะดำเนินการได้ หรือทางหน่วยงานต่างๆ จะสามารถอายัดหรือยึดทรัพย์ไว้ก่อนได้ไหม จะได้ดูแลเรื่องของการนำเงินเข้า-ออกบัญชี เพื่อไม่ให้เงินมันรั่วไหลไปไหน หรือตรวจสอบเส้นทางการเงินอีกที ก็ขอให้เป็นเรื่องของหน่วยงานในการจัดการครับ”
คุณชนิลทร เอเกอร์เทอร์(ภรรยาคุณเอเดรียน) : “ส่วนตัวเราก็หวังว่า อยากจะได้คืนทั้งหมดนะคะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะคืนเราเท่าไหร่ ตั้งแต่เกิดเรื่องมา เขายังไม่ติดต่อเรากลับมาเลยค่ะ เขาไม่คุยด้วย เขาบล็อกทุกอย่าง คุณเอเดรียนเคยไปหาที่ออฟฟิศเขาครั้งหนึ่ง แต่คนในออฟฟิศบอกว่าตัวเจ้าของไม่อยู่ แล้วก็กลับบ้านอีเมล์ไปอีกรอบหนึ่ง เขาก็ไม่คุยด้วยเหมือนกัน ก็เลยมั่นใจว่าเขาโกงเราแล้ว เลยไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี ให้ตำรวจช่วยเรา ยังไงก็ฝากสื่อมวลชนด้วย ช่วยเราด้วยนะคะ”
