หลังจากที่อดีตสาวคนสนิทของนักแสดงหนุ่ม “ท็อป ณฐกร ไตรกิศยเวช” ออกมาฟ้องร้องดำเนินคดีกับฝ่ายชายคดีทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยว ล่าสุด “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” ทนายความฝ่ายหญิงก็ได้เปิดเผยความคืบหน้าของคดีนี้ ที่จะมีการขึ้นศาลนัดการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ในวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2564 นี้ เวลา 13:30 น. ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการ โดยเผยว่า จริงๆ แล้วถ้าทั้งสองฝ่ายยอมลดทิฐิลงเรื่องก็จะจบง่ายขึ้น
“ตอนนี้ก็มีสำนวนส่งฟ้องข้อหาทำร้ายร่างกายให้เป็นเหตุแก่กายและจิตใจ ก็เป็นเหตุลหุโทษเฉยๆ โทษมันเบา และตำรวจก็มองว่าน่าจะมีความผิดในส่วนของการกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วย ก็เลยแจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวด้วยอีกความผิดนึงครับ ช่วงที่ผ่านมาทางคู่กรณีไม่ได้มีการติดต่อมาเลยครับ มีแต่แขวะกันไปแขวะกันมาผ่านสื่อนั่นแหละ จริงๆ คุยกันหลังบ้านก็จบแล้ว
ผมมองแล้วว่ามันเป็นศึกศักดิ์ศรี น่าจะจบยาก แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายลดทิฐิลงได้ แต่ดูแล้วถ้าฝ่ายนึงยอมรับผิด ก็แสดงว่าทำร้ายร่างกายเขาจริง กักขังหน่วงเหนี่ยวเขาจริง แต่ถ้าอีกฝ่ายนึงยอมถอนฟ้อง แสดงว่าอีกฝ่ายนึงไม่ได้กระทำความผิดอย่างที่กล่าวหา นี่ก็หมาเลยนะ เพราะเป็นคนมาออกข่าวก่อน เพราะฉะนั้นต้องให้ศาลตัดสินดีกว่า อันนี้คือความเห็นผมนะ แต่ถ้าเกิดปรับความเข้าใจกันได้ เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็อีกเรื่องนึงนะครับ”
บอกถ้า “ท็อป” สู้คดีแล้วแพ้ มีสิทธิติดคุกสูงมาก
“ถามว่าวันจันทร์นี้แนวโน้มจะไปทางไหน คือตัวท็อปเองกับผมยังไม่เคยเจอกันหรือคุยโดยตรงนะครับ ผมก็เลยยังไม่ทราบความคิดเห็นของเขาว่าเขาคิดอะไรอยู่เกี่ยวกับคดีนี้ เขาก็พูดแค่ว่าเขาเป็นนักกีฬา ถ้าเขาจะทำร้ายร่างกายจริงก็คงตายไปแล้ว หรือแขนหักขาหักอะไรประมาณนั้น แต่ประเด็นคือมันมีการใช้กำลังในการแย่งโทรศัพท์กัน และผู้หญิงก็อ้างว่าจะออกจากห้อง แต่ผู้ชายไม่ยอมให้ออก ปัญหามันอยู่ตรงนี้ คุณจะเอาข้อเท็จจริงอะไรมาสู้ล่ะ
ผมมองว่าถ้าแพ้นี่ถึงขั้นติดนะทำเป็นเล่นไป ถ้าคุณสู้คดี สมมติว่าศาลจะยก ก็ต่อเมื่อพยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าทำร้ายร่างกายกันจริง หรือกักขังหน่วงเหนี่ยวกันจริง ทีนี้ศาลตัดสินจากอะไรล่ะ จากคนกลางครับ หลักฐานการทำร้ายร่างกายดูจากตรงไหน ก็คือหลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งผลตรวจร่างกายก็ชัดเจนอยู่ว่ามันมีการทำร้ายร่างกายกันจริง เพียงแต่มันเป็นบาดแผลที่ไม่รุนแรงเท่าไหร่ ส่วนเรื่องของการกักขังหน่วงเหนี่ยวก็มีพยานคนกลางที่เห็นว่าในขณะที่น้องผู้หญิงจะออก แต่ท็อปไม่ยอมให้ออก ก็ต้องว่ากันไป”
แนะถ้ายอมจ่ายเป็นค่าเสียหาย ก็น่าจะจบลงด้วยดีได้
“ผมมองว่าถ้าสู้คดี โอกาสที่ศาลจะไม่รอลงอาญามีสูงมาก แต่ถ้าเกิดไม่สู้และรับสารภาพ เยียวยาค่าเสียหายกันไป ต่อให้เป็นคดีที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้นะ ตอนนี้มันมีพ.ร.บ.ตัวนึงที่เรียกว่าเป็นพ.ร.บ.ไกล่เกลี่ย แม้จะเป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความได้ก็ตาม แต่ถ้าเกิดสองฝ่ายพร้อมใจกันที่จะใช้สิทธิในการไกล่เกลี่ย จากคดีที่ยอมความไม่ได้ ก็สามารถที่จะยอมความกันได้ โดยอาศัยพ.ร.บ.ตัวนี้ แต่มันต้องยินยอมกันทั้งสองฝ่าย ฉะนั้นก็ต้องรอดูฝั่งนั้นแหละว่าจะยังไง
อย่างที่ผมบอกว่าเป็นเรื่องของทิฐิล้วนๆ อยากเอาชนะกัน ถ้าเกิดคุณเอาชนะกันมันก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายนึงที่แพ้ แต่ถ้าคุณยอมความกันได้มันก็สมประโยชน์กันทั้งคู่ ฝ่ายนึงมันเกิดความเสียหายไปแล้วนี่ ตายไหมก็ไม่ได้ตาย ก็เยียวยาเป็นเงินเป็นทองไป ก็จบ อีกฝ่ายนึงเงินทองนอกกายหาใหม่ได้ คุณจะไปเครียดทำไมล่ะ จ่ายค่าทนายผมว่าเผลอๆ แพงกว่าจ่ายค่าเสียหายให้น้องเขาอีก แต่ประเด็นวันนี้คือเขาไม่ยอมคุย เขาอ้างแต่ว่าเขาไม่ผิด เขาไม่ได้ทำ เขาพูดแค่นี้ ผมก็ไม่รู้จะยังไงต่อ”
ยัน “ทอยทอย ธนภัทร ชนะกุลพิศาล” ยังไม่ได้ออกจากคุกตามกระแสใน tiktok
“ยังไม่ได้ออกมาครับ ผมก็อัปเดตกับเขาอยู่นะ ผมตามผลชันสูตรอยู่ว่าถ้าผลชันสูตรออกก็จะได้กำหนดทิศทางต่อไปถูก เพราะ ณ วันนี้ตัวทอยเองเขายืนยันกับผมว่าเขาทำไม่ถึง 20 แผล และในขณะเดียวกันตัวเขาเองก็ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงอะไรบางอย่างได้ เนื่องจากถ้าในทางการแพทย์เขาก็จะบอกว่ากำลังตกใจ และจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้ชั่วขณะ ไม่รู้ตัวในภาวะที่ตัวเองทำอะไรลงไป หรืออาจจะทำจริงๆ ก็ได้ อาจจะทำเองทั้งหมดนั่นแหละ สมมตินะ แต่ทีนี้ด้วยความที่มันเกิดขึ้นเร็ว และคนกำลังโมโห ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป นึกได้อีกทีก็บานตะไทแล้ว ก็เป็นไปได้ ผมมองอย่างนั้นนะ ผมก็เลยต้องรอข้อเท็จจริง เพราะตัวลูกความเราเองก็ยังไม่ชัดเจนว่าทำทั้งหมดจริงไหม
ผมเข้าไปเจอเขาล่าสุดคือเมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งตัวเขาเองก็ยังยืนยันคำเดิมว่ามันไม่น่าจะถึงตามที่ข่าวออก ผมก็ต้องบอกตามนี้เพราะผมก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ถ้าตัวของทอยพูดมาแบบนี้ผมก็ต้องฟังเขา อาการล่าสุดที่เจอเขาก็ดีขึ้นนะ ตอนนี้เขาก็ไปอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี เนื่องจากว่าเขาหายดีแล้ว ยืนยันว่ายังอยู่ในเรือนจำครับ ยังไม่ได้ออกหรอก ถ้าออกแล้วผมจะไม่รู้ได้ยังไง ส่วนความคืบหน้าของคดีความชัดเจนตอนนี้อยู่ที่ตำรวจเลยครับ ตอนแรกผมไปถามทางตำรวจก็บอกว่า 30 วัน พอไปถามอีกก็บอกว่า 45 วัน พอใกล้ๆ 45 วันแกก็บอกว่า 45 วันทำการนะ ก็เลยจะต้องรอทางตำรวจอย่างเดียวเลย เพราะเราเป็นฝ่ายจำเลย เราทำอะไรได้ไม่มาก ตำรวจเองก็รอข้อมูลจากทางแพทย์นั่นแหละ”
