ถ้าแบ่งดาราฮอลลีวูดที่ไม่ใช่ระดับซูเปอร์สตาร์ที่ใครก็รู้จักออกเป็นสองประเภท คือคุ้นชื่อไม่คุ้นหน้ากับคุ้นหน้าแต่ไม่คุ้นชื่อ นักแสดงหญิงอย่าง "แกบโบเรย์ ซิดิเบ" คงต้องจัดอยู่ในประเภทหลัง
"แกบโบเร" หรือ "แกบบี้" เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1983 ในชุมชน Bedford-Stuyvesant บรู๊คลิน นิวยอร์ก มีพ่อเป็นชาวเซเนกัลประกอบอาชีพขับแท็กซี่ ขณะที่มารดาชาวแอฟริกัน – อเมริกันมีอาชีพเป็นครูสอนพิเศษก่อนผันตัวเองมาเป็นนักร้อง-นักแสดงข้างถนนในภายหลัง
เธอยังมีพี่น้องผู้ชาย 2 คน และพี่น้องผู้หญิงที่เป็นฝาแฝดอีก 2 คน
นอกจากครอบครัวที่แตกแยกหลังพ่อ-แม่หย่ากันขณะที่เธอมีอายุได้ 12 ปี "แกบบี้" ยังต้องเผชิญกับภาวะ “น้ำหนักเกิน” มาตั้งแต่ยังเด็ก
ที่โรงเรียนเธอถูกเพื่อนๆ เยาะเย้ยล้อเลียนอยู่ตลอดเวลา ครั้นพอกลับมาบ้านก็ต้องมาถูกพี่ชายแกล้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้เป็นพ่อที่มักจะตีและเรียกเธอว่า "อีอ้วน" อยู่บ่อยครั้ง
แม้จะรู้สึกไม่ดีแต่เด็กหญิงก็พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาจนกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านี้เองที่เป็นการฝึกการแสดงให้กับเธออย่างไม่รู้ตัว โดย "แกบบี้" เองเคยให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตวัยเด็กของเธอหลังจากที่มีชื่อเสียงขึ้นมาแล้วว่า..."ฉันต้องโตมาโดยการแสร้งทำเป็นว่าฉันไม่เป็นอะไรทั้งๆ ที่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย”
ด้วยสภาพร่างกายและสิ่งแวดล้อมรอบตัวทำให้อาชีพนักแสดงเป็นอะไรที่ "แกบบี้" ไม่เคยฝันถึง โดยอาชีพที่เธออยากเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ ก็คือการเป็นนักบำบัดโรค ซึ่งในขณะนั้นเธอเองก็คงไม่รู้ว่าต่อมาในชีวิตเธอจะต้องพบนักบำบัดเพื่อช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาชีวิตของเธอเองแต่อย่างใด
ระหว่างเรียนที่ Mercy College ในสาขาจิตวิทยาเพื่อเดินตามความฝันของตนเอง "แกบบี้" ได้ทำงานพาร์ทไทม์ด้วยการเป็นพนักงานให้คำปรึกษาเรื่องเพศทางโทรศัพท์ไปด้วย
เธอเล่าให้ฟังว่าพนักงานเกือบทั้งหมดเป็นหญิงอ้วนผิวสี ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายผิวขาว ดังนั้นพวกเธอจึงต้องพยายามทำเสียงให้เซ็กซี่เพื่อทำให้ผู้ชายที่โทรมาจินตนาการว่าพวกเขากำลังคุยกับ "เมแกน ฟอกซ์" อยู่อย่างไรอย่างนั้น
หลังทำงานดังกล่าวนานร่วม 3 ปี ชีวิตของ "แกบบี้" ก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อเพื่อนของเธอได้โทรมาขอให้เธอไปออดิชันผลงานหนังเรื่องใหม่ของ "ลี แดเนียลส์" เรื่อง Precious
ในตอนแรก "แกบบี้" ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจไปออดิชันร่วมกับเด็กสาวอีกกว่า 300 คน และก็เป็นเธอที่คว้าบทเด่นจากหนังไปครอง
"พรีเชียส" สะท้อนชีวิตอันแสนเลวร้ายของเด็กสาววัยรุ่นแอฟริกัน-อเมริกันคนหนึ่งที่นอกจากจะมีปัญหาโรคอ้วนแล้วเธอยังตั้งท้องขึ้นมาระหว่างเรียนหนังสือโดยที่เธอเองไม่เอ่ยปากว่าใครคือพ่อ ส่งผลให้เด็กสาวกลายเป็นที่รังเกียจและถูกกีดกันจากสังคมรวมไปถึงครอบครัวและแม่แท้ๆ ของเธอเอง
หนังออกฉายในปี 2009 โดยได้รับคำวิจารณ์อย่างท่วมท้น พร้อมกับส่งให้ "แกบบี้" ในวัย 21 ปีคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Independent Spirit Award รวมถึงมีชื่อเข้าชิงทั้งรางวัลลูกโลกทองคำและออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปี 2010 ซึ่งแม้จะพลาดรางวัล แต่ "พรีเชียส" ก็เป็นเหมือนประตูบานใหญ่ที่เปิดให้เธอก้าวสู่ฮอลลีวูดได้อย่างสง่างาม
อย่างไรก็ตามหลังทำงานในวงการมานานร่วม 10 ปี "แกบบี้" กลับเริ่มรู้สึกว่าฮอลลีวูดนั้น 2 มาตรฐาน โดยเธอได้เปรียบเทียบตัวเองกับ "แอนนา เคนดริก" นักแสดงหญิงที่เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องแรก Up in the Air ในปีเดียวกับเธอโดยระบุว่า...
"ฉันเคยได้ยินมาว่า ฉันก็แค่โชคดี แล้วก็ได้ยินมาอีกด้วยว่า ฉันเป็นคนที่โชคไม่ดีเอาเสียเลย จริงๆแล้ว ฉันทำงานหนักมากจริงๆ แต่ฮอลลีวูด ก็ไม่ได้ใจดีกับฉันแบบเดียวกับที่ทำต่อ แอนนา เคนดริก ที่มีชื่อเข้าชิงออสการ์ในปีเดียวกัน ตอนนั้นเธอได้แสดงทั้งภาพยนตร์และทีวีทุกอย่างเลย มันคงมีปัจจัยบางอย่าง..."
แน่นอนว่า "ปัจจัย" สำคัญที่เธอหมายถึงก็คงจะเป็นรูปร่างของเธอที่ไม่ใช่หุ่นมาตรฐานตามแบบฉบับนักแสดงนำของฮอลลีวูดนั่นเอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา "แกบบี้" พยายามต่อสู้กับภาวะน้ำหนักเกินและความทุกข์ทรมานจากภาวะที่เรียกว่า "บูลิเมีย" (Bulimia) หรือภาวะความผิดปกติในเรื่องของการกินมาโดยตลอด
ตอนอายุหกขวบเธอเคยอดอาหาร ตอนอยู่โรงเรียนมัธยม เธอหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกับใคร เพราะเธอไม่ต้องการให้ใครเห็นหุ่นเธอ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอบ่นเรื่องนี้กับแม่ แม่ก็จะบอกให้เธอหน้าด้านหน้าทนกับคำวิจารณ์และหยุดจู้จี้เรื่องการกินได้แล้ว
สุดท้ายเธอปัญหาร่างกายก็ทำให้ "แกบบี้" กลายเป็นโรคซึมเศร้าและต้องปรึกษากับจิตแพทย์
การบำบัดช่วยเธอได้มากแม้ว่าจะมีหลายครั้งที่เธอหยุดร้องไห้ไม่ได้ แต่ก็ทำให้เธอรักรูปลักษณ์และร่างกายของเธอมากขึ้น
กระทั่งในเดือนมี.ค. 2017 "แกบบี้" ได้ออกมายอมรับว่าเธอเข้าผ่าตัดเย็บหน้าท้องเพื่อลดน้ำหนักเพราะความจำเป็นในเรื่องของสุขภาพหลังเธอได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าเธอเป็นเบาหวาน
หลายสื่อหยิบยกนำเอาเรื่องนี้มานำเสนอด้วยความยินดี ทว่าเธอกลับรู้สึกตรงกันข้ามและไม่อยากให้สื่อพูดถึงรูปร่างของเธอ เพราะสุดท้ายสิ่งที่เธอได้ยินก็คือคำวิจารณ์ที่บอกว่าเธออ้วนและดำเกินไปสำหรับฮอลลีวูด แม้ว่าเธอจะภูมิใจกับรูปร่างและสีผิวของตนเองอย่างมากก็ตาม
นอกจากนี้แม้ว่าเธอจะพูดและทำโดยมองในแง่ดีว่าการศัลยกรรมรูปร่างเป็นการทำเพื่อสุขภาพ เพราะเธอพยายามลดน้ำหนักในทุกทางแล้วแต่ก็เป็นไปได้ช้าและวิธีนี้ถือว่าได้ผลเร็วและตอบโจทย์เธอที่สุด แต่ผู้คนกลับวิพากษ์วิจารณ์เธออย่างหนัก
โดยเฉพาะหลังจากที่เธอคบหากับ "แบรนดอน แฟรงเคิล" ผู้จัดการศิลปินที่มีพรสวรรค์ด้านการตลาดและหนุ่มที่ชื่นชอบการออกกำลังกายจนหมั้นหมายกันเมื่อเดือน พ.ย.ปี 2020 ก็ยิ่งทำให้คนวิจารณ์เธอหนักกว่าเดิมทำนองว่าเธอเปลี่ยนหุ่นเพราะผู้ชาย
มีรายงานว่าจากน้ำหนักที่เคยสูงถึง 320 ปอนด์ ถึงตอนนี้ "แกบบี้" ลดน้ำหนักไปได้แล้วกว่า 150 ปอนด์ด้วยกัน