“บิณฑ์ - เอกพันธ์” ลงพื้นที่เต็มกำลังช่วยน้ำท่วม ควักเงินสดแจกหมดไปแล้ว 4 แสน ไม่อยากเปิดรับบริจาคแบบทุกปี เพราะไม่อยากมีดรามา เป็นขี้ปากคน แต่ใครอยากช่วยบอกได้พร้อมรับ เตือนกทม.อย่าประมาท คาด 10 ตุลาเป็นต้นไปเตรียมรับมือ ลั่นปีนี้อาจหนักกว่าปี 54 ด้วยซ้ำ
โควิดยังไม่ทันซา น้ำท่วมมาอีกแล้ว ทำเอาคู่แฝดจิตอาสา “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์”และ “เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” แบ่งทีมเข้าช่วยเหลือกันแทบไม่ทัน ล่าสุดวันนี้ (29 ก.ย.64) ทั้งคู่ไปร่วมงานบวงสรวงละครชาติพยัคฆ์ คมนักเลง ก็เลยขออัปเดตถึงสถานการณ์น้ำท่วมกันสักหน่อย ในฐานะผู้ที่ลงพื้นที่จริง ว่ามันหนักหนาขนาดไหน แล้วกรุงเทพมหานครจะรอดหรือเปล่า
บิณฑ์ : “นี่เมื่อคืนมาถึงตอนตี 4 จากสุโขทัย ส่วนท็อปมาถึงตอนเที่ยงคืน จากนครสวรรค์ เดี๋ยวก็จะกลับไปแพ็กของต่อ สุโขทัยตอนนี้หนักกว่าทุกปี บอกเลยว่าปีที่แล้วว่าหนักแล้ว ปีนี้หนักกว่า เพราะปีที่แล้วที่ผมไปช่วย ในตลาดหรือว่าในตัวเมืองของสุโขทัยน้ำยังไม่เข้า แต่ปีนี้น้ำเยอะมาก
แล้วรอบๆ สุโขทัยเนี่ย ก็มีอำเภอบ้านกล้วย ที่ไม่สามารถอยู่ได้เลย ขนาด 3-4 วันที่ผ่านมานะ น้ำยังแค่เท่าหน้าอกอยู่ ต้องเดินลุย แล้วก็ขนของเข้าไปแจกในบ้าน เพราะเขาอยู่มี 4 วันแล้วยังไม่มีใครเข้าไปเลย ไม่มีใครเข้าไปได้ แล้วเขาก็ไม่สามารถออกมาได้ เพราะน้ำมันแรง
เขาก็ประทังด้วยกล้วย ด้วยปลาที่มีอยู่แถวๆ นั้น เมื่อวานเราก็เห็นสภาพแล้ว ว่าหนักจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้าสุโขทัยหนัก นครสวรรค์หนัก ผมว่ารอบๆ บริเวณกรุงเทพฯ สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท อยุธยา น้ำมันก็จะค่อยๆ ไหลลงมา นนทบุรีตอนนี้ก็ปริ่มแล้ว ท่วมแล้วตอนนี้ กรุงเทพฯ ผมว่าไม่รอด ผมพูดเลยว่าไม่รอด”
คาดการณ์ว่าปีนี้ น้ำอาจจะมาเท่ากับหรือมากกว่าในปี 54 ด้วยซ้ำ
บิณฑ์ : “อาจจะนะ เพราะปีนี้น้ำมันเยอะมาก เยอะจริงๆ”
เอกพันธ์ : “มีบางอำเภอ บางจังหวัด น้ำมากกว่าปี 54 ตอนปี 54 เขาเท่าเอว แต่ปีนี้มิดหัว นี่คือในรอบ 11 ปี”
แบ่งกำลังกันไปช่วยในหลายจังหวัด ร่วมกับมูลนิธิอื่นๆ
บิณฑ์ : “ต้องแยกกันไปครับ เพราะว่าน้ำไม่ได้ท่วมจังหวัดเดียว ก็แยกไป 3 ทีมนะครับ เราได้เรือ 2 ลำ อีกทีมได้เรือ 1 ลำ ก็ช่วยเหลือกัน”
เอกพันธ์ : “ก็มีเครือข่ายพี่น้องด้วยตามจังหวัดต่างๆ ของมูลนิธิร่วมกตัญญู นำโดยหัวหน้าจังหวัดต่างๆ ที่เขาดำเนินการ เอาอาสาสมัครไปช่วยในพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ต้องรอในส่วนกลาง สมมติว่าลพบุรี น้ำมาแล้ว อาสาในลพบุรีเขาก็ไปช่วยเหลือก่อน ถ้าเขาไม่ไหวก็จะร้องขอมาทางส่วนกลาง ให้ไปช่วย”
เลือกลงในพื้นที่ที่ได้รับความช่วยเหลือน้อย โดยไปแจกทั้งข้าวสารอาหารแห้งและเงินปัจจัย
เอกพันธ์ : “ก็ยังมีมูลนิธิอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นป่อเต็กตึ๊ง ร่มไทรอะไรต่างๆ เขาก็ลงไปช่วย แจกจ่ายกันออกไปให้ครบทุกจังหวัดที่น้ำท่วมอยู่แล้ว”
บิณฑ์ : “เราก็จะดูว่าที่ไหนการช่วยเหลือน้อย เราก็ไปสร้าง จริงๆ การไปทุกครั้ง เราไม่ได้ไปตัวเปล่านะ เรามีทั้งข้าวสารอาหารแห้ง แล้วก็ปัจจัย เพราะเรารู้ว่าสำคัญที่สุดคือปัจจัยด้วย”
ควักเงินตัวเองแจกให้บ้านละ 500 - 1,500 บาท แล้วแต่สภาพความเป็นอยู่
บิณฑ์ : “ที่ให้ 300 บาท อันนั้นคือที่คนออกมาเป็นร้อยๆ คนเนี่ย ผมให้ 300 เพราะว่าเบื้องต้นมันโอเคแล้ว ก็ให้เขาเอาไว้ติดตัว ถ้าไปเยี่ยมบ้าน ให้บ้านละ 500 บ้านละ 1,000 ถ้ามีคนป่วยคนแก่ก็ 1,000-1,500 แล้วแต่ เป็นเงินส่วนตัวผมเอง มันไม่ได้มากเหมือนกับตอนที่น้ำท่วมแล้วคนช่วยเหลือมา แต่ปีนี้เราไม่ได้เรียกร้องรับบริจาคอะไรจากใคร ก็ใช้เงินส่วนตัวของเรา ก็ถือว่าโอเค ได้ทำบุญแล้วก็ได้มีความสุขกับตรงนี้ บางคนแค่เงิน 300 น้ำตาไหลเลย”
ไม่เปิดรับบริจาคเหมือนปีที่แล้ว เพราะไม่อยากมีดรามา ไม่อยากเป็นขี้ปากคน แต่ถ้าใครอยากช่วยก็บอกได้
บิณฑ์ : “จริงๆ ผมก็เปิดได้นะ แต่ไม่อยากจะให้มีดรามา ผมรู้ว่าผมทำอะไร ผมทำด้วยความโปร่งใส เวรกรรม บาปกรรม เกี่ยวกับเงินบริจาคผมรู้ เพราะฉะนั้นถ้าเปิดไปก็เป็นดรามาอีก แล้วก็ไม่อยากเป็นขี้ปากใครด้วย ก็เลยมีเท่าไหร่ก็ช่วยเท่านั้น หรือใครที่รู้ว่าผมทำอยู่แล้วอยากจะช่วย ก็ช่วยเราก็รับ แต่ให้เปิดรับบริจาคไม่เอาดีกว่า ผมไม่เคยคิดจะเอาเงินบริจาคแม้แต่บาทเดียว
422 ล้าน ที่ได้จากการบริจาคช่วยน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว แม้แต่สลึงเดียวผมก็ไม่เคยคิดจะเอา แถมควักเงินตัวเองมาช่วยอีกหลายล้าน อย่างเมื่อช่วงโควิด ผมก็ไม่ได้เปิดรับบริจาค แต่เอาเงินค่าพรีเซนเตอร์ของตัวเอง 10 กว่าล้าน มาช่วยเหลือคนหมดเลย ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าเปิดรับบริจาค ทุกคนก็ต้องเข้ามาช่วยเหลือ แต่ไม่อยากมาโดนด่าทีหลัง แต่ถ้าใครอยากจะช่วยบอกเลย เราเข้าไปรับได้”
ล่าสุดควักช่วยน้ำท่วมไป 4 แสน ช่วยโควิดไป 6 ล้าน
บิณฑ์ : “ผมเอาไป 4 แสนหมดครับ ส่วนช่วงโควิดซีซั่นล่าสุดก็ 6 ล้าน”
ถึงรัฐบาลจะบอกว่าชาวกรุงเทพฯ ไม่ต้องกลัว แต่ก็ไม่อย่าประมาท เพราะไปดูด้วยตาตัวเองแล้ว อนาคตคาดว่าจะหนักมาก
บิณฑ์ : “ผมว่าอย่าประมาท เชื่อผม ผมไปดูด้วยสายตาตัวเองแล้ว เส้นทางที่กลับมากรุงเทพฯ น้ำยังเข้ามาเรื่อยๆ ตั้งแต่พิษณุโลก ออกนครสวรรค์ ตอนนี้สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง ชัยนาท อยุธยา อนาคตคาดว่าจะหนักมาก”
ฝนจะตกหรือไม่ตกน้ำก็มาแน่ เพราะเขื่อนเจ้าพระยาเปิดรับน้ำหมดทุกตัว รีบเก็บของไว้ก่อนจะไม่ทัน
บิณฑ์ : “ถึงไม่มีฝนตกมันก็ต้องเข้า เพราะเขื่อนเจ้าพระยาเปิดหมดทุกตัว เพราะเรารับน้ำไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าประมาทดีกว่า ฝนตกหรือไม่ตก พี่น้องประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยานะครับ ทุกจังหวัดเลย เอาของมีค่าออกจากบ้าน แล้วยกขึ้นที่สูง เดี๋ยวจะมาบอกว่าน้ำมาเร็วมากทำอะไรไม่ทันเลย ก็อยากจะบอกว่าเตือนนานมากแล้ว”
คาด 10 ต.ค. ขึ้นไปเตรียมตัวไว้เลย
บิณฑ์ : “เมื่อช่วงปี 54 น้ำมาประมาณเดือนตุลาคม ก็ประมาณเดือนหน้า เพราะฉะนั้นแล้ว ผมคิดว่าไม่ต่างกัน ตุลาหนักทุกปี เมื่อปีที่แล้วตุลาก็หนัก ประมาณวันที่ 10 ขึ้นไปเตรียมตัวไว้เลย แต่ช่วงต้นๆ ตุลาก็คงจะปริ่มๆ แล้ว ในกรุงเทพฯ ก็ประมาณกลางตุลา”