xs
xsm
sm
md
lg

อย่าแสวงหาความสะใจ “ทนายเจมส์” เตือน “เอ๋ มิรา” จะฟ้อง “ครูไพบูลย์” เรื่องพรากผู้เยาว์ ต้องมีหลักฐาน ระวังเจอสวน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ทนายเจมส์” ดึงสติ “เอ๋-ไพบูลย์” สาวไส้ไม่จบ คนที่แพ้คือลูก! ย้ำฝ่ายหญิงไม่ผิดข้อหาหมิ่น แต่หากจะฟ้องอดีตสามีพรากผู้เยาว์ มีซัมติงกับ “กระต่าย” ตั้งแต่อายุ 14 ต้องมีหลักฐาน ระวังเจอสวนกลับ ลั่นอย่าแสวงหาความสะใจ เสียหายทั้งคู่

กำลังเป็นที่จับตามองทีเดียว กรณีที่ “ครูไพบูลย์ แสงเดือน” ยื่นฟ้องอดีตภรรยา “เอ๋ มิรา ชลวิรัลวานิศร์” ข้อหาหมิ่นประมาทหลังจากที่ไปออกรายการโหนกระแส และล่าสุดทางเอ๋ก็บอกว่าจะเตรียมฟ้องกลับอดีตสามีในข้อหาพรากผู้เยาว์เช่นกัน ซึ่งหมายถึงภรรยาคนปัจจุบันอย่างนักร้องสาว “กระต่าย พรรณนิภา” เรียกว่าฟ้องมาก็ฟ้องกลับไม่โกง

ล่าสุด “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” ก็ได้โพสต์ร่ายยาวเกี่ยวกับข้อกฎหมายมาตรา 277 เกี่ยวกับคดีพรากผู้เยาว์นี้ไว้อย่างชัดเจน และได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า จะไปฟ้องคดีนี้มีหลักฐานไหม ระวังจะโดนสวนกลับ

“เรื่องนี้เราต้องมองกันดีๆ กฎหมายระบุไว้ชัดเจนจริงว่าผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท แต่ตอนนี้เรามาดูที่น้องนักร้องตอนที่เขาท้องคือตอนอายุ 16 กว่าๆ เพราะตอนนี้เขาจะกำลังจะครบ 18 ปีช่วงเดือนธันวาคม ฉะนั้นคนที่อายุ 15 ปีขึ้นไปถ้ามีเพศสัมพันธ์ก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย

แต่สิ่งที่ผมพูดมาตรา 277 คือกฎหมายห้ามมีเพศสัมพันธ์กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี อันนี้กฎหมายคุ้มครองเลย จะยอมหรือไม่ยอมก็มีความผิด ถามว่าแจ้งความได้ไหม แจ้งความได้ แต่แพ้ชนะนี่อีกเรื่องนึง คุณเอาหลักฐานอะไรมายืนยันว่าเขามีเพศสัมพันธ์กันตอนที่น้องเขายังอายุไม่ถึง 15 ปี ถ้าเทียบดูน้องเขาท้องตอนอายุ 16 แต่ถ้าเกิดเขาไม่ได้ล่วงเกินกันตอนก่อนอายุ 15 ล่ะ จบไหม

ผมถึงบอกว่าที่เขายกตัวอย่างว่ามีเพศสัมพันธ์กันที่ไม่ใช่ภรรยาของตน กระต่ายไม่ใช่ภรรยาตอนนั้น คุณอย่าไปพูดอย่างนี้ มันผิดหลักการ คือผู้ใดชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน คำว่าสามีภรรยาในที่นี้หมายถึงจะต้องจดทะเบียนสมรสเท่านั้น เพราะฉะนั้นในทางกฎหมายคุณไปมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีก็ผิดหมดทุกช่องทางครับ ไม่ว่าเด็กจะยอมหรือไม่ยอมก็ตาม ผิดหมดทุกกรณี แต่สำคัญคือมีหลักฐานหรือเปล่านี่อีกเรื่อง เพราะผมเชื่อว่าเขาฉลาดพอที่จะบอกว่าเขาไม่ได้มีอะไร เขายึดหลักเกณฑ์ตามกฎหมายอยู่แล้ว และเขาเป็นครูอยู่ด้วย เขาอาจจะสู้ว่าเขาไม่ได้มีอะไรกันก่อนอายุ 15 ทีนี้คุณจะเอาอะไรมายืนยันล่ะ เพราะฉะนั้นคนที่จะไปแจ้งความก็ต้องคิดดีๆ ว่ามีหลักฐานเพียงพอหรือเปล่าที่จะไปกล่าวหาเขา ไม่งั้นก็จะโดนแจ้งความกลับนะอะไรแบบนี้”

บอกอยากให้นึกถึงลูกไว้ให้มากๆ เพราะสุดท้ายคนที่โดนกระทบที่สุดคือลูก
“สุดท้ายผมให้ยึดดูว่าจะทำอะไรก็มองหน้าเด็กเป็นหลัก อย่าเอาความสะใจของตัวเอง ถ้าคุณจะแสวงหาความยุติธรรมคุณไปศาลได้ แต่ศาลไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาแสวงหาความสะใจ ที่สำคัญที่สุดคือจะทำอะไรก็แล้วแต่คิดถึงลูกเยอะๆ เพราะไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ ลูกคุณแพ้ทุกประตูครับ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำลงไปมันจะไปตกอยู่ที่ลูกทั้งหมด ผมจะบอกอีกอย่างว่าเคสนี้ผมไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ มันมีประเด็นข่าวอยู่ที่ว่านักร้องท้องกับผู้จัดการส่วนตัว พอมันดังขึ้นมา เสร็จแล้วผมก็เข้าใจว่าเอ๋ มิราก็ออกมา

เท่าที่ผมฟังบทสัมภาษณ์ของเขานะ เขาบอกว่าถูกใส่ร้ายมา 3 ปีว่านอกใจ ก็เลยเป็นเหตุในการหย่า หรือเขามีชู้อะไรสักอย่างนี่แหละ และการหย่านั้นก็ได้รับเงินแสนนึงต่อปี ผมมองว่าอันนี้มันมีข้อเท็จจริงที่ไปพาดพิงเขา แล้วเขาไม่ได้มีการชี้แจงต่อสาธารณชนเลย และวันนี้พอมันมีข่าวขึ้นมา แล้วมีคนสัมภาษณ์เขา เขาก็มีสิทธิในการชี้แจงประเด็นที่เคยพาดพิงเขา ผมมองว่าเขาใช้สิทธิในการชี้แจงนะครับเนื่องจากถูกพาดพิง อันนี้เรื่องของหมิ่นประมาทที่ครูไพบูลย์ฟ้อง ผมก็เลยมองว่าเอ๋ มิราไม่ผิด เขาสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ อย่าให้ตราบาปตรงนี้ตกแก่เขา เพราะมันหมายถึงแม่ของลูกคุณด้วย

อันนี้ผมมองว่าชี้แจงไปเลย พอชี้แจงไปแล้วมันก็จะมีอีกหลายๆ ประเด็นที่เขาอาจจะมองว่ามันไม่จริงตรงนั้นตรงนี้ ทำไมไม่คุยกันล่ะครับ คุยกันไม่ได้เหรอ คุณคุยกันดีๆ หรือยัง คือยกหูคุยกัน ไม่ใช่คุยกันผ่านสื่อโซเชียล ผมมองว่าเคสนี้มันเสียหายกันทั้งคู่ แพ้กันทั้งคู่ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องสาวไส้กันออกมาถูกไหมครับ ไม่มีใครยอมใครหรอก

แล้วสุดท้ายคนที่แพ้ที่สุดก็คือลูกของคุณเอง พ่อก็ไม่ดี แม่ก็จะไปขุดคุ้ยเรื่องที่ไม่ดีของพ่อ พ่อก็จะไปขุดคุ้ยเรื่องที่ไม่ดีของแม่ สุดท้ายสิ่งที่ไม่ดีของทั้งสองฝ่ายก็ออกมาสู่สังคม แล้วเด็กเกิดมาจากพ่อแม่ใช่ไหมครับ แต่สิ่งที่ดีๆ คุณเคยพูดออกมากันไหม ผมอยากให้ห่วงเด็กเยอะๆ ครับ ที่บอกว่าห่วงลูกๆ น่ะ ถ้าคุณห่วงลูกจริงก็โทร.คุยกัน ไม่ใช่มาใช้สงครามสื่อ ผมว่าไม่มีประโยชน์ คุยกันหลังบ้านก่อนดีกว่าครับ”













กำลังโหลดความคิดเห็น