แรงไม่หยุดทั้งเพลงและดรามาที่ร้อนฉ่าไปพร้อมๆ กัน เพราะถ้าไม่ดัง ไม่ปังจริง ก็จะไม่ถูกพูดถึงในวงกว้างขนาดนี้ แต่นี่คือความดังระดับจักรวาล เพราะทั่วโลกรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ “ลิซ่า” หรือ “ลลิษา มโนบาล” ซึ่งนอกจากเอ็มวีเพลง “LALISA” ที่สามารถทำลายทุกสถิติชนิดที่ว่าไม่เคยมีนักร้องหญิงคนไหนทำมาก่อน รวมไปถึงสานต่อความปังกับเพลง “Money” ที่บอกเลยว่าได้ใจชาวบลิ๊งค์ไปอีก
แต่อย่างที่บอกนอกจากความดังและปังที่ปฏิเสธไม่ได้แล้ว ในส่วนของเรื่องดรามาก็ล้านแปด อย่างล่าสุดภาพโปรโมตเพลง Money กับทรงผมที่คล้าย “ทรงผมคอร์นโรว์” ทำให้แฟนคลับบางส่วนเกิดความเป็นห่วงว่าจะเป็นการ “ฉกฉวยทางวัฒนธรรม”
และก็กลายเป็นประเด็นในสังคมให้ได้ถกเถียงขึ้นมาทันที เมื่อมีแฟนคลับคนหนึ่งได้คอลไซน์กับ “ลิซ่า” และมีการพูดถึงว่าคนผิวดำบางคนไม่พอใจเกี่ยวกับทรงผมที่ใช้ เพราะทรงผมนี้เป็นประเด็นอ่อนไหว และถูกใช้อ้างเป็นสัญลักษณ์ของคนผิวสี ด้านนักร้องสาวก็ได้ตอบคำถามนี้ว่า
"ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีนะคะ แต่ฉันไม่ได้มีความตั้งใจแบบนั้น ฉันคิดแค่ว่าทรงผมนี้มันเจ๋งมากเลย และเหตุผลมันเป็นแบบนั้นเลยค่ะ แต่ฉันรู้สึกแย่เหลือเกิน เวลาได้ยินคนพูดว่า (สัญญาณไม่ดี) ฉันเสียใจจริง ๆ นะคะ พวกคุณรู้ใช่ไหม ถ้าใครบางคนรู้สึกเจ็บปวดเพราะฉัน ที่เป็นแบบนี้ เพราะพวกเขารักคุณจริง ๆ ก็เลยอยากให้รับรู้ ฉันเสียใจมาก ๆ ค่ะ และฉันจะบอกให้คุณรู้ว่า ฉันจะตรวจทานอย่างถี่ถ้วนกับทุกอย่าง และจะระมัดระวังให้มากขึ้นหลังจากนี้ และใช่ค่ะ ฉันเสียใจจริง ๆ นะ ขอบคุณที่บอกฉันเรื่องนี้นะคะ ฉันอยากบอกคุณหรือเพื่อนของคุณว่า (สัญญาณไม่ดี) ฉันไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลย ขอบคุณนะคะ" (ขอบคุณข้อมูล เพจผมเกิดมาเป็นติ่ง และ https://youtu.be/kx8J3sOCn_o)
โดยมีหลายคนเข้าไปชื่นชมในสปิริตของลิซ่า เพราะเธอได้ขอเวลาเพิ่มในการตอบคำถามนี้แบบตั้งใจ เพราะปกติการคอลไซน์นั้นจะฟิกซ์เวลาไว้ประมาณ 1.30 นาที แต่การตอบคำถามนี้ เจ้าตัวตอบไปเกือบ 6 นาที และบางคนยังบอกว่าคนผิวดำส่วนมากที่ได้ดูเอ็มวีเพลงของ “ลิซ่า” และบางคนทำการรีแอ็กก็ยังดูตื่นเต้นและแฮปปี้ไปกับเพลง ส่วนบางคนยังบอกอีกว่าคนที่สร้างดรามานั้นไม่ใช่คนผิวดำหรือแอฟริกันแต่อย่างใด เป็นคนชนชาติเอเชียนี่แหละ
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดดรามากับทรงผม “ทรงผมคอร์นโรว์” เพราะถ้ามองในเวทีแฟชั่นโลก ต่างมองว่าทรงผมนี้คือความเท่ ทันสมัย โฉบเฉี่ยวและสุดเฟี้ยวมาก จึงถูกนำมาใช้อยู่บ่อยครั้ง และถ้าย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 63 กับเอ็มวีเพลง “พักก่อน” เวอร์ชั่นคัฟเวอร์โดย “เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” ซึ่งยอดคนดูทะลุ 2 ล้านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ตามมาด้วยดรามา อยากให้นักแสดงสาวตระหนักถึงทรงผมที่ทำในเอ็มวี ว่าเป็นการ “การฉกฉวยวัฒนธรรม” หรือเปล่า
ซึ่งประวัติศาสตร์อันยาวนานของ “ทรงผมคอร์นโรว์” นั้น ตามที่ทุกคนทราบกันจนเกิดเป็นคำว่า “การฉกฉวยวัฒนธรรม” นั้นหมายถึงการนำบางส่วน หรือความรู้ดั้งเดิมของวัฒนธรรมนั้นๆ มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือนำมาใช้โดยไม่ได้สนใจถึงประวัติศาสตร์รากเหง้าของวัฒนธรรม และย้อนกลับไป “ทรงผมคอร์นโรว์” เป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนบางกลุ่ม จากนั้นการทำทรงผมทรงนี้ก็เพื่อชนชาติบางกลุ่มที่ผมหยิกฟู ก็ถักเปียเพื่อให้ใช้ชีวิตในประจำวันได้คล่องตัว แต่กลับถูกกดขี่จากคนบางกลุ่มว่าทรงผมนี้ไม่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่ในช่วงหลังๆ คนผิวขาวหรือคนเอเชียกลับทำแล้ว มักจะได้คำชื่นชม
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องดูภาพรวม บริบทว่าบุคคลที่ทำผมทรงนี้เขาต้องการนำเสนออะไรมากกว่าจะจับผิดโดยไม่ได้ฟังเหตุผลซะก่อน
