วันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ หรือ “ทมยันตี” ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ.2555 หลังจากไปอย่างสงบ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 10.00 น. ณ ล้านนาเทวาลัย จังหวัดเชียงใหม่
โดยทางครอบครัวได้จัดพิธีสวดอภิธรรมให้กับ คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ หรือ ทมยันตี เป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 ถึง 22 กันยายน 2564 ณ ศาลา 10 วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ก่อนมีพิธีพระราชทานเพลิงในวันนี้ 23 กันยายน ณ วัดมกุฎกษัตริยารามราชวรวิหาร
บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยโศกเศร้าของครอบครัว มีการตกแต่งเมรุด้วยดอกไม้โทนสีม่วงที่เป็นสีโปรด ประดับด้วยพานพุ่มและนกสีขาว ดูเรียบง่ายแต่สมเกียรติ มีลูกศิษย์ลูกหา รวมไปถึงดารา ผู้จัดละคร และแขกเหรื่อมากมาย มาร่วมแสดงความอาลัยครั้งสุดท้าย อาทิ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย และ ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา ที่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ในฐานะหนึ่งในผู้จัด ที่เคยหยิบยกบทประพันธ์มาทำเป็นละคร
“ไก่ วรายุฑ” ได้เผยว่าได้ร่วมงานกับ “ทมยันตี” หรือที่ตนเรียกว่า “ป้าอี๊ด” ตั้งแต่สมัยเริ่มทำละครใหม่ๆ จนถึงเรื่องล่าสุดอย่าง ดั่งดวงหฤทัย
“ได้ร่วมงานตั้งแต่สมัยเรายังเริ่มทำละครใหม่ๆ เรียกท่านว่าป้าอี๊ด แล้วป้าอี๊ดก็เรียกเราว่า นังไก่ คือคำนี้จะติดปากป้าอี๊ดตลอดเวลา เรื่องแรกที่ทำคือเรื่อง สุดหัวใจ แล้วก็พ่อไก่แจ้ พ่อครัวหัวป่าก์ ในฝัน ร่มฉัตร แล้วมาสุดท้ายคือ ดั่งดวงหฤทัย
ครั้งแรกในชีวิตที่อ่านนวนิยายเรื่องแรก คือเรื่อง เงา ของโรสลาเลน คือนามปากกาของป้าอี๊ดเหมือนกัน อ่านแล้วมีความรู้สึกว่ากลัวผี จากเล่มนั้นก็เริ่มมีเล่มที่ 2-5 เพราะตัวหนังสือของป้าอี๊ด มันมหัศจรรย์นะ มันทำให้เรารู้สึกถึงอารมณ์ รู้จักตัวละคร มันมีเสน่ห์มากๆ ในนักเขียนนวนิยายทุกๆ ท่าน ในสมัยก่อน แต่เราใช้นวนิยายของป้าอี๊ดเยอะที่สุดในบรรดาผู้จัดก็ว่าได้ เพราะเราเริ่มตั้งแต่เด็กๆ จนล่าสุดก็ยังเป็นของท่านอยู่ ดั่งดวงหฤทัย
ตอนทำเรื่องในฝัน ท่านไปกองถ่ายเลยนะ บอกว่าผ้าโพกหัวของโอริสสาเนี่ย ต้องสีม่วงเปลือกเม็ดมะปราง เราก็ไปหาสีม่วงทุกชนิดมาวาง แล้วให้ป้าอี๊ดดูว่า อันไหนม่วงที่ป้าคิดว่าใช่ ถ่ายเสร็จแล้วก็ขอไว้ บอกว่าเป็นม่วงที่ฉันรักมาก เป็นสีเดียวกับที่ฉันฝัน แล้วเวลาผูกผมนะ บอกว่าต้องสยายทิ้งยาวเลยนะ เวลาลมพัดให้มันปลิว เราก็นึกสถาพจะไปหาผ้าอย่างงั้นที่ไหน เดินทั่วพาหุรัด 3-4 วันกว่าจะได้เจอผ้าผืนนั้นที่ถูกในป้าอี๊ดได้ สีต้องถูกใจ ผ้าต้องถูกใจ คือเวลาร่วมงานกับป้าอี๊ด ท่านละเอียดมาก มีส่วนช่วยในการเลือกนักแสดงด้วย ตอนทำในฝัน แกบอกจะเอา หมิว ลลิตา กับ โอ วรุฒ เราก็โอเคเลยป้า เดี๋ยวหนูไปติดต่อ
รู้สึกรักบทประพันธ์เรื่องในฝันมากที่สุด เพราะว่าเป็นอะไรที่ยากมาก ตั้งแต่ทำละครมา แล้วป้าอี๊ดก็บอกว่ารักเรื่องนี้มาก เพราะว่าท่านบรรยายไว้อย่างมหัศจรรย์ บอกประเทศที่ไปถ่ายเลยนะ ไม่ใช่แขก ต้องออสเตรียเท่านั้นที่ฉันเขียนถึง เพราะฉันไปเที่ยวแล้วฉันรัก ฉันชอบบรรยากาศ ชอบภูมิประเทศมาก เป็นแขกขาว ที่มีเหนือติดทิเบต เขาพูดแบบนี้เลย เราก็ไป
การมาทำเป็นบทโทรทัศน์ตอนแรกๆ ก็มีปรึกษานะ พอเรื่องหลังๆ ไม่ปรึกษาแล้ว รู้เรื่องรู้แนวกันแล้ว ว่าอะไรยังไง ท่านเคยชมเรา บอกว่าไก่ เธอทำละครเหมือนเดินออกมาจากหนังสือของฉันเลย อันนี้ทำให้เราปลื้ม ว่าเราสามารถถ่ายทอดตัวละครของป้าอี๊ด ให้เดินออกมาจากหนังสือได้ เราปลื้มใจ ภูมิใจในสิ่งที่ท่านพูด
ท่านมีคำแนะนำในการทำงานให้ อย่างเรื่องในฝัน ไปกองเลย ไปดูว่าอะไรเป็นยังไง แล้วไปสั่งว่า ชื่อตัวละครนี้ควรออกเสียงยังไง ท่านจะบอกเลย แนะนำเลย ว่าอะไรยังไง อย่างเรื่องสิ้นสวาท ท่านก็จะบอกว่ายังงี้ๆ นะ ท่านจะบอกแก่นที่ท่านเขียนแต่ละเรื่องที่เราเอามาทำ ว่าเธออ่านแล้วเธอเข้าใจพอไหม กับสิ่งที่ป้าเขียน เราก็เล่าบอกไก่เข้าใจอย่างนี้ๆ ท่านก็จะบอกต้องอย่างนี้อีกสิ โอเค เราก็ได้รู้มากกว่าคนอื่น แกรักเรา เราก็รักแก สนิทกันมาก กินข้าวที่บ้านตลอด กาแฟเย็นบ้านป้าอี๊ดอร่อยมาก”
วรรณกรรมของท่านคลาสสิก ไม่ตกยุค
“ตอนที่เราทำ ท่านมี 3 นามปากกา โรสลาเลน กนกเรขา ทมยันตี แล้วตอนหลังมีอีกอันหนึ่ง ที่เป็นอิทธิฤทธิ์ เป็นทางไสยศาสตร์เราก็ไม่ได้ทำแล้ว เพราะทำไม่ได้ ของท่านเขียนแต่ละเรื่อง คนละนามปากกา คนละแบบ คนละอย่างเลย มันมีเสน่ห์คนละอย่าง มีความเชื่อถือในแต่ละอัน ชีวิตก็ชีวิต รันทดก็รันทดเลย หัวเราก็หัวเราะ เพ้อฝันก็เพ้อฝันเลย”
ยังมีโครงการที่จะนำวรรณกรรมของท่านมาทำเป็นละครอีก
“ก็มีอยู่ค่ะ คุยกับพี่ยอดไว้ตั้งนานแล้ว ให้หมดระยะที่คนเริ่มเห่ออะไรแปลกๆ ไปก่อน เราก็คงกลับมาทำอีก เพราะว่านวนิยายของท่านไม่มีวันตาย ถึงท่านจากจากไปแล้วก็ตาม แต่ทนยันตี กนกเรขา โรสลาเรน ยังอยู่ในหัวใจของผู้อ่านนวนิยายทั้งประเทศ ยังไม่ไปไหน เมื่อกี้ได้เข้าไปไหว้ เราก็บอกป้า หนูมาแล้วนะ (หัวเราะ) วันสวดก็มา หนูมาแล้ว หนูจะเอาของป้าไปทำอีกนะ”