xs
xsm
sm
md
lg

“สกาย” กับชีวิตวิถีใหม่! จากเด็กไม่กินผักผลไม้ ตอนนี้เป็น “วีแกน” เกือบเต็มตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สกาย วงศ์รวี” เผยชีวิตวิถีใหม่ หลังต้องอยู่บ้านนานนับปีเพราะโควิด รับแพลนงานทั้งถูกเลื่อนและถูกยกเลิก ไม่หวั่นถูกทักว่า “อ้วน” ตอนนี้เริ่มหัดกินผักผลไม้ ตั้งเป้าอยากเป็น “วีแกน” เต็มตัวเพราะสงสารสัตว์ ส่วนเรื่องความรัก ยังไร้คนดูแล ยันแม่แฮปปี้ลูกชายยังไม่มีแฟน

บอกเลยว่าโควิดทำให้หลายชีวิตอาจจะต้องมีสะดุดหรือว่าหยุดนิ่ง เลยทำให้หลากหลายคนต้องหากิจกรรมทำ เพราะไม่งั้นคงหงุดหงิดแย่ ไม่ต่างอะไรกับ “สกาย วงศ์รวี นทีธร” ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวชื่นชอบการอยู่ในห้องคนเดียวได้เป็นวันๆ แต่พอเจอวิกฤตโรคระบาดนี้เข้าไป ทำให้เจ้าตัวเปลี่ยนความคิดไปเลยทีเดียว พร้อมกับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิต จากที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยกินผัก ผลไม้ แต่ตอนนี้ก็หันมากิน จนถึงขั้นอยากจะเป็น “วีแกน” เต็มตัวเพราะสงสารสัตว์เหล่านั้น รวมไปถึงเรื่องหัวใจที่ยืนยันว่าโสด

“ตอนนี้อยู่บ้าน เล่นเกมบ้าง ทำกับข้าวบ้าง หาเรียนออนไลน์บ้าง และก็มีการออกกำลังกายบ้าง คือออกกำลังกายเพราะโดนหาว่าอ้วน ผมไม่อ้วนใช่ไหมครับ ปกติเวลาคนเราอ้วนก็ต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เบิร์นไขมันออก แต่พอต้องอยู่บ้านเราก็ทำอะไรมากไม่ได้ ก็ต้องซิตอัป วิดพื้น เพราะที่นาดาวตั้งแต่ชั้นล่างยันชั้นบนสุดก็ทักว่าเราอ้วน ตอนแรกที่เขาทักมา เราก็ไม่เชื่อนะ พอมาถึงทุกวันนี้ก็ไม่เชื่อว่าตัวเองอ้วนนะ

ตอนโควิดรอบแรกน้ำหนักขึ้นไป 76-78 กก. ตอนหมอฉลามหนัก 78 กก. พอมาอยู่บ้านก็สั่งเดลิเวอรี่เอา ก็ตามใจปาก เราไม่มีอะไรที่ต้องฟิตหุ่นหรือไม่ต้องไปถ่ายซีรีส์ ให้รางวัลชีวิต ส่วนมากก็สั่งของหวานเป็นหลัก (หัวเราะ) ยิ่งเป็นเค้กช็อกโกแลต ซึ่งรู้ว่ามันอ้วน แต่มันคือของอร่อย แม่ก็ไม่ได้เตือนก็กินไปด้วยกันหมด แต่ปกติเมื่อก่อนเป็นคนอ้วนง่ายและก็ผอมง่าย จริงๆ ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ซึ่งตอนนี้เราก็พอใจกับหุ่นของเรา เพราะเราไม่เคยอ้วน (เสียงสูง)

ส่วนหัดทำอาหารก็ประกอบกัน เพราะเราเริ่มอยากลดความอ้วนตอนที่เขาทักกันมาเยอะๆ ว่าเราอ้วน ซึ่งถ้าเราออกกำลังกายอย่างเดียวแต่ไม่คุมอาหาร มันก็ไม่เห็นผลใช่ไหม เริ่มจากเลือกทานอาหารก่อน สั่งอาหารคลีน อกไก่ปั่น และเริ่มทานผัก เพราะเมื่อก่อนเราไม่เคยกินผักเลย ซึ่งผักชนิดแรกที่เริ่มกินคือผักกาดขาว เปื่อยๆ กินง่ายๆ ซึ่งพอกินคำแรกครั้งแรกมันแหยะๆ แต่ก็ทานได้เพราะมันผ่านกรรมวิธีการแปลรูปมาแล้ว

แต่ถ้าเป็นผักสดกินไม่ได้มันมีกลิ่น แต่พอเราเริ่มฝึกไปเรื่อยๆ เราเริ่มกินได้แหละ แล้วเมื่อก่อนก็ไม่กินสลัดเลยเพราะว่าเหม็น แต่ตอนนี้กินผักได้หมดแล้ว แต่ยกเว้นผักก้านที่มันมีกลิ่น อย่างคื่นช่าย ซึ่งแม่เราก็ตกใจที่เห็นว่าเรากินได้ เพราะเมื่อก่อนแม่ล่อซื้อมาก บอกว่าถ้าเรากินผัก จะให้เงินหรือว่าให้อะไรที่เราอยากได้ ซึ่งเราก็ไม่หลงกล ก็ไม่กิน (ยิ้ม) นอกจากผักที่ไม่กิน เมื่อก่อนผลไม้ก็แทบไม่กินเลย กินได้แค่กล้วย สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี่ ซึ่งถ้าให้กินสดๆ คือไม่กิน แต่ถ้าผ่านกระบวนการปรุงรสมาสามารถกินได้ อย่างผสมในเค้กอย่างนี้”
 
เกลียด “ทุเรียน” ขึ้นสมอง พร้อมเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็น “วีแกน”
“ซึ่งทุเรียนเป็นอะไรที่ฝังใจมาก เมื่อก่อนจะเป็นเด็กที่ชอบตามแม่ไปตลาดสด เวลาไปตลาดมันก็จะมีกลิ่นปลา กลิ่นโน่นนี่นั่น และมันมีกลิ่นเดียวที่เราทนไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องวิ่งหนีก็คือร้านทุเรียน ได้กลิ่นนิดเดียวก็จะอาเจียน จำฝังใจว่าจะไม่กินทุเรียนเด็ดขาด แต่ที่บ้านคือทุกคนกินทุเรียน ก็จะซื้อมาและแช่ในตู้เย็น มันก็จะคละคลุ้ง ช็อกโกแลตของเรายังเป็นกลิ่นทุเรียนเลย แต่ทุเรียนทอดกินได้ และผมไปดูรีวิวคนกินทุเรียนและบอกว่ารสชาติเหมือนตด (ยิ้ม) ยิ่งฝังใจไปอีก ซึ่งทุกคนก็บอกว่าต้องลอง ลองแล้วจะติด แต่ก็ไม่คิดอยากจะแตะเลย (แล้วถ้าจะจ้างให้กินทุเรียนล่ะ?) เท่าไหร่ล่ะ (หัวเราะ)

และพอเราเริ่มทำอาหาร หลังๆ เราก็ลองมาทานอาหารประเภทพวกมังสวิรัติ ไม่มีเนื้อสัตว์ ก็โอเคนะครับ คือจุดเปลี่ยนอะไรก็ไม่รู้แต่เราก็มีความสงสารสัตว์นะ แม้ทุกคนจะบอกว่าเป็นสัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อรับประทาน แต่ก็ไม่อยากฆ่า อะไรช่วยได้ก็อยากจะช่วย เราก็เลยไปหาสิ่งทดแทนมากิน เดี่ยวนี้เขามีโปรตีนต่างๆ เอามาทำเป็นเนื้อ ซึ่งบางครั้งเรากินแล้วมันอร่อยกว่าเนื้อจริงๆ ซะอีก แต่ยังไม่ได้เป็น 100% แต่ก็จะพยายาม ซึ่งเราตั้งใจไว้ว่าเราที่เราไว้ เพราะร่างกายคนเรามันมีขีดจำกัด แต่พอเราทานผักได้ ทุกอย่างมันก็ดูง่ายไปหมด เมื่อก่อนเราไม่กินผัก กินแต่เนื้อสัตว์และก็มีขาวๆ ขึ้นที่เล็บ เหมือนเราขาดสารอาหาร ซึ่งที่บ้านกินเฉพาะเทศกาลกินเจ แต่ก่อนเราเกลียดการกินเจมาก เราทานอะไรไม่ได้ กินได้แค่เต้าหู้อย่างเดียว ก็เลยจำฝังใจว่ากินเจไม่เคยมีความสุขเลย แต่พอมาวันนี้เราเริ่มกินมังสวิรัติ เราเริ่มเข้าใจว่าเป็นการช่วยเพื่อนร่วมโลก”

แพลนชีวิตพังเพราะโควิด! เรื่องหัวใจ ยังไงก็ยังโสด โสดจนแม่แฮปปี้
“ตอนนี้แพลนในชีวิตก็เปลี่ยนไปหมด ซึ่งไม่ใช่ผมคนเดียว ทุกคนก็น่าจะเปลี่ยนเหมือนกันหมด พวกงานที่เราแพลนไว้ว่าหลังจากเรียนจบ ก็ต้องเลื่อนออกไป บางโปรเจกต์ก็ยุบไปเลย อย่างที่มีตติ้งก็เลื่อนไปแล้ว 3 รอบ เหมือนพายุเข้า ก้อนเมฆโดนไป 3-4 ระลอก (หัวเราะ) คือเราก็เซ็งเพราะเราก็เตรียมแผนทุกอย่าง เราก็ยังอยากทำอยู่เพราะมันเป็นสิ่งที่เรากับนาดาวช่วยกันคิดว่าจะทำยังให้แฟนคลับเรามีความสุข เราจะได้ทำอะไรที่แฟนคลับไม่เคยเห็น แม้จะเลื่อนมา 4 รอบแต่เราก็ยังยังอยากทำอยู่ เพราะมันคือครั้งแรกของเรา หวังว่าต้นปีหน้าน่าจะได้เจอกันตัวเป็นๆ และอย่างที่เคยบอกไปว่าเราอยากไปเรียนต่อ ซึ่งก็ยังมีแพลนอยู่ในหัว แต่อาจจะต้องดูของเรื่องโอกาส อาจจะต้องทำงานไปก่อน เราต้องทำงานหาเงินไปก่อน (แต่เรายังอยู่นาดาวใช่ไหม?) ยังอยู่ ไม่ได้ไปไหนครับ (หัวเราะ)

เรื่องแฟนยังไม่มีครับ (หรือว่าเรายังคุยกับพัดลมอยู่?) ยังจำกันได้อีก ผมว่าก็ต้องมีคนไปเคยร้องเพลงกับพัดลม แต่ผมก็คงไม่แปลกเท่าพี่ซันนี่ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) พี่เต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) หรอก (หัวเราะ) ไม่มีแฟน แต่ก็ไม่ได้เงียบเหงาเพราะเราก็มีเพื่อน คุยกับคนเป็นแล้ว ประมาณ 4-5 คนรวมเพื่อนมหาวิทยาลัยและโรงเรียนแล้วนะ ก็เยอะแล้วนะ (หัวเราะ) มีทั้งเพื่อนผู้ชายและเพื่อนผู้หญิงก็มี 

ไม่ได้ไม่อยากมีแต่มันเรียกว่าอะไร แค่อาจจะยังไม่ถึงเวลามากกว่ามั้ง แม่ไม่ถาม เพราะแม่คงชอบ ดีใจ ลูกจะได้อยู่กับแม่ตลอด ซึ่งถามว่าเหงาไหม คือโควิดรอบแรก 1 ปีผ่านไปมันทำให้ผมรู้สึกถึงคำว่าเหงาว่ามีความหมายยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เราเป็นคนชอบอยู่บ้าน แต่มันเหงาแบบอยากออกไปเจอเพื่อน ไปคุยกับคนอื่น แม้จะมีโทรศัพท์แต่ก้อยากได้ฟิลเมาท์กัน ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ทั้งๆ ที่เราเป็นคนชอบอยู่บ้านอยู่ในห้องตัวเอง ยอมรับว่าแรกๆ ก็แฮปปี้ได้อยู่คนเดียว แต่พอผ่านไปครึ่งปี มันก็นานอยู่เนอะ (หัวเราะ) เราหากิจกรรมทำทุกอย่างแล้ว เลยเริ่มเบื่อ”















กำลังโหลดความคิดเห็น