xs
xsm
sm
md
lg

ลูกสาว “เสนาโค้ก” ร่ำไห้ ภูมิใจได้เกิดเป็นลูกพ่อ ด้านลูกชายเสียใจ อยู่อเมริกากลับมางานศพพ่อไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เป็นข่าวร้ายที่สร้างความเสียใจให้กับคนในครอบครัวและคนในวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก หลัง “เสนาโค้ก สมชาย เปรมประภาพงษ์ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย เมื่อเวลา 16.00น. วันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยวันนี้ (16 ก.ย.) ได้มีพิธีรดน้ำศพที่ศาลา จารุมิลินท วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จากนั้นมีพิธีสวดอภิธรรม เวลา 18.30 น. ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจในวันอังคารที่ 21 ก.ย. เวลา 14.00 น.

บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเศร้าโศก มีครอบครัวและเพื่อนทั้งในและนอกวงการ เดินทางมาร่วมไว้อาลัย อาทิ ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค, หัทยา วงษ์กระจ่าง ฯลฯ ทั้งนี้ ด้วยกฏระเบียบของทางวัดได้งดรับพวงหรีด รวมถึงทางเจ้าภาพได้งดเลี้ยงอาหารภายในงานเนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ด้าน “เบญจรัตน์ เปรมประภาพงษ์” อายุ 50 ปี ภรรยาของเสนาโค้กที่แต่งงานกันมา 25 ปี พร้อมด้วยลูกสาว “น้องสมาย รสธร เปรมประภาพงษ์ อายุ 25 ปี ได้เปิดใจถึงการจากไปของเสาหลักครอบครัวทั้งน้ำตา เผยลูกชายคนเล็ก “มาวิน เปรมประภาพงษ์” อายุ 19 ปี ที่เรียนอยู่อเมริกายังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียพ่อ

“พี่โค้กจากไปด้วยความสงบ ไม่ได้เจ็บปวดอะไร แต่ถามว่าเจ็บปวดไหม ตอนที่ระหว่างการรักษาเขาก็สู้นะคะ สู้จนถึงที่สุด ทุกทางที่จะทำได้ ยื้อเพื่อที่อยากจะอยู่กับลูกนานๆ พอพี่โค้กทราบว่าป่วย คุณหมอก็บอกตรงๆ ว่าพี่โค้กน่าจะอยู่ได้ไม่นาน แต่ด้วยความที่ พี่ น้อง เพื่อน ให้กำลังใจเขาดีมาก เขาก็สู้ หาหนทางหลายหนทาง มีแพทย์ทางเลือก แพทย์แผนจีน อาการแรกเริ่มคือเท้าบวม ปวดท้อง ก็ปกติของคนเป็นโรคตับ แต่เขาไม่มีท้อ ไม่มีบ่นเลย พี่โค้กคือยอดนักสู้ ทุกทางที่ทำได้ จะถูก จะแพง ไปหมด สมุนไพรก็ลองทุกอย่าง

แล้วก็มาเลือกทางแพทย์แผนจีนที่พี่โค้กใช้ชีวิตอยู่นาน 8 เดือน จากที่ทราบจากคุณหมอว่าอยู่ได้แค่ 3 เดือน ก็ถือว่านานพอสมควร คือแพทย์แผนปัจจุบันค่อนข้างปิดแฟ้มแล้วพูดง่ายๆ ก็เลยไปรักษาแพทย์แผนจีนซึ่งมีราคาที่สูงมาก ถามว่าอาการเป็นยังไงบ้าง ก็โดยประเมินพี่โค้กดีขึ้นเรื่อยๆ และก็มีทรุดบ้าง ดีบ้าง ทรงตัวบ้าง ค่ารักษาเดือนนึงเกือบเหยียบแสน เรื่องค่ารักษา ก็มีพี่ๆ น้องๆ ช่วยกันด้วยค่ะ เป็นพี่ที่เคารพ เป็นญาติผู้ใหญ่ของเราเอง”

เผยสามีค่อนข้างห่วงลูกชาย
“จริงๆ พี่โค้กก็ค่อนข้างสนิทกับกลุ่มสถาปัตย์ฯ นะคะ ทำงานกับด้านสถาปนิก แรกๆ ก็จะไม่บอก เกรงใจเพื่อน แต่พอหลังๆ ก็รู้สึกว่าจะไม่ได้ร่ำลาเพื่อน จะไม่ได้มีความสนุกหลังจากไปแล้ว เขาก็เลยบอกว่าคุยกับเพื่อนดีกว่า เพราะเขาเป็นคนสนุกสนาน เป็นคนอารมณ์ดี บอกเพื่อนเพื่อให้เพื่อนรับรู้ว่าโรคนี้เป็นแบบนี้ จะได้เป็นอุทาหรณ์กับเพื่อนๆ ด้วยที่ใช้ชีวิตกันคุ้มค่า พี่โค้กจริงๆ ไม่สั่งเสียเลย เพราะพี่โค้กคิดว่าเขาต้องหาย เขาสู้ เขาเป็นคนที่สู้พอสมควร ถ้าถามเรื่องที่เขาห่วง คงห่วงเรา (ภรรยา) ส่วนลูกสาวก็ไม่มีปัญหา ส่วนลูกชายก็อยู่ที่อเมริกา

เขาคงกลัวว่าเราจะทำใจไม่ได้ ถามว่าให้ความสบายใจเขาไว้ยังไงบ้าง ก็บอกเขาทุกอย่างว่าไม่ต้องห่วง ยังไงเราก็สู้อยู่แล้ว เลือดนักสู้เหมือนกัน ไม่ต้องห่วง ตอนที่คุยกันพี่เขาก็รับรู้ได้ แต่พอคุยกับลูกชายก็มีน้ำตาไหล เพราะเขาค่อนข้างรักลูกชาย เขาน้ำตาไหล พอได้คุยกับลูกชายและจบสนทนาก็หลับไป ลูกชายคือคนสุดท้ายที่ได้คุยค่ะ ผ่านซูม คือลูกชายยังเล็กอยู่ อายุ 19 ปี ตอนนี้อยู่อเมริกากำลังเรียน

พอทราบข่าวพ่อ น้องก็เสียใจมาก เขาติดคุณพ่อตามประสาเด็ก ร้องไห้ ญาติที่อยู่ที่โน่นก็ส่งข่าวตลอดว่าเขายังเสียใจอยู่ คือจริงๆ ทางญาติจะให้น้องมา แต่ด้วยสถานการณ์โควิดไม่น่าจะทัน แต่ด้วยคุณพ่อเองก็เคยสั่งแล้วว่า ถ้าป๊าจะเป็นอะไรลูกไม่ต้องกังวลนะ เดินหน้าต่อไปเลย อยู่ตรงนั้นเลย ไม่ต้องห่วงป๊า คนอยู่ก็ต้องอยู่ต่อไป คนไปมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ”

บอกดีใจที่สามีชมตนกับเพื่อน เพราะปกติจะไม่เคยชมกันต่อหน้า
“ถามว่ามีลางสังหรณ์ไหม คือมีอยู่เรื่องนึง ปกติเราก็ใช้ชีวิตกันเหมือนเพื่อน เขาบอกเพื่อนซึ่งเขาเองไม่ค่อยพูด เขาบอกขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยม คือเพื่อนมาเยี่ยมเยอะมาก ซึ่งช่วงสถานการณ์โควิดก็ต้องจัดคิวว่าใครจะมาช่วงไหน เขาก็บอกเพื่อนว่า เขาขอบคุณภรรยาที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี ดูแลเขามาตลอด ทำหน้าที่เต็มที่ เท่าที่ทำได้ เขาขอบคุณจริงๆ เขาบอกเพื่อนๆ เขาเป็นคนปากแข็ง ไม่ค่อยจะพูด เวลาได้ยินอย่างนี้แล้วเรารู้สึกปลื้มสุดๆ เลย เพราะว่าไม่เคยได้ยิน (ยิ้ม) เขาบอกกับเพื่อนเขา เขาไม่ค่อยจะบอกอะไรกับเราหรอก

เรื่องงานเขายังมีห่วงอะไรไหม จริงๆ ตั้งแต่สถานการณ์โควิดเขาก็ไม่มีงานมานานแล้ว 1-2 ปีแล้วที่หยุดงาน เพราะบริษัทก็มีจัดงานอีเวนต์ด้วยค่ะ ก็หยุดไปเลย แต่เรื่องบริษัทจะมีใครมาสานต่อไหม ยังไม่รู้เลยค่ะ คือเขาทำหลายอย่างจนเราก็ไม่รู้ว่าอะไรบ้าง บอกรายละเอียดไม่ได้เลยค่ะ”

ด้าน “สมาย” ลูกสาวเผยได้อยู่ใกล้ชิดพ่อช่วงบั้นปลาย ไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว
“ก็ทำใจมาสักพักแล้วค่ะ ตั้งแต่คุณพ่อป่วยเราก็ใกล้ชิดและพาคุณพ่อไปตั้งแต่เริ่มเจอโรคนี้ เห็นทุกขั้นตอนที่มันค่อยๆ เปลี่ยนแปลง และเราก็อยู่ใกล้ชิดคุณพ่อตลอด ให้กำลังใจ อะไรที่ไม่เคยได้ทำหรือว่าไม่ค่อยได้ใกล้ชิดก็ไม่เสียใจ เพราะเราอยู่ใกล้คุณพ่อตลอด แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ แต่มันก็เป็นไปตามธรรมชาติ ก็บอกพ่อว่าไม่ต้องห่วงอะไร ไม่ต้องห่วงแม่ ไม่ต้องห่วงน้องหรือว่าอะไร ทุกคนโตแล้ว เขาก็จะห่วงแม่

ยังเหลือความฝันอะไรที่เราอยากจะทำให้คุณพ่อไหม ก็มีเรื่องนึงคือเราแพลนว่าตอนนี้น้องอยู่อเมริกา ก็คุยกันว่าเดี๋ยวน้องเรียนปริญญาแล้วเราไปเที่ยวกัน 4 คน เป็นแฟมิลี่ทริป เพราะว่าตั้งแต่โควิดไม่ได้ไปไหนด้วยกันเลย เขาก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่งน้องแล้วก็ไปเที่ยวกัน ขับรถไปยาวๆ เป็นโรดทริป น้องก็บอกว่าอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะก่อนที่เขาจะบินไป แต่ไม่ทัน แต่ไม่เป็นไร ในทุกๆ วันตอนที่เขาป่วยเราก็ให้กำลังใจกันตลอด”

บอกภูมิใจที่สุดที่ได้เกิดเป็นลูก “เสนาโค้ก”
“ก็ไม่ได้บอกลานะคะ คุณพ่อเขาสู้ แต่เขาก็มีความหวังทุกๆ วัน เราก็บอกว่าเดี๋ยวพ่อก็ต้องดีขึ้น เดี๋ยวก็หาย ก็เลยจะไม่ได้บอกลาอะไร ก็รับหน้าที่ดูแลคุณแม่ต่อค่ะ ก็ดูแลกันไป เหลือกัน 3 คน เป็นครอบครัวเล็กๆ

มายภูมิใจในตัวคุณพ่อมากๆ ตั้งแต่เด็ก (เสียงสั่น) ทำงาน เราก็ไม่เคยอยู่ในตอนที่เขามีชื่อเสียง แต่ก็รับรู้ตอนที่มีข่าวออกไป และมีภาพจำเขาได้ ให้เสียงหัวเราะกับผู้ชม มีคนรักเขา พอเราอ่านแล้วก็ภูมิใจ แต่ตอนช่วงหลังๆ ที่เขาไม่ได้อยู่หน้าจอเขาก็ทำงานที่มีหน้ามีตา เราก็อยากเดินตามรอยเขา ก็มีเขาเป็นไอดอลค่ะ ดีใจมากที่ได้เกิดเป็นลูกของป๊าเสนาโค้กค่ะ”

ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้กำลังใจเข้ามา บอกเป็นกำลังใจที่ดีมาก
สมาย : “แฟนคลับคุณพ่อให้กำลังใจเยอะมากค่ะ ขอบคุณมากเลย”

ภรรยา : “ขอบคุณมาก กำลังใจดีมากเลย คนรักเยอะมาก เพื่อนฝูงของเขา เราภูมิใจมากตรงนี้”

สมาย : “เราก็ตกใจนะคะ มีคนมาให้กำลังใจเยอะตลอดเลย”

ภรรยา : “ส่วนกำหนดการหลังจากนี้ฌาปนกิจเสร็จก็จะไปลอยอังคารค่ะ แต่ยังไม่ได้คิดเลยค่ะว่าที่ไหน เพราะมันกะทันหันมากเลย ศาลายังจองไม่ได้เลย ก็มาได้ศาลานี้เลยค่ะ มีญาติผู้ใหญ่มาให้คำปรึกษาค่ะ มีญาติผู้ใหญ่ที่พี่โค้กเคารพรักมา ถามว่าอยากพูดอะไรถึงพี่โค้กไหม ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เพราะเราก็เต็มที่กับทุกๆ เรื่องกับเขา กับครอบครัวนี้ค่ะ”

สมาย : “ก็บอกไปหมดแล้วตลอดช่วงที่เขาไม่สบาย ก็รักป๊าที่สุดในโลก และน้องมาวิน น้องชายก็รักป๊ามากๆ ที่สุดในโลกค่ะ และไม่อยากให้ห่วงอะไร วันนึงเราต้องได้เจอกันอีก และก็จะดูแลแม่ให้ดีที่สุดค่ะ”























กำลังโหลดความคิดเห็น