“หนิง ปณิตา” เซ็ง ต้องยกเลิกกองถ่ายด่วน เหตุนางเอกเจอผู้เสี่ยงติดเชื้อจากกองอื่น ยันตรวจแล้ว “ปูเป้” ไม่ติดโควิด แต่ให้กักตัวเพื่อความชัวร์ของทุกคน ลั่นไม่โทษว่าเป็นความผิดนางเอก บอกปฏิบัติตามกฎของรัฐทุกอย่างเข้ม เลือกเปิดกองตอนสถานการณ์ไม่นิ่ง เพราะหยุดต่อไม่ได้ กระทบทุกฝ่ายมา 6 เดือน เดือดร้อนกันถ้วนหน้า
อุตส่าห์เตรียมตัวกันเสียดิบดี เพื่อที่จะกลับมาเดินหน้าถ่ายทำละครต่ออีกครั้ง สำหรับละครเรื่อง บ่วงวิมาลา ของผู้จัดคนสวย “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” แต่เปิดมาวันแรกก็มีอันต้องสะดุด เพราะนางเอกของเรื่อง “ปูเป้ เกศรินทร์ น้อยผึ้ง” ได้ไปถ่ายละครที่กองอื่นมา แล้วไปเจอผู้เสี่ยงติดเชื้อโควิด ถึงแม้ว่าผลตรวจออกมาจะเป็นลบ แต่เพื่อความชัวร์และความปลอดภัยของทุกคน หนิงเลยให้ขอให้กักตัวและเบรกทุกอย่างในกองไว้ก่อน
“จริงๆ ตอนแรกจะเปิดกล้องบ่วงวิมาลาวันนี้ (15 ก.ย.) แต่พอดีได้รับแจ้งจากผู้จัดการของน้องปูเป้ (นางเอก) ว่ามีคนในกองที่น้องไปทำงานก่อนหน้านี้ มีความสงสัยว่าจะติดโควิดหรือไม่ติด เราจึงต้องเบรกทุกอย่างก่อนเพื่อความชัวร์ และน้องได้มีการตรวจ ATK ไปแล้ว 2 รอบ ผลออกมาเป็นลบ คือเจอกันในบริเวณเดียวกัน แต่ยังไม่เข้าร่วมกัน ไม่ได้สุงสิงกัน แต่เราก็ต้องป้องกันไว้ก่อน และน่าจะเลื่อนออกไปจนจะเปิดกองอีกทีคือวันพุธหน้า
คือตอนนี้เราไม่สามารถสลับคิวได้เลย เพราะมาตรการของกสทช. เราต้องส่งเอกสาร เหมือนรายงานว่าวันนี้ถ่ายที่ไหน ทำหนังสือถึงเขตนั้นๆ ตามโลเกชั่น แต่พอเรารู้เรื่องของน้องเขา เราจึงทำหนังสือออกมาไม่ทัน เพราะเราต้องแจ้งล่วงหน้า 1 อาทิตย์ เราก็เลยต้องสลับคิวไปทีเดียวอาทิตย์หน้าเลย
และในส่วนของน้องเองก่อนที่จะมาทำงาน เราก็อยากให้น้องไปตรวจที่โรงพยาบาล เอาผลตรวจมายืนยันอีกทีหนึ่ง แต่ตอนนี้เราก็สบายใจเพราะผลของน้องเป็นลบ ซึ่งถ้าถามว่าถ้าน้องเขาจะทำงานเลยได้ไหม ก็ทำได้ แต่หนิงว่ามันไม่ควรที่จะทำ อีกอย่างตอนนี้ต้องทำหนังสือแจ้งคิวให้ กสทช. ใหม่อีกครั้ง อย่างที่บอกว่าตอนนี้เราต้องมีหลายขั้นตอนมากกว่าเดิม
นอกจากทำหนังสือถึง กสทช. แล้ว เราก็ต้องแยกถ่าย โลเกชั่นก็ต้องเป็นที่เปิดกว้าง และสัดส่วนตารางเมตรต่อคน มันก็ต้องมีรายละเอียดตรงนี้ด้วย ซึ่งเราก็ต้องขอบคุณในทุกส่วนในแต่ละหน่วยงาน หรือในส่วนของน้องปูเป้ ซึ่งเขาไม่ต้องแจ้งเราก็ได้ เพราะผลตรวจเขาเป็นลบ แต่ในการแจ้งกันก็คือดีมากๆ เพราะหนิงจะเน้นตลอดเวลากับคนในกอง ไม่ว่าจะส่วนไหนก็ตาม ต้องช่วยสอดส่งกันเพื่อความปลอดภัยของทุกคน”
ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับปูเป้ ไม่โทษว่าเป็นความผิดใครทั้งนั้น แต่ก็มีแอบเซ็งอยู่บ้าง
“หนิงยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับน้องปูเป้เลย แต่มันไม่ใช่ความผิดของน้อง เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากจะให้เกิด มันไม่ใช่ความผิดน้อง หนิงต้องขอบคุณในความรับผิดชอบมาก มันไม่ใช่ความผิดใครทั้งสิ้นเลย หนิงว่าอย่าโทษกัน เพราะไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้ แต่พอปัญหามันเกิดขึ้นแล้ว ยอมรับว่าเซ็งไหม ก็คือเซ็งแหละ แต่จะมาหงุดหงิดมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เราเปลี่ยนมายอมรับและก็วางแผนไปข้างหน้าว่าจะยังไงต่อไป และอย่างเมื่อวานต้องไปดูโลเกชั่น ก่อนขึ้นรถเราก็ต้อง swab เอาให้มันปลอดภัยจริงๆ
เพราะกองหนิงก็เตรียมมาตรการความปลอดภัยอย่างแน่นหนามากๆ ซึ่งก็ไม่ใช่กองเราคนเดียว กองอื่นเขาก็แน่นหนาเหมือนกัน เราก็ระดมไอเดียจากผู้จัดในช่องและช่วยๆ กันคิด ทำให้มันออกมาดีที่สุด ถ้ามันเกิดปัญหาขึ้นที่กองใดกองหนึ่งขึ้นมา เพราะบางทีเราก็ใช้นักแสดงร่วมกัน ใช้ทีมช่างแต่งหน้าร่วมกัน หรือช่างไฟช่างกล้อง ถ้ามันเกิดปัญหาขึ้นมันก็จะลามไปอีกกล้องทันที และเชื่อว่าทุกคนก็อยากทำงาน ซึ่งทุกคนเองก็จะมีมาตรการควบคุมที่ละเอียดกันทุกคน เพราะว่าถ้าเราไม่ช่วยกัน ซึ่งถ้าไม่ได้ทำงานก็ไม่ได้ทำงานกันทั้งโขยงเหมือนกัน”
ภาครัฐไม่ได้ระบุ ที่ไหนถ่ายได้ไม่ได้ แต่ต้องมีเอกสารยืนยันครบถ้วน
“ทางภาครัฐเขาไม่ได้ระบุ ว่าที่ไหนถ่ายได้หรือไม่ได้ แต่ดาราที่ต้องถอดมาสก์ก็จะมีเอกสารให้กรอกว่ามีการถอดหน้ากาก และถ้ามีอาการป่วยก็จะมีเอกสารมาให้นักแสดงเซ็น และด้วยข้อจำกัดในการทำงานในตอนนี้ เราก็ต้องตัดฉากใกล้ชิดออกไปก่อน หรือว่าอะไรแก้ไขได้ เราก็ต้องแก้ไขไป แต่ถ้าอะไรมันแก้ไขไม่ได้หรือว่าฉากนั้นมีคือจุดพีก มันต้องใกล้กันมากๆ เราก็จะเลื่อนการถ่ายทำออกไปก่อน ถ่ายทีหลัง ให้พ้นช่วงเวลานี้ไปก่อน หรืออย่างวันหนึ่งเราต้องถ่ายให้ได้ 21-22 ฉาก แต่ตอนนี้เราอาจจะถ่ายไป 2-3 ชม. และมีการพักก่อนเพื่อฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อก่อน จำนวนฉากก็ได้น้อยลงไป ซึ่งเราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ เราต้องปรับตัว”
ในฐานะผู้จัดก็เครียด ต้องคอยดูแลให้ได้ตามมาตรการ
“ซึ่งเราเป็นผู้จัดเราก็เครียดนะ อย่างแค่เวลาประชุมเราก็ต้องคอยมอง คอยดูว่าอย่าให้มาสก์หลุดลงมานะ ให้ล้างมือ อยู่ห่างๆ กันหน่อย เราก็เลยกลายเป็นคนขี้บ่นไปเลย ขี้บ่นกับทุกคน หรือกับคนใกล้ตัวเพราะเราก็เป็นคนนอยด์เหมือนกัน เพราะเราก็กลัวไง”
เรื่องการจำกัดคนในกองถ่ายก็มีปัญหาบ้าง ต้องขอความร่วมมือดารา งดมีผู้ติดตาม และในกองถ่ายก็ต้องลดจำนวนแม่บ้านด้วย
“อย่างเรื่องจำกัดคนในกองก็มีปัญหา อย่างดาราเขาก็ต้องมีผู้ติดตามต่างๆ เราก็บอกว่าโอเค ขอให้ไม่มานะ เพื่อจะจำกัดจำนวนคนในกอง หรือทีมแม่บ้านเมื่อก่อนใช้หลายคน แต่ตอนนี้ก็ต้องจำกัดลดคนลงมา อาหารการกินก็จะมีเป็นถาดหลุมมา ของใครของคนนั้นไปเลย และนักแสดงก็จะมีกล่องที่ใส่ของไว้สำหรับตัวเอง
นักแสดงก็อาจจะต้องช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น เพราะด้วยจำนวนคนในกองที่จำกัด ซึ่งเราก็โทร.อธิบายให้ทุกคนได้ฟังแล้ว นาทีนี้ถ้าเราอยากทำงาน เราก็ต้องช่วยกัน ส่วนช่างแต่งหน้าจากที่เคยมี 3 คู่ ก็เหลือคู่เดียว หรืออุปกรณ์การแต่งหน้าถ้าใครเอามาเอง ก็เอามา แต่ถ้าไม่เอามาเอง หนิงก็ซื้อตู้อบยูวีเอาไว้
ส่วนทีมงานเราจะไปห้ามเขาไม่ให้เขารับงานกองอื่นก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นพนักงานประจำ เพราะทุกอย่างคือปากท้องของเขา และเขาไมได้ทำงานมา 6 เดือน และพอช่วงนี้ทำงานได้ เขาก็ต้องรีบทำ และไม่ใช่ทำเอาไปกินนะ ทำเอาไปใช้หนี้เก่าที่เขาเป็นหนี้มา อย่างกองหนิงเขาก็มาขอเบิกเงินล่วงหน้า ซึ่งเราก็ต้องพยายาม swab กับทีมงานนี้อย่างละเอียด แม้คุณจะ swab กองโน้นมาแล้วก็ตาม แต่มากองเราก็ต้อง swab อีกเช่นกัน”
เลือกเปิดกล้องถ่ายทำ ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่นิ่ง เพราะมันหยุดต่อไม่ได้แล้ว มีผลกระทบกันทุกฝ่าย 6 เดือนที่หยุดมา เดือดร้อนกันทุกคน
“หนิงเลือกที่จะเปิดกองและเริ่มถ่ายทำ ขณะที่ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่นิ่ง เพราะอย่างที่บอกว่า 6 เดือนไม่ได้เปิดกอง ตอนนี้มันกรอบแล้ว มันมีผลกระทบจริงๆ นะ 6 เดือนเราไม่ได้ทำงาน ทีมงานที่เป็นประจำเขาไม่ได้มีผลกระทบ แต่เราเป็นเจ้าของธุรกิจ เราไม่มีรายได้เข้ามาเลย แต่เราก็ต้องจ่ายเงินเดือน ซึ่งทีมงานที่เขาไม่ได้รับเงินประจำ เขาเป็นฟรีแลนซ์ 6 เดือนที่เขาไม่มีงาน และถ้าไม่ทำงานและหยุดต่อไป ก็ตายหมู่เช่นกัน
รวมไปถึงตอนนี้ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นเพราะต้องมีค่า swab เพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นกับกองเรากองเดียว มันเกิดขึ้นกับส่วนรวมทั้งหมด เราต้องอยู่กับมัน เราต้องปรับตัวไปกับมัน ซึ่งมันก็ยากกว่าเดิมไปอีกหลายเท่า และหนิงก็กลัวว่าบางฉากถ้าอรรถรสมันจะลดลง เนื่องจากข้อจำกัดในหลายด้าน แต่เราก็ประชุมกันเยอะๆ ว่าถ้าแก้ไขแล้วมันจะโอเคขึ้นกว่าเดิมไหม สมมติฉากมันไม่สวย เราก็อาจจะเพิ่มเติมในส่วนของเสื้อ หน้าผมเข้าไป แสงต้องสวย ให้คนมาโฟกัสอย่างอื่นแทน รวมไปถึงแอ็กติ้งของนักแสดง เพื่อให้คนดูลืมฉากที่อาจจะไม่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าที่ควร”