“แก้ว อภิรดี” ตื่นเต้นเล่นซีรีส์เรื่องเดียวกับ “เบลล์” ลูกสาว บอกไม่ได้เทรนอะไรเป็นพิเศษ แค่ให้เข้าใจตัวละคร ไม่อยากให้กดดัน เผยด้านความรักไม่หวานทั้งคู่ แต่ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม แค่ไม่ค่อยเจอกัน เพราะต่างคนต่างทำงาน ห่วงกลัวเอาโรคโควิดกลับมาแพร่ให้ครอบครัว ลั่นหวานกันน้อยหน่อยดีกว่าปุ๊บปั๊บรับโลง
ถือเป็นครั้งแรกเลยสำหรับคู่แม่ลูก “แก้ว อภิรดี ภวภูตานนท์” และ “เบลล์ เลลาณี ทศพร” ที่ได้มาเล่นซีรีส์เรื่องเดียวกัน ซึ่งล่าสุดได้ทำการบวงสรวงแล้วเรียบร้อยกับซีรีส์เรื่อง เมนูลับฉบับแก้มยุ้ย ณ ช่อง 9 MCOT HD โดย แก้วและเบลล์ ได้เผยว่าตื่นเต้นที่ได้เล่นเรื่องเดียวกัน แต่โชคดีที่ในเรื่องไม่ได้เจอกัน ไม่อย่างนั้นคงเกร็งแย่
แก้ว : “ก็ได้มาแสดงร่วมกัน แต่ว่าไม่ได้เล่นด้วยกันในเรื่องนะคะ คืออยู่คนละบ้าน น้องเบลล์จะอีกบ้านนึง แต่บทคล้ายกันอยู่อย่างนึงก็คือแก้วแสดงเป็นแม่ของนางเอก (หัวเราะ) และเป็นอดีตดาราดังเก่า”
เบลล์ : “เบลล์รับบทเป็นข้าวสวยนะคะ ในเรื่องเป็นนักศึกษาอีสาน ในเรื่องข้าวสวยจะเป็นนางเอกซีรีส์ค่ะ ก็ฝากติดตามเรื่องราวกันด้วยค่ะ”
แก้ว : “เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มาเล่นด้วยกันค่ะ เป็นเรื่องแรกเลย ตื่นเต้นมาก แต่ดีนะไม่ได้เข้าด้วยกัน (หัวเราะ) ถ้าเข้าด้วยกันแม่อาจจะเกร็งลูก (หัวเราะ)”
เบลล์ : “หนูสิจะเกร็งเขา ไม่ใช่เขาเกร็งหนู (หัวเราะ)”
แก้ว : “คือที่เกร็งเพราะกลัวจะลุ้น เพราะปกติเวลาแสดงกับนักแสดงหน้าใหม่ทุกคนแก้วก็จะลุ้นว่าเขาจะโอเคไหม พูดหรือยัง แต่พอลูกเราก็ยิ่งลุ้นหนักไปกว่าเดิม ก็เลยดีใจมากที่ไม่ต้องเล่นด้วยกัน (หัวเราะ)”
บอกไม่ได้เทรนให้ เพราะอยากให้เรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่า
แก้ว : “แก้วจะแค่สอนให้เขาเข้าใจว่าตัวละครตัวไหนเขาคิดอะไร ทำไมเขาคิดแบบนี้ ทำไมเขาจะต้องเป็นแบบนี้ ไม่ต้องรีบพูด ไม่ใช่ว่าท่องบทได้แล้วรีบๆ พูด ทุกอย่างมันจะต้องมีเว้นไทม์มิ่งเพื่ออะไรหลายๆ อย่าง ก็จะสอนเรื่องเทคนิคบ้าง เพราะคนที่ไม่เคยแสดงจะคล้ายๆ กันคือเร่งตัวเองในการพูดบทแทบทั้งนั้น ก็เลยจะบอกว่าต้องเผื่อคนทำงานคนอื่น เช่น เขาก็ต้องสลับให้เห็นความรู้สึก บางทีความรู้สึกอาจจะไม่เป๊ะ ไม่ได้เล่นออกมาเป๊ะๆ เราก็นิ่งไว้นิดนึง อาจจะมีความธรรมชาติน้อยกว่าชีวิตจริง แต่ก็ให้เห็นอารมณ์ได้ชัด แต่จะไม่เป็นคนสอนแอ็กติ้งว่าต้องทำท่านี้ อย่างนี้ๆ เพราะคิดว่าคนมีหลายแบบ อยากให้เขาจินตนาการของเขาเอง”
เบลล์ : “จริงๆ คุณแม่ไม่เชิงแอ็กติ้งโค้ชค่ะ คุณแม่เขาจะปล่อยให้เบลล์ทำการบ้านเองมากกว่า เพราะเขาก็กลัวว่าจะกดดันเบลล์ แต่ถ้าเบลล์อยากปรึกษาเรื่องอะไรก็จะคอยถามเขา อย่างเช่นพยายามเข้าใจตัวละครว่าคนเราทำแบบนี้แล้วมันจะเป็นอย่างนี้เหรอ ในชีวิตจริงมีคนอย่างนี้ด้วยเหรอ คุณแม่ก็จะพยายามบอกว่าให้คิดถึงชีวิตจริงมากที่สุด ตัวละครเขาก็เหมือนเป็นคนๆ นึงที่เรากำลังให้เขายืมร่างกายเราชั่วขณะแค่นั้นเอง แล้วเราก็จะได้เป็นตัวละครที่เป็นธรรมชาติ หลักๆ ก็คือให้คิดถึงความเป็นจริงไว้ว่าทำไมคนเราถึงตัดสินใจทำแบบนี้ๆ ด้วยคาแร็กเตอร์ของตัวละคร แต่อย่างที่คุณแม่บอกเลยค่ะ เพราะว่าในเรื่องเราอยู่คนละบ้านกัน เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เจอกันเลยด้วยซ้ำ ก็เลยสบายใจ (หัวเราะ) ไม่ได้เจอกับแม่ในเรื่อง แต่คงได้เจอกันที่กองค่ะ”
แก้ว : “หลายๆ คนชอบคิดว่าแม่ที่เป็นดาราต้องสอนลูก เชื่อว่ามีหลายบ้านไม่น่าสอน เพราะไม่อยากให้เขาเห็นเราเป็นแม่ปู อยากให้เห็นเขาเป็นตัวละครตัวนึงที่เขาคิดของเขาเอง หรือแก้วไม่ชอบสอนแนวนั้นก็ไม่รู้ หรือวิธีการสอนอาจจะแตกต่างกัน บางคนชอบให้เล่นให้ดู แต่เราชอบดูเขามากกว่า แล้วถามเขาว่าเขาคิดยังไง มันง่ายกว่าที่จะให้เราทำแล้วให้เขาลอกเลียนแบบ”
ยอมรับมีความกดดันในความเป็นลูกของ ”แก้ว อภิรดี”
แก้ว : “(หัวเราะ) ก็บอกเขาว่าเวลาทำงานสิ่งเดียวที่เรารู้สึกได้ก็คือเราสนุก เราชอบ เราเข้าข้างตัวละคร สมมติว่าเราเล่นเป็นคนเลว เราต้องไม่คิดว่าเราเลว เราต้องคิดว่าฉันดี ฉันดีที่สุดแล้ว ทุกคนรังแกฉัน ทุกคนแย่งสิ่งที่ฉันต้องการ ต้องเข้าข้างตัวละคร”
เบลล์ : “ไม่มีมนุษย์คนไหนไม่เข้าข้างตัวเองหรอกเนอะ คนเราทำผิดมันก็มีเหตุผลของแต่ละคน แต่ก็กดดันนะคะ ต้องยอมรับว่ากดดันอยู่แล้วค่ะ เพราะคุณแม่ก็ทำผลงานออกมาไว้ดีมาก เบลล์ก็รู้สึกว่าอย่าเอาเบลล์ไปเปรียบเทียบกับคุณแม่เลยนะคะ (ยกมือไหว้ก่อนหัวเราะ) เพราะเบลล์ก็ถือว่าเป็นนักแสดงน้องใหม่นะคะ ยังไงก็จะพยายามพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ ค่ะ”
แก้ว : “เขาชอบค่ะ อะไรที่เขาอยากทำแล้วชอบ แก้วก็เชียร์อัปอยู่แล้ว แต่บอกเขาว่ามีอยู่อย่างนึงอย่าทำงานด้วยความรู้สึกว่าตั้งใจจะให้เป็นอย่างนี้ มีความมุ่งมั่น มีสมาธิน่ะดี แต่อยากให้ทำให้เกิดความสุขและสนุก ในความรู้สึกของแก้วนะคะ บางคนอาจจะมองว่าทำไมสอนลูกให้ไม่ตั้งใจ คือให้มุ่งมั่นในการทำงาน แต่ไม่อยากให้ตั้งใจ เพราะศาสตร์ทางด้านศิลปินแก้วว่ามันเป็นเหมือนน้ำที่เราดัดได้หมด เราไม่จำเป็นต้องมีอะไรตายตัว ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้กำกับและการตีบท”
เผยโควิดที่ผ่านมามาตรการในบ้านก็เข้มไม่แพ้ข้างนอก
แก้ว : “ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนนะคะ อยู่บ้าน เวลาทานอาหารก็แยกกันคนละกล่องเหมือนมากองถ่ายนี่แหละค่ะ ช้อนใครช้อนมัน เป็นไปได้ห้องที่นั่งรวมกันก็จะใส่มาสก์หรือบางทีก็อยู่กันคนละจุด แต่ที่เรายังมีกิจกรรมกันอยู่เสมอคือสรรหาเรื่องของวิตามินหรือการออกกำลังกาย บางทีแก้วขี้เกียจ นั่งดูซีรีส์ทั้งวันทั้งคืน ลูกก็จะเตือน มี๊อาบน้ำได้แล้ว ลุกบ้างเดี๋ยวเป็นแผลกดทับนะ (หัวเราะ) นางเห็นนอนตั้งแต่เช้ายันเย็นแล้วก็อยู่กับที่ ลุกแค่มาเข้าห้องน้ำ นางก็จะแซว คือเขาจะเป็นคนชอบเล่นกีฬา แต่คนจะคิดว่าแก้วเป็นคนดูแลร่างกายน่าจะเป็นคนออกกำลังกายเยอะๆ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย ขี้เกียจมาก (หัวเราะ)”
เบลล์ : “แต่อยู่บ้านเดียวกันยังไงสถานการณ์โควิดถ้ายังออกไปทำงานข้างนอก ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมนะคะว่าเราก็ต้องมีมาตรการในบ้านด้วยเหมือนกัน เพราะต่อให้เป็นคนในครอบครัวก็อันตรายเหมือนกันค่ะ”
แก้ว : “แยกกันหมดเลยค่ะ อย่างในบ้านเปิดแอร์ดูทีวี ก็จะติดไว้เลยว่าผ้าห่มใครผ้าห่มมัน หมอนใครหมอนมัน แม้กระทั่งกลับมาบ้านทุกคนจะรักสุนัขใช่ไหมคะ ก็จะบอกว่าห้ามกอด ห้ามหอม ต้องไปล้างมือก่อน ก็จะทำมาตรการพอสมควรเลย เพราะลูกๆ ก็จะห่วง เพราะเราอายุเยอะแล้ว และโควิดเขาชอบคนวัยนี้ซะด้วย (หัวเราะ) แล้วเลือดกรุ๊ป A อีกต่างหาก ก็กลัว (หัวเราะ) แต่ที่บ้านเป็นคนเฉยๆ กันนะคะ เหมือนต่างคนต่างอยู่ เพราะมีโลกส่วนตัวกันเยอะ แต่เขาก็คอยดูแลเวลาที่แม่ขี้เกียจมากกว่า และเราก็คอยดูแลเวลาเขาขี้เกียจ คือต่างคนต่างกระตุ้นกัน”
บอกความรักก็พลอยห่างเพราะโควิดเหมือนกันทั้งคู่ของแม่และลูก
แก้ว : “ความรักหวานแหววไหมเหรอ (หัวเราะ)”
เบลล์ : “ถามว่าคุยเรื่องความรักกับคุณแม่ไหม ก็คุยบ้างค่ะ แต่เราจะไม่ค่อยคุยเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ จะคุยเรื่องทั่วไปมากกว่าถามไถ่สารทุกข์สุกดิบค่ะ แต่ถามว่าความรักยังหวานเหมือนเดิมไหม หวานเหรอ ก็ไม่นะ ปกติค่ะ”
แก้ว : “(หัวเราะ) แก้วกับเบลล์จะขาห้าวๆ มากกว่า จะลุยๆ ค่ะ เป็นคนที่ไม่ใช่แนวหวาน แต่เขาก็ไม่ค่อยได้เจอกันกับอาเมน (โสตถิพันธุ์ คำลือชา) เท่าไหร่นะคะ”
เบลล์ : “ตั้งแต่โควิดไม่ได้เจอกันเลยค่ะ 3 เดือนได้แล้วค่ะไม่ได้เจอกันเลย”
แก้ว : “ก็ยิ่งไม่ห่วงใหญ่เลยค่ะ”
เบลล์ : “เพราะโควิดค่ะ รู้สึกว่าช่วงนี้ถ้าเบลล์ต้องออกไปทำงานหรือเขาต้องออกไปทำงาน มันเคยมีกรณีที่ไปด้วยกันแล้วเขาไปเจอคนอื่นมา เบลล์ก็จะทำให้ที่บ้านไม่ปลอดภัย ก็เลยรู้สึกว่าช่วงนี้ถ้าเราต่างคนต่างต้องทำงาน เราอย่าเพิ่งเจอกันดีกว่าเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวเราด้วยค่ะ แต่ถามว่าทำให้ความหวานลดลงไหม ก็ไม่นะคะ (หัวเราะ) ก็ปกติค่ะ ตั้งแต่รู้จักกันแรกๆ เลยเบลล์กับพี่อาเมนก็จะคุยกันผ่านวิดีโอคอลอยู่แล้วค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าการที่ไม่ได้เจอกันเราตัดสินใจทั้งคู่ว่าแบบนี้มันดีกว่า และช่วงนี้เบลล์ก็เริ่มมาถ่ายละคร พี่เขาก็ถ่ายเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าเอาไว้ว่างและทุกอย่างดีขึ้นค่อยเจอกันก็ได้”
แก้ว : “ส่วนของแก้วก็จะห่างกันขึ้นค่ะ จะเกิดความห่างมาก เพราะแฟน (เสธ.ต๊อด พ.อ.วินธัย สุวารี ) ไปหลายที่เหลือเกิน กลัว ก็จะไม่แตะเลย ถามว่าห่วงความสัมพันธ์ไหม ก็เหมือนจากสามีกลายเป็นแฟนหรือคนสนิทไปแล้ว เพราะเหตุผลที่ห่างมาก ก็ตามมาตรการเลยค่ะ ในความรู้สึกมันก็เป็นความรู้ส่วนนึงแล้ว ในความกลัวทางด้านจิตใจที่เราเห็นคนเสียชีวิตต่อวันเราก็กลัวเอง และทำมาตรการให้ตัวเองเข้มขึ้นด้วยค่ะ”
เบลล์ : “คือเจอกันได้ ไม่ใช่ไม่เจอเลย แต่เราก็ต้องเจอกันในแบบที่ปลอดภัยค่ะ”
แก้ว : “กลัวโรคมากกว่ากลัวไม่หวาน (หัวเราะ)”
เบลล์ : “เพราะเราเป็นห่วงคนที่บ้านค่ะ ห่วงครอบครัวเรา เพราะฉะนั้นคนที่ออกไปนอกบ้านต้องระวังตัวมากที่สุด อะไรที่เลี่ยงได้เบลล์ว่าเลี่ยงก่อนดีกว่าค่ะ”
แก้ว : “รักนะ แต่อยู่ห่างๆ เถอะ (หัวเราะ) ไม่ได้ใกล้ชิดเลยค่ะ กลัว ยิ่งแฟนออกจากบ้าน ทำงานทุกวันเรายิ่งกลัว”
เบลล์ : “อยู่บ้านคุณแม่จะมีมาตรการสูงมากค่ะ”
แอบบ่นว่าเหงา แต่ขออยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ดีกว่า
แก้ว : “ก็เวลาเขาเดินผ่านก็จะบอกว่าเดี๋ยวๆ ขอเดินก่อน (หัวเราะ) แล้วเราก็จะต่อว่าเขานะ ตั้งแต่มีโควิดทำไมแก้วรู้สึกเหงาๆ เขาก็บอกว่าก็น่าหรอก หมู หมา กา ไก่อะไรห่างหมดเลย (หัวเราะ) คืออารมณ์กลัวก็กลัว แต่อยากเหมือนเดิมก็อยากเหมือนเดิม แต่รู้สึกว่าเวลามันเป็นปุ๊บปั๊บรับโลงก็ไม่ไหวนะ”
เบลล์ : “เวลาเจอกันคุณแม่จะเอาปืนแอลกอฮอล์พ่นพี่เขาก่อน พ่นทั้งตัวเลยค่ะ แล้วค่อยคุยกัน”
แก้ว : “คือก่อนมาต้องยิงก่อนล่วงหน้า อย่าเข้าใกล้ เราอาจจะนอยด์ก็ได้ เพราะเห็นแต่ละคนแล้วเราก็กังวล กลัวเรื่องความสัมพันธ์ไหม คือถ้าคนมันจะแย่ คนมันจะไม่รัก ไม่ต้องมีโควิดหรอกมันก็ไป แก้วคิดอย่างนี้นะ แต่ไปแบบยังมีชีวิตอยู่ดีกว่านะ อย่าแบบรักกันมาก แต่จากชั่วชีวิตก็ไม่เอา เลือกที่จะปกป้องตัวเองก่อน เพราะเรายังมีลูก ก็เลยมองว่าอย่างนี้ดีกว่า เติมความหวานกันยังไง แค่โทรศัพท์ก็พอค่ะ เห็นหน้า ทานข้าว ก็พอแล้ว ซื้อข้าวอร่อยๆ หวานๆ มาก็พอ (หัวเราะ)”
เบลล์ : “แม่เขาจะเป็นคนชอบเอาใจคนอื่นอยู่แล้วค่ะ โดยเฉพาะคนที่เขารัก เวลาไปไหนก็จะซื้อของมาฝาก ซื้อผลไม้มาฝาก ก็จะนึกถึงคนที่เขารักเสมอค่ะไม่ว่าจะทำอะไร”