หลายคนอาจจะชื่นชอบคิวบู๊ในหนังแอคชัน Kingsman: The Secret Service หรือจะเป็นหนึ่งในคิวบู๊ที่น่าจดจำที่สุดในช่วงหลังของฮอลลีวูด ทั้งการออกแบบท่าทางการต่อสู้ และไอเดียในการถ่ายทำ รวมถึงความโหดชนิดถึงพริกถึงขิงด้วย แต่ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ก็คือ คิวบู๊ที่ว่าด้วยการต่อสู้ ห้ำหั่นเอาเป็นเอาตายในโบสถ์ฉากนี้ เป็นผลงานของอดีตสตั๊นท์แมนที่เคยทำงานกับเฉินหลงมาอย่างยาวนานนั่นเอง
จาก อดีตสตั๊นท์แมนและนักแสดงที่ร่วมงานกับเฉินหลงใน หนังหลายๆ เรื่อง เขาได้กลายเป็นผู้กำกับคิวบู๊ระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว
ชื่อของเขาคือ "แบรดลีย์ เจมส์ อัลเลน" หนุ่มออสเตรเลีย ที่รูปร่างค่อนข้างเล็กจนถูกเลือกมารับบทผู้ต่อสู้ของเฉินหลงในหนังหลายๆ เรื่องคนนี้ ข้ามน้ำข้ามทะเล มาร่วมงานกับเฉินหลงเมื่อประมาณเกือบสามสิบปีก่อนและมีโอกาสได้กลายเป็นคู่ต่อสู้ของเฉินหลงในหนังหลายๆ เรื่อง จนได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมสตั๊นท์แมนของ เฉินหลง ด้วย
น่าเสียดายที่เขาได้จากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 48 ปีเท่านั้น โดยการเสียชีวิตที่ไม่มีการเผยถึงสาเหตุที่ชัดเจนออกมาในครั้งนี้ก็ทำเอาเฉินหลงระบุว่าเขาได้สูญเสียพี่น้องคนสำคัญไปแล้ว
แบรดลีย์ เจมส์ อัลเลน คือหนึ่งใน สมาชิกของทีมสตั้น JC Stunt Team ทีมคิวบู๊ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งที่โลกเคยมีมา ที่ก่อตั้งโดยเฉินหลง มีสมาชิกเป็นทั้งนักแสดงและสตั้นท์แมน ระดับยอดฝีมือมากมาย
อาทิ "ฟงเค่ออัน" สุดยอดดาวร้าย และอดีตสตั๊นท์คนดัง ที่มีผลงานมาอย่างยาวนาน ถือว่าเป็นดาราที่อยู่คู่วงการหนังฮ่องกงอีกคนและยังมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมสตั้นท์ของเฉินหลงในยุคหนึ่งด้วย โดยเขามีพื้นฐาน มาจากการเป็นนักแสดงงิ้วเหมือนกับเฉินหลงก็เลยเข้าขากันได้แบบสุดยอด
อีกคนที่เคยเป็นสมาชิกทีมสตั๊นท์ของเฉินหลงมาอย่างยาวนาน ก็คือสตั้นท์แมนที่ชื่อว่า "เจียงหรงฟา" ที่ไม่ได้เป็นแค่สตั้นท์เฉยๆ แต่ยังเป็นเพื่อนสนิทของเฉินหลง ทั้งสองเป็นสตั้นท์แมนด้วยกันมาตั้งแต่เฉินหลงยังไม่ดัง เมื่อเฉินหลงกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ก็เลยดึงตัวเขามาอยู่ในทีมด้วย
เจียงหรงฟา ถือว่าเล่นคิวบู๊ประเภทผาดโผนได้อย่าง เซียนสุดๆ ถึงขนาดที่ว่าเค้าคนนี้คือตัวแสดงแทนของเฉินหลงในหลายๆ ฉากถือว่าเป็นสตั้นท์แมนระดับตำนานอีกคนของวงการบันเทิงฮ่องกงเลยก็ว่าได้
อีกคนที่เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมสตั๊นท์เฉินหลงก็คือ อดีตตัวประกอบและสตั๊นท์แมนที่ชื่อว่า "เบน หวัง" คนนี้เคยรับบทสำคัญในฉากบู๊ดังเฉินหลงหลายเรื่องถือว่าเป็นคนที่อยู่กับเฉินหลงมาตั้งแต่ต้นอีกคน
ด้วยความที่ตัวเองก็เติบโตมาจากการเป็นสตั๊นท์แมน เฉินหลง จึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับ แผนกคิวบู๊ในหนังของตัวเองเป็นพิเศษ ทั้งในเรื่องการให้ค่าจ้างอย่างสมน้ำสมเนื้อ รวมถึงการทำประกันชีวิต และจ่ายค่าตัวให้ค่อนข้างสูงกว่าหนัง ฮ่องกงโดยทั่วไป
วงการหนังฮ่องกงในยุคเริ่มต้นนั้น อาชีพสตั๊นท์แมนแทบจะเป็นงานที่รายได้ต่ำมาก แต่ละคนจะไม่ได้รับการว่าจ้าง อย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ต้องมารองานในแต่ละวันถ้ามีฉากคิวบู๊ ก็จะได้มีโอกาสทำงานและได้เงิน ส่วนใหญ่ไม่ได้ค่าตัวเป็นชิ้นเป็นอัน แต่จะได้เงินเป็นแค่จ้างรายวันแทบไม่แตกต่างอะไรกับผู้ใช้แรงงานเลย
กระทั่งเฉินหลงมีโอกาสดูแลงานสร้างหนังของตัวเองแบบเบ็ดเสร็จ เขาจึงพยายามที่จะยกระดับอาชีพสตั๊นท์แมน และก่อตั้งทีมสตั๊นท์ของตัวเองขึ้นมา เริ่มเกาะกลุ่มทำงานกันมาตั้งแต่หนังเรื่อง ไอ้หนุ่มหมัดฮา, ไอ้หนุ่มพันมือ และไอ้หนุ่มหมัดเมา ซึ่งเป็นงานยุคต้นๆ ที่เฉินหลงเริ่มโด่งดังกลายเป็นซูเปอร์สตาร์
JC Stunt Team ก่อตั้งขึ้นในช่วงการถ่ายทำหนังเรื่องโปรเจคเอ หรือ เอไกหว่า หลังจากนั้น เป็นต้นมา JC Stunt Team ได้กลายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคิวบู๊ระดับตำนานหนังของเฉินหลงทุกเรื่อง งานของทีมครอบคลุมทั้งการ ทำหน้าที่เป็นตัวแสดงแทนของนักแสดงในเรื่อง รับบทตัวประกอบ ในฉากแอ็คชันต่างๆ หลายๆ คนจะมีโอกาสได้ร่วมแสดงในบทสำคัญด้วย
ตัวของฉันลงเองก็ยังพยายามผลักดัน สมาชิกทีมสตั๊นท์ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถึงขั้นเคยลงทุนสร้างหนังให้พวกเขาได้รับบทนำกันมาแล้วแม้หลายเรื่องไม่ใช่หนังที่ประสบความสำเร็จอะไรเลย อาทิ Angry Ranger แต่หนังก็ยังได้รับการยอมรับจนมาถึงปัจจุบันว่าเป็นผลงานที่เต็มไปด้วยคิวบู๊ระดับเทพ
ปัจจุบัน JC Stunt Team มีการสลับสับเปลี่ยนสมาชิกหมุนเวียนกันมากมาย ตอนนี้ไม่ได้มีแค่เราสตั๊นท์แมนชาวจีนและฮ่องกง แต่ยังมีการรับ บรรดานักบู๊ต่างชาติเข้ามาเป็นทีมงานด้วย JC Stunt Team กลายเป็น ทีมสตั๊นท์ระดับตำนานของวงการภาพยนตร์โลกไปแล้ว อดีตสมาชิกหลายคนประสบความสำเร็จในการเป็นผู้กำกับคิวบู๊ และผู้กำกับภาพยนตร์
ถือว่าเป็นความยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งที่เฉินหลง สร้างเอาไว้ โดยแท้จริง เรียกว่าถ้าไม่มีทีมสตั๊นท์ของเฉินหลง อยู่เบื้องหลัง ความยิ่งใหญ่ ทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน...