xs
xsm
sm
md
lg

ครูสอนตีกลองแชร์ประสบการณ์ โดน "อ." อาจารย์สอนกลองชื่อดังล่วงละเมิดทางเพศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เป็นประเด็นที่สร้างความฉือฮาในแวดวงมือกลองบ้านเราไม่น้อยทีเดียวภายหลังจากที่ครูสอนตีกลองสถาบันดนตรีมีชื่อแห่งหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแชร์ประสบการณ์ในอดีตที่ถูกอาจารย์สอนตีกลองชายชื่อดังพยายามจะข่มขืน!

เจ้าตัวระบุว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นนักศึกษาเอกดนตรี โดยเธอมีโอกาสได้พบกับครูสอนตีกลองคนดังกล่าวในร้านขายเครื่องดนตรีก่อนที่อีกฝ่ายจะขอเบอร์เธอไว้เพื่อติดต่อพูดคุยเรื่องการตีกลอง ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าตอนนั้นเธอดีใจมากเพราะฝ่ายชายได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์สอนกลองที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่อีกฝ่ายได้โทรศัพท์เข้ามาพูดคุย เธอก็พบว่านอกจากเรื่องกลองแล้วฝ่ายชายยังมักจะชอบถามเรื่องส่วนตัว เช่น อยู่กับใคร ทำอะไร ฯ และที่สำคัญก็คือมีเรื่องเซ็กส์เข้ามาด้วย ทว่าเธอเองไม่ได้สนใจมากนักเพราะคิดถึงแต่เรื่องการตีกลองและพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะไม่คุยถึงเรื่องดังกล่าว

กระทั่งวันหนึ่งครูสอนตีกลองชื่อดังได้นัดเธอไปที่บ้านเพื่อเรียนกลองแบบฟรีๆ ก่อนที่เธอจะถูกอีกฝ่ายล่วงละเมิดทางเพศแต่ยังโชคดีที่เธอยังมีสติและสามารถเอาตัวรอดมาได้

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าอาจารย์สอนตีกลองคนที่ถูกพูดถึงนั้นถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในวงการทั้งยังเคยได้รับรางวัลระดับประเทศและออกหนังสือสอนเทคนิคการตีกลองมาแล้ว


แชร์ประสบการณ์ การเอาตัวรอดจากการโดนล่วงละเมิดทางเพศค่ะ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ _ตั้งใจแชร์เป็นอุทาหรณ์และบอกวิธีการเอาตัวรอด จากประสบการณ์ครั้งนี้ค่ะ ซึ่งในเรื่องจะแบ่งเป็น 2 หัวข้อหลัก คือ

- เล่าประสบการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
- แชร์วิธีเอาตัวรอดเมื่อเจอสถานการณ์จริง

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัว_เอง ย้อนไปหลายปีมาก สมัยมหาลัยปี 3 (นับนิ้วกันได้เลย บ่งบอกความแก่ ฮ่าๆ) ขอแทนตัวเองว่า โซดา ส่วนคู่กรณีคือ อ.(อาจารย์)

ในสมัยเรียน เด็กเอกดนตรีก็จะมีสถานที่ที่พบปะกันไม่กี่แห่งในกรุงเทพ วันนั้นโซดานัดกับเพื่อนไปร้านเครื่องดนตรี เพื่อจะซื้ออุปกรณ์ และได้เจอกับอ. ที่ร้านนั้นมาในลักษณะถ่ายรายการ ซึ่งเพื่อนและโซดาก็รู้จักเค้า เพราะในยุคตอนเราหัดตีกลองตอนเด็กๆ เค้าค่อนข้างมีชื่อเสียง เพื่อนๆและโซดาจึงเข้าไปขอถ่ายรูป พูดคุย ทักทายตามนิสัยนักดนตรี และมีการขอแจมกลองกันในร้าน (ศัพท์ทางดนตรี*การแจม คือ ร่วมเล่นดนตรีด้วยกันหน้างาน ซึ่งได้หลายรูปแบบแล้วแต่ จะตกลงกัน) ซึ่งเมื่อแจมกันเรียบร้อย ก็มีการพูดคุยภาษาดนตรีกันปกติ และก็ต่างขอบคุณ แยกย้ายกันไป

หลังจากวันนั้นไม่นาน ทางอ.ได้ติดต่อโซดามาทางข้อความเฟสบุ๊ค ในลักษณะอยากติดต่อเรื่องกลอง และได้ขอเบอร์ เพื่อโทรพูดคุยกัน ในตอนนั้นยอมรับว่าดีใจมาก เพราะในวงการเค้าคือผู้ใหญ่ การที่เขาทักมาคือสัญญาณที่ดี แต่ความจริงแล้วคือ "หายนะ"


ระหว่างโทรคุยกัน อ. ก็จะพยายามแนะแนวทางด้านกลอง และชวนให้มาเรียนกลองด้วย เพราะอยากจะหาเด็กปั้น และคำถามที่เขาจะถามเสมอคือ อยู่กับใคร ทำอะไร เพื่อนมาหากี่คน เป็นต้น และจะมีบทสนทนาหนึ่งที่จะแทรกเข้ามาแล้วทำให้เรารู้สึกแปลกใจคือ เค้ามาในหัวข้อที่อยากปรึกษาว่า เขามีเด็กที่เค้ากำลังจะปั้น หน้าตาดี เสียงดี เป็นทอม แต่!!! รับงานช่วยผู้ชายให้ถึงจุดสุดยอด อ. ก็จะถามว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ เราก็มักจะตอบว่าไม่โอเคและบ่ายเบี่ยงในหัวข้อนี้เสมอ เพราะมัวแต่สนใจเรื่องกลอง ซึ่งพอมาคิดได้ทีหลัง ก็เข้าใจแล้วว่า เค้าต้องการวัดความคิดเห็นเราในเรื่อง Sex (เรารู้ไม่ทันเค้าจริงๆ)
เมื่อถึงวันที่นัดเจอกัน เราได้รับข้อเสนอว่า ให้มาเรียนกลองฟรีที่บ้านเค้า ซึ่งเราก็ตอบตกลง เพราะเรายังมองเค้าเป็นอาจารย์ที่ต้องการมอบความรู้ให้ เราจึงตกลงไปหาเค้าที่บ้าน เวลาที่เรานัดเค้าเองคือช่วง 15.00-16.00 แต่พอเอาเข้าจริง เราเองขับมอไซค์ดันหลงทาง ยังไม่พอวันนั้นฝนตกอีก (นึกสภาพคนขับมอไซค์เปียกฝน) ทำให้กำหนดการเลื่อนกว่าจะได้เรียนจริงๆก็ปาเข้าไป 18.00 แล้วฤดูฝนมืดไวอีก เมื่อเจอกัน อ.ก็ชวนไปทานข้าวหน้าปากซอย ก่อนเข้าบ้านก็แวะเซเว่นทำการซื้อเบียร์เข้าไปอีก ซึ่งเมื่อถึงหน้าหมู่บ้าน เราก็ค่อนข้างสบายใจ เป็นหมู่บ้านปกติ มีชื่อและเป็นเขตชุมชน ย่าน พนก แต่พอเข้าไปถึงหน้าบ้าน ก็แอบตกใจ เพราะเป็นลักษณะบ้านเหมือนทิ้งร้าง รอบบ้านเป็นป่า ไม่มีรั้ว ไฟแทบไม่มี แต่ก็ทำตัวปกติไปก่อน เมื่อเข้าไปในบ้าน อ.ก็ให้ไปนั่งตรงตำแหน่งกลอง ซึ่งระหว่างนั้น เราก็ได้รีบเอามือถือมาแอบถ่ายรูปและแชทคุยกับเพื่อนที่มหาลัย บอกพิกัดที่อยู่ แล้วบอกเพื่อนว่า ถ้าหายไปนาน แจ้งตำรวจท้องที่ได้เลย (ที่ให้แจ้งตำรวจเพราะถ้าให้เพื่อนมาหา ค่อนข้างไกล ใช้เวลาเป็นชั่วโมง)


ระหว่างที่เราตีกลองไป อ.ก็ทำการสอน และได้หยิบเบียร์ที่ซื้อมาเปิด และยกโน้ตบุ๊คมานั่งด้วยฝั่งตรงข้าม คุยไปคุยมาเรื่องกลอง สุดท้ายก็วนมาเข้าเรื่อง Sex และเมื่อเราปฎิเสธความคิดเขา ก็เริ่มจะมีการถกเถียงขึ้น จนเกิดคำถามสุดท้ายว่า ถ้าสมมุติเค้ามีอารมณ์ทางเพศตอนนี้ โซดาจะทำยังไง ซึ่งเราก็ตอบปัดไปว่า มันก็เรื่องของเค้า พอจบประโยคนี้ เค้าก็บอกว่า"งั้นพี่ถอดเลยนะ" ความคิดเราตอนนั้นคือ นรกละตอนนี้ จะเอาตัวรอดยังไง จึงทำตัวนิ่งและตีกลองไป ส่วนอ.ก็กำลังช่วยตัวเองอยู่ข้างหน้าเรา...

จุดนั้นคือเราก็ตีกลองไม่หยุด พยายามไม่มอง ไม่ยุ่ง แต่คือมันก็อยู่ตรงหน้า สุดท้ายเค้าก็บอกให้เราเลิกตีกลอง มันไม่ใช่เวลาตีแล้ว ให้ไปนั่งข้างๆเขา(บอกแบบหงุดหงิด เชิงบังคับ) เมื่อไปนั่งข้างๆเขา จึงเห็นว่า โน้ตบุ๊คที่เขาหยิบมา ไม่ได้จะมาเปิดดูงานหรือโน้ต แต่!!!กำลังเปิดคลิปโป๊อยู่...เราก็พยายามทำตัวเฉยๆไป อ.ก็เริ่มเอามือมาโอบให้นั่งติดเขา และเริ่มมีพฤติกรรมลวนลาม เช่น พยายามล้วง กด ดึง และให้เปลี่ยนคลิปโป๊ให้ในโน้ตบุ๊ค ซึ่งเมื่อเราประเมินสถานการณ์แล้ว การร้อง การวิ่งหนี คงจะทำให้โดนหนักกว่าเดิม และโอกาสรอดคงน้อยเพราะข้างบ้านไม่มีบ้านคนเลย มีแต่ป่ากับเสียงแมลงร้องหลังฝนตก วิธีในตอนนั้นคือพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่สนใจสิ่งที่เค้าทำ พร้อมทั้งยังชวนเค้าพูดคุยเรื่องอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น(ทั้งที่ในใจ จะตายแล้วจ้าา) ระหว่างนั้นก็พยายามทีหนีทีไล่ไป เค้าจะกดก็ดันออก อารมณ์แบบคนไม่โอเคแต่ไม่ได้แสดงท่าทีหนีหรือกลัว...


จนในที่สุดประตูสวรรค์ก็เปิดออก อยู่ดีๆเพื่อนก็โทรมา ซึ่งเป็นเพื่อนที่ไม่รู้เรื่องนี้ เพื่อนคนนี้ชื่อเต้ย.....เรารีบกดรับสายเพื่อน ส่วนอ.ก็ฟังอยู่ข้างๆ ไม่ยอมปล่อยเรา ในบทสนทนากับเพื่อนมีดังนี้
โซดา : ฮัลโหลว่าไงเพื่อน(เสียงปกติเกิ๊น)
เต้ย : เห้ย เองอยู่ไหน ว่าจะชวนไปกินหมูทอดบ้านแขก(สมัยนั้นหมูทอดบ้านแขกกำลังฮิต)
โซดา : ไปๆๆ อยากกินอยู่พอดีเลย แต่เองรอหน่อยนะ มาทำธุระอยู่ไกล
เต้ย : ได้เพื่อน ว่าแต่เองอยู่ไหน
โซดา : บอกพิกัดไป และพยายามชวนเพื่อนคุยต่อ เรื่องต่างๆ จนเพื่อนผิดสังเกต
...จบสายด้วยการบอกว่าเดี๋ยวเจอกันที่ร้าน...

เมื่ออ.ได้ยินที่เราคุยกับเพื่อน พฤติกรรมก็เริ่มเบาลง แต่ก็ยังไม่หยุด จนสุดท้ายทีหนีทีไล่กันจนอ.สำเร็จความใคร่ ด้วยตนเอง เราจึงขออ.ว่า ต้องรีบกลับเพราะนัดเพื่อนไว้แล้ว จนในที่สุดอ.ก็ยอมปล่อย แต่ก่อนจะปล่อย อ.ได้ขอกอดและมากระซิบข้างหูว่า..."ถ้าเป็นคนอื่นโซดาไม่รอดนะ"

จุดนั้นพอออกมาได้ ความรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่ เหมือนเดินพ้นหน้าบ้านเค้าและหลุดออกจากมิติหนึ่งเลยก็ว่าได้...แต้มบุญที่ทำมาทั้งชีวิต เรียกว่าหมดแล้วเลยดีกว่า ฮ่าา


มาฟังวิธีการเอาตัวรอดในความคิดเราดีกว่าค่ะ
- การร้องและพยายามหนีคือดาบสองคม
เมื่อเราตัดสินใจว่าจะร้องหรือหาความช่วยเหลือ ควรประเมินสถานการณ์ก่อน เช่น สถานที่ และนิสัยผู้กระทำ เพราะถ้าเราร้องหรือพยายามหนี สิ่งที่ผู้กระทำจะต้องทำคือ พยายามหยุดการร้องและการหนีของเรา ข่าวที่ออกมาก็มักจะเป็นในรูปแบบ เหยื่อโดนทำร้าย หรือฆ่านั่นเอง

- ใจลนลานแต่ต้องทำหน้าตาย
ถึงสถานการณ์จะแย่แค่ไหน เรื่องพฤติกรรมและการแสดงออกมักจะช่วยเราได้ ยกตัวอย่าง การเล่นการพนัน ถ้าเราไม่รู้ไพ่คู่ต่อสู้ การแสดงสีหน้าจึงเป็นการสังเกตอย่างนึง ซึ่งคนที่นิ่งกว่ามักจะได้เปรียบ

- เสื้อผ้าการแต่งตัวหรือเพศ ไม่ใช่ตัวบ่งบอกว่าจะโดนหรือไม่โดน
วันเกิดเหตุ โซดาแต่งตัวด้วยชุดเรียบร้อย เสื้อแขนยาว ขายาว รองเท้าผ้าใบ บอกเลยไม่รอด

- คนแปลกหน้าก็คือแปลกหน้า อย่าไว้วางใจ ถึงแม้จะโปรไฟล์ดี
คำนี้คือที่สุด เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะโซดาค่อนข้างไว้วางใจเขา เพราะดูจากอาชีพการงาน เป็นอาจารย์และคนมีชื่อเสียง แต่ความจริง เขาก็แค่คนแปลกหน้า!!!

- คำโบราณยังใช้ได้ อย่าไปไหนมาไหนมืดๆดึกดื่นคนเดียว
มันคือเรื่องจริง โซดาคิดว่าตัวเองมีทั้งเพื่อน ผช ผญ สบายๆเข้ากับทั้งสองเพศได้ ยังไงก็ปลอดภัย แต่ความจริงไม่ใช่เลย เป็นเพศไหน ยังไงก็อันตราย...

สำหรับเรื่องนี้ โซดาตั้งใจแชร์เป็นประสบการณ์เอาตัวรอดแก่ผู้อ่าน ซึ่งผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็น แชร์ และสอบถามได้ ยินดีตอบคำถามค่ะ ถือว่าตนเองโชคดีที่รอดมาได้ ไม่มีปมในใจค่ะ(แต่ภูมิต้านทานสูงม๊ากกก)ส่วนผู้กระทำ ไม่ต้องการเอาความใดๆค่ะ ขอแค่ต่างคนต่างอยู่ อโหสิกรรมค่ะ

***มีหลักฐานรูปสถานที่ แชท ครบนะคะ แต่ขออนุญาตไม่เปิดเผย ใครที่โดนเหตุการณ์เช่นเดียวกัน สามารถทักมาหลังไมค์ได้ค่ะ



กำลังโหลดความคิดเห็น